‘สตีเฟน มิแรน’ นั่งบอร์ดเฟด ด้านศาลอุทธรณ์ชี้ ทรัมป์ปลดลิซา คุกไม่ได้

วุฒิสภาสหรัฐไฟเขียว ‘สตีเฟน มิแรน’ ที่ปรึกษาเศรษฐกิจคนสนิทของทรัมป์ เข้าร่วมคณะกรรมการเฟด ขณะที่ศาลอุทธรณ์สหรัฐมีคำสั่งคุ้มครอง ‘ลิซา คุก’ ผู้ว่าการเฟด ให้ดำรงตำแหน่งต่อไปได้ หลังทรัมป์พยายามปลดโดยอ้างทุจริตสินเชื่อบ้าน
“สตีเฟน มิแรน” ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจของโดนัลด์ ทรัมป์ กำลังจะเข้าร่วม “คณะกรรมการธนาคารกลางสหรัฐ” ซึ่งเป็นคณะตัดสินใจตัวเลขอัตราดอกเบี้ย หลังจากที่วุฒิสภาสหรัฐลงมติรับรองตำแหน่งของเขาเมื่อค่ำวันจันทร์
วุฒิสภาลงมติด้วยคะแนน 48 ต่อ 47 เพื่ออนุมัติการเสนอชื่อของมิแรน ทำให้เขาสามารถเข้าทำงานที่สำนักงานใหญ่เฟดในกรุงวอชิงตันได้แล้วตั้งแต่เช้าวันอังคาร ทันประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ที่มีกำหนดในวันอังคารและพุธนี้
เป็นที่คาดว่า ที่ประชุม FOMC จะ “ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งแรก” นับตั้งแต่เดือนธันวาคม เนื่องจากการเติบโตของการจ้างงานอ่อนแอลง
ที่ผ่านมา พรรครีพับลิกันเร่งรัดอนุมัติการเสนอชื่อของมิแรน ขณะที่ปธน.ทรัมป์กดดันให้เฟดปรับลดดอกเบี้ย
จากนักลงทุนและนักเศรษฐศาสตร์ที่บลูมเบิร์กสำรวจคาดว่า เจ้าหน้าที่เฟดจะลดดอกเบี้ย 0.25 จุดเปอร์เซ็นต์ในวันพุธ อย่างไรก็ดี ทรัมป์ยังคาดว่าจะมี “การลดดอกเบี้ยครั้งใหญ่” กว่านี้จากธนาคารกลาง
“ผมคิดว่าคุณจะได้เห็นการลดครั้งใหญ่” ทรัมป์กล่าวกับผู้สื่อข่าวเมื่อวันอาทิตย์ ระหว่างเดินทางกลับกรุงวอชิงตัน “นี่เป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมสำหรับการปรับลดดอกเบี้ย”
มิแรน ซึ่งเคยเป็นประธานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจของทำเนียบขาว บอกกับวุฒิสมาชิกว่า เขาจะลาพักงานโดยไม่รับค่าจ้างเพื่อร่วมงานกับเฟด โดยยังไม่ชัดเจนว่า จะดำรงตำแหน่งนานเพียงใด
ทรัมป์อาจเสนอชื่อเขาให้ดำรงตำแหน่งเต็มวาระ 14 ปี เริ่มกุมภาพันธ์นี้ หรืออาจเลือกบุคคลอื่น และหากไม่มีการเสนอชื่อใหม่ มิแรนอาจอยู่ต่อได้อย่างไม่มีกำหนด
ทั้งนี้ การดำเนินการของวุฒิสภาครั้งนี้ถือเป็นกระบวนการที่ “รวดเร็วกว่าปกติ” ซึ่งเป็นการเร่งแต่งตั้งผู้มาทดแทนอาเดรียนา คูเกลอร์ หลังจากที่เธอลาออกกะทันหันเมื่อช่วงฤดูร้อนที่ผ่านมา และขั้นตอนทั้งหมดก็เป็นไปอย่างรวดเร็วยิ่งกว่าที่มิแรนคาดคิดไว้เสียอีก
แหล่งข่าวระบุว่า มิแรนได้รับการสัมภาษณ์อย่างเป็นทางการโดยปธน.ทรัมป์, สก็อตต์ เบสเซนท์ รัฐมนตรีคลัง และซูซี ไวล์ส หัวหน้าคณะทำงานทำเนียบขาว ก่อนที่จะได้รับข้อเสนอให้ดำรงตำแหน่ง ทรัมป์จึงประกาศเสนอชื่อเขาในช่วงบ่ายวันนั้น และฝ่ายบริหารร่วมกับวุฒิสมาชิกรีพับลิกัน ก็เร่งดำเนินการให้เขาได้รับการรับรองทันการประชุมอัตราดอกเบี้ยของเดือนกันยายน
อย่างไรก็ตาม เอลิซาเบธ วอร์เรน วุฒิสมาชิกพรรคเดโมแครต จากรัฐแมสซาชูเซตส์กล่าวถึงประเด็นนี้ว่า “ทุกคำกล่าวและทุกการลงคะแนนของเขา จะถูกตั้งข้อสงสัยว่าเขาไม่ได้ทำงานอย่างซื่อสัตย์อิสระ แต่เป็นเพียงหุ่นเชิดของโดนัลด์ ทรัมป์”
ในการซักถามสำคัญช่วงหนึ่งกับวุฒิสมาชิกคริส แวน ฮอลเลน พรรคเดโมแครตจากรัฐแมริแลนด์ มิแรนกล่าวว่า
“สิ่งที่ผมบอกได้คือ หากผมได้รับการรับรองให้เป็นกรรมการเฟด ผมจะปฏิบัติหน้าที่อย่างเป็นอิสระ โดยยึดตามการวิเคราะห์เศรษฐกิจและนโยบายเศรษฐกิจของผมเอง”
ศาลอุทธรณ์คุ้มครอง ลิซา คุกนั่งเก้าอี้เฟดต่อ
ขณะเดียวกัน ศาลอุทธรณ์รัฐบาลกลางสหรัฐมีคำตัดสินล่าสุดว่า ปธน.ทรัมป์ “ไม่มีอำนาจปลด” ลิซา คุก สมาชิกคณะกรรมการเฟด
นี่หมายความว่า คุก ซึ่งเป็นหนึ่งในคณะกรรมการเฟด สามารถเข้าร่วมการประชุมสำคัญซึ่งจะจัดขึ้นตลอดสองวัน เริ่มเช้าวันอังคารนี้ได้ตามกำหนด
ก่อนหน้านั้น ทีมทนายความของทรัมป์ได้ยื่นคำร้องฉุกเฉินเมื่อวันพฤหัสบดี เพื่อขอให้ศาลระงับคำตัดสินของศาลชั้นต้นที่สั่งห้ามการปลดคุก
อย่างไรก็ตาม ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งสั้น ๆ ในคืนวันจันทร์ว่า ฝ่ายทรัมป์ “ยังไม่สามารถแสดงให้เห็นว่า มีเงื่อนไขเพียงพอในการขอพักการบังคับคดีระหว่างอุทธรณ์”
ก่อนหน้านั้น ทรัมป์ได้พยายามปลดลิซา คุก โดยใช้ข้อกล่าวหาเรื่องทุจริตสินเชื่อบ้าน อีกทั้งเคยโจมตีเจอโรม พาวเวลล์ ประธานเฟดอยู่หลายครั้งที่ไม่ยอมลดดอกเบี้ย และเคยพิจารณาจะปลดพาวเวลล์ด้วย แต่คำตัดสินของศาลสูงสหรัฐในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ได้ช่วยคุ้มครองตำแหน่งของพาวเวลล์บางส่วน
แม้ทรัมป์จะยุติการขู่ปลดพาวเวลล์ แต่เขาก็เดินหน้าปลดคุก ซึ่งเป็นผู้ได้รับการแต่งตั้งโดยอดีตประธานาธิบดีโจ ไบเดน และมักลงมติไปในทิศทางเดียวกับพาวเวลล์
ด้านคุกได้ยื่นฟ้องเพื่อระงับคำสั่งปลด และเธอปฏิเสธข้อกล่าวหาการทุจริตสินเชื่อบ้าน
หลังข่าวเฟดเหล่านี้ออกมา สกุลดอลลาร์ก็ซื้อขายใกล้ระดับต่ำสุดในรอบ 2 เดือนครึ่งเมื่อเทียบกับยูโร ขณะที่นักลงทุนมั่นใจว่า เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในสัปดาห์นี้ และมีแนวโน้มลดลงต่อเนื่อง
ตลาดมองว่า จะมีการปรับลดดอกเบี้ยอย่างน้อย 25 จุด (0.25%) ในวันพุธนี้แน่นอน และยังมีโอกาสเล็กน้อยที่จะลดลงแบบ “แรงพิเศษ” ถึง 50 จุด (0.50%) โดยตลอดช่วงที่เหลือของปีนี้ คาดว่าจะมีการปรับลดรวม 67 จุด และเพิ่มเป็นราว 81 จุดภายในสิ้นเดือนมกราคม
อ้างอิง: bloomberg, cnbc, Reuters







