ทรัมป์เผยเอง! สหรัฐโจมตีเรือค้ายาเวเนซุเอลาอีกลำ ดับ 3

ทรัมป์เผย กองทัพสหรัฐโจมตีเรือเวเนซุเอลาที่ถูกกล่าวหาว่าค้ายาเสพติดมุ่งหน้าสู่สหรัฐอีกหนึ่งลำ ถือเป็นการโจมตีครั้งที่ 2 ในรอบไม่กี่สัปดาห์
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงาน ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ โพสต์ทรูธโซเชียล เมื่อวันจันทร์ (15 ก.ย.) ตามเวลาท้องถิ่น
“เช้านี้ ตามคำสั่งของผม กองทัพสหรัฐปฏิบัติการKinetic Strike ครั้งที่ 2 ต่อขบวนการค้ายาเสพติดและผู้ก่อการร้ายค้ายาที่ระบุตัวได้ชัดเจนในพื้นที่รับผิดชอบของเซาท์คอม”
"ความรุนแรงของกลุ่มค้ายาเสพติดกลุ่มนี้เป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐ นโยบายต่างประเทศ และผลประโยชน์สำคัญของสหรัฐ"
ตามปากคำของทรัมป์ ชายสามคนเสียชีวิตจากการโจมตีในน่านน้ำสากล โดยที่ทรัมป์ไม่ได้แสดงหลักฐานบ่งชี้ว่าเรือลำนี้ขนยาเสพติด
ทรัมป์กล่าวด้วยว่า กองบัญชาการภาคใต้ (เซาท์คอม) เป็นกองบัญชาการรบของกองทัพครอบคลุม 31 ประเทศในอเมริกาใต้ อเมริกากลางและแคริบเบียน
โพสต์นี้ยังแนบคลิปความยาวเกือบ 30 วินาที มีข้อความระบุ “เผยแพร่ได้” ไว้ด้านบน เผยภาพเรือลำหนึ่งเกิดระเบิดและเพลิงไหม้
ต่อมาในวันเดียวกัน ทรัมป์ กล่าวว่า “เรามีหลักฐาน คุณแค่ดูเรือที่แตกกระจัดกระจายทั่วมหาสมุทร มีแต่โคเคนและเฟนทานิลถุงใหญ่!”
รอยเตอร์ใช้เครื่องมือเอไอตรวจสอบเบื้องต้น แต่ภาพบางส่วนไม่ชัด จึงยืนยันไม่ได้ว่าวีดิโอนี้ถูกตัดต่อหรือไม่ด้านกระทรวงการสื่อสารเวเนซุเอลลายังไม่ให้ความเห็นกับรอยเตอร์
การโจมตีล่าสุดเกิดขึ้นท่ามกลางการระดมพลในแคริบเบียนใต้ของกองทัพสหรัฐ เครื่องบิน F-35 จำนวน 5 ลำเพิ่งลงจอดที่เปอร์โตริโกเมื่อวันเสาร์ (13 ก.ย.) หลังรัฐบาลทรัมป์สั่งเครื่องบินรบล่องหน 10 ลำ เข้าไปร่วมด้วย
นอกจากนี้ยังมีเรือรบสหรัฐอย่างน้อย 7 ลำ เรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์อีกหนึ่งลำในพื้นที่บัญชาการ
โจมตีต่อเนื่อง?
ทรัมป์กล่าวกับผู้สื่อข่าวเป็นนัยว่า อาจมีปฏิบัติการภาคพื้นดินต่อผู้ค้ายาเสพติด
“ถ้าพวกเขามาทางบกเราก็จะหยุดยั้งเช่นเดียวกับที่เราทำทางเรือ แต่บางทีพอพูดเรื่องนี้ออกไปมันอาจจะไม่เกิดขึ้นก็ได้”
ไม่กี่วันก่อนพีท เฮกเซธรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมสหรัฐ แจ้งต่อทหารเรือและนาวิกโยธินบนเรือรบนอกชายฝั่งเปอร์โตริโกว่า พวกเขาไม่ได้ถูกส่งไปฝึกซ้อมที่ทะเลแคริบเบียน แต่ถูกส่งไปที่ “แนวหน้า” ของภารกิจปราบปรามยาเสพติดที่สำคัญ
ในวันจันทร์ เฮกเซธ โพสต์ X ว่า กองทัพสหรัฐขยายวงปราบปรามยาเสพติด
“เราจะติดตามพวกเขา ฆ่าพวกเขา แล้วทำลายเครือข่ายตลอดซีกโลกของเราทั้งหมด ที่ไหน เมื่อไหร่ เราเลือกเอง”
ไม่กี่ชั่วโมงก่อนทรัมป์โพสต์ ประธานาธิบดีนิโคลัส มาดูโรของเวเนซุเอลา กล่าวว่า เหตุการณ์ล่าสุดระหว่างประเทศของเขากับสหรัฐเป็น “การรุกราน” โดยสหรัฐ การสื่อสารระหว่างสองรัฐบาลส่วนใหญ่ยุติลงแล้ว
ย้อนกลับไปที่การโจมตีครั้งแรกเมื่อวันที่ 2 ก.ย. รัฐบาลทรัมป์แสดงข้อมูลน้อยมาก แม้ ส.ส.เรียกร้องให้รัฐบาลอธิบายการกระทำ รัฐบาลกล่าวเพียงว่าบนเรือมีสมาชิกแก๊ง Tren de Aragua ของเวเนซุเอลาและมีผู้เสียชีวิต 11 คน
เพนตากอนก็ไม่ได้เผยต่อสาธารณะถึงชนิดของยาเสพติดบนเรือ ปริมาณ หรือชนิดของอาวุธที่ใช้โจมตี
เจ้าหน้าที่สหรัฐกล่าวกับรอยเตอร์โดยไม่เปิดเผยตัวตนว่า เรือลำที่โดนเล่นงานเมื่อวันที่ 2 ก.ย. ดูเหมือนจะหันหัวกลับเมื่อโดนถล่ม ข้อเท็จจริงนี้ทำให้ผู้เชี่ยวชาญทางกฎหมายคาใจว่าการโจมตีถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่
ทรัมป์เคยแชร์คลิปการโจมตีครั้งแรกสปีดโบตลำหนึ่งระเบิดกลางทะเล ต่อมาเจ้าหน้าที่เวเนซุเอลารายหนึ่งกล่าวว่า คลิปดังกล่าวทำโดยเอไอ รอยเตอร์ใช้เครื่องมือตรวจสอบการตัดต่อตรวจคลิปไม่พบหลักฐานการตัดต่อ
รัฐบาลเวเนซุเอลาซึ่งกล่าวว่าได้ส่งทหารหลายหมื่นนายเพื่อต่อสู้กับการค้ายาเสพติดและปกป้องประเทศ ระบุว่า ผู้เสียชีวิตจากการโจมตีครั้งแรกไม่มีใครเป็นสมาชิกแก๊งTren de Aragua เลย
มาดูโรกล่าวหาตลอดมาว่า สหรัฐต้องการขับเขาพ้นจากอำนาจ
เดือนที่แล้วสหรัฐเพิ่มรางวัลนำจับมาดูโรสองเท่าเป็น 50 ล้านดอลลาร์ โดยกล่าวหาว่าเขาพัวพันกับแก๊งอาชญากรรมและแก๊งค้ายาเสพติด
ทั้งนี้ การตัดสินใจระเบิดเรือต้องสงสัยว่ามียาเสพติดแทนที่จะยึดเรือและจับกุมลูกเรือถือเป็นเรื่องผิดปกติอย่างยิ่งเพราะตามรัฐธรรมนูญอำนาจในการประกาศสงครามเป็นของสภาคองเกรส แต่ประธานาธิบดีเป็นผู้บัญชาการกองทัพ และประธานาธิบดีจากทั้งสองพรรคการเมืองต่างเคยปฏิบัติการทางทหารในต่างประเทศโดยไม่ขอความเห็นชอบจากคองเกรส







