จาก 1% สู่ 50% 'หยวน' ขยายอิทธิพลระดับโลกท้าชิงดอลลาร์

จาก 1% สู่ 50% 'หยวน' ขยายอิทธิพลระดับโลกท้าชิงดอลลาร์

การชำระเงินข้ามพรมแดนเข้าสู่จีนในสกุลเงินหยวนพุ่งสูงขึ้นจากไม่ถึง 1% ในปี 2010 เป็นมากกว่า 50% 

KEY

POINTS

  • การชำระเงินข้ามพรมแดนเข้าสู่จีนในสกุลเงินหยวนพุ่งสูงขึ้นจากไม่ถึง 1% ในปี 2010 เป็นมากกว่า 50% 
  • การคว่ำบาตรรัสเซียกลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้ธนาคารจีนเปลี่ยนการปล่อยกู้ในต่างประเทศเกือบทั้งหมดมาเป็นสกุลเงินหยวน 
  • จีนได้สร้างโครงสร้างพื้นฐานทางการเงินของตัวเองเพื่อท้าทายระบบตะวันตก เช่น ระบบ CIPS (ทางเลือกของ SWIFT)

ประเด็นเรื่อง “หยวน” จะเข้ามาแทนที่ “ดอลลาร์” ได้รับการพูดถึงมาโดยตลอดและมากขึ้นตั้งแต่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐเข้ามาในตำแหน่งภายใต้กระแส “ลดการพึ่งพาดอลลาร์” หรือ De-dollarization แต่ไม่ว่าจะกี่ครั้งต่อกี่ครั้งบรรดานักเศรษฐศาสตร์ทั้งไทยและต่างประเทศ ล้วนให้สัมภาษณ์ไปในทิศทางเดียวกันว่า “อีกนาน” กว่าหยวนจะเข้ามาแทนที่ดอลลาร์ได้ โดยอ้างทั้งปริมาณการใช้หยวนในการโอนเงินข้ามประเทศที่ยังอยู่ในระดับต่ำกว่า 4% หรือยกประเด็นความไม่เสรีในตลาดจีน

อย่างไรก็ตาม ปฏิเสธไม่ได้ว่าสุ้มเสียงของบรรดานักเศรษฐศาสตร์เหล่านี้ล้วนมีมูลความเป็นจริง (ถึงแม้ว่าความนิยมของดอลลาร์จะลดลงภายใต้ทรัมป์ก็ตาม) แต่บทวิเคราะห์ “China is ditching the dollar, fast” ล่าสุดของดิอีโคโนมิสต์เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับความนิยมของหยวนไว้อย่างน่าสนใจ

บทวิเคราะห์เริ่มอธิบายด้วยข้อเท็จจริงที่ว่า การเติบโตของการใช้หยวนเริ่มต้นจากการปรับเปลี่ยนภายในประเทศจีนเอง โดย “สัดส่วนการค้าสินค้าและบริการ” ของจีนที่ชำระด้วยสกุลเงินท้อนถิ่นเพิ่มขึ้นอย่างมากจาก 14% ในปี 2019 เป็นกว่า 30% ในปัจจุบัน ที่น่าสนใจยิ่งกว่านั้นคือ “ยอดการรับเงินจากต่างประเทศเข้ามายังจีน” หรือ Cross-border inbound payment ทั้งหมดของจีน เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจากน้อยกว่า 1% ในปี 2010 เป็นมากกว่า 50% ในปัจจุบันตามกราฟหนึ่งที่แนบมา โดยยอดดังกล่าวรวม Financial flows (การไหลทางการเงิน) หรือ การเคลื่อนย้ายเงินทุนข้ามพรมแดนที่ไม่เกี่ยวกับการซื้อขายสินค้าหรือบริการโดยตรงเข้าไปด้วย

จาก 1% สู่ 50% 'หยวน' ขยายอิทธิพลระดับโลกท้าชิงดอลลาร์

นอกจากนี้ เหตุการณ์การคว่ำบาตรรัสเซียในปี 2022 ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่เร่งให้จีนผลักดันการใช้หยวนในระดับนานาชาติมากขึ้น ธนาคารจีนได้เปลี่ยนแปลงการปล่อยกู้จากเดิมในสกุลเงินดอลลาร์มาเป็นหยวนทั้งหมด (Oversea Lending) จากอัตราเดิมที่ 15% ของเงินกู้ทั้งหมดเป็นเกือบ 100% ภายหลังการคว่ำบาตร การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ทำให้หนี้ในสกุลเงินหยวนคงค้างเพิ่มขึ้นสามเท่า (Outstanding Yuan Debt) แสดงให้เห็นถึงความสามารถของจีนในการปรับตัวและใช้โอกาสจากความไม่แน่นอนของระบบการเงินระหว่างประเทศ

จาก 1% สู่ 50% 'หยวน' ขยายอิทธิพลระดับโลกท้าชิงดอลลาร์

เพื่อตอบสนองการเติบโตที่เพิ่มขึ้น จีนสร้างโครงสร้างพื้นฐานทางการเงินของตัวเองขึ้นมาหนึ่งในนั้นคือระบบ CIPS ซึ่งเป็นทางเลือกแทน SWIFT ของตะวันตกที่ขยายความนิยมอย่างรวดเร็ว โดยมีธนาคารกว่า 1,700 แห่งทั่วโลกเข้าร่วม เพิ่มขึ้นหนึ่งในสามนับตั้งแต่ก่อนสงครามในยูเครน นอกจากนี้ ปริมาณธุรกรรมผ่านระบบนี้เพิ่มขึ้น 43% ในปี 2024 เป็น 175 ล้านล้านหยวน หรือ 24 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการยอมรับและความต้องการใช้ระบบทางเลือกนี้มากขึ้น

การสร้างเครือข่ายความปลอดภัยทางการเงินระดับโลกของจีนผ่านสายแลกเปลี่ยน (Swap Lines) จำนวน 4.5 ล้านล้านหยวน หรือ 630 พันล้านดอลลาร์ กับธนาคารกลาง 32 แห่งทั่วโลก เป็นอีกหนึ่งตัวชี้วัดที่สำคัญของการขยายอิทธิพลของหยวน ซึ่งเทียบเคียงได้กับระบบโครงข่ายของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ที่มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ประเทศต่าง ๆ มั่นใจว่าจะเข้าถึงหยวนได้ในยามวิกฤต ซึ่งจะส่งเสริมความมั่นใจในการกู้ยืมและซื้อขายด้วยสกุลเงินของปักกิ่ง

จาก 1% สู่ 50% 'หยวน' ขยายอิทธิพลระดับโลกท้าชิงดอลลาร์

นโยบายภายในของจีนก็เข้มงวดขึ้นในการผลักดันการใช้หยวน โดยในเดือนพ.ค. หน่วยงานกำกับดูแลได้สั่งให้ธนาคารขนาดใหญ่ของประเทศปล่อยสินเชื่อสำหรับการซื้อขายในสกุลเงินหยวนไม่ต่ำกว่า 40% ซึ่งเป็นการบังคับใช้เชิงนโยบายที่แสดงให้เห็นถึงความจริงจังของรัฐบาลจีน นอกจากนี้ รัฐบาลจีนยังได้ตั้ง Clearing Banks หรือธนาคารที่ทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการชำระเงินและหักบัญชีระหว่างธนาคารต่าง ๆ ในระบบการเงินเพื่อชำระเงินหยวน 33 แห่งทั่วโลก โดยเกือบทั้งหมดดำเนินการโดยสถาบันจีน ซึ่งช่วยอำนวยความสะดวกในการทำธุรกรรมหยวนในระดับภูมิภาค ขณะเดียวกัน บริษัทต่าง ๆ รวมถึงบริษัทต่างชาติต่างเตรียมออกหุ้นกู้ในสกุลเงินหยวนหรือ "Dim Sum" ในปริมาณสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในปี 2025 ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นที่เพิ่มขึ้นในสกุลเงินจีน

ท้ายที่สุด แม้ว่าการเติบโตของการใช้หยวนจะยังห่างไกลจากการท้าทายความเป็นผู้นำของดอลลาร์ แต่อัตราการเปลี่ยนแปลงที่เร่งขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาแสดงให้เห็นถึงศักยภาพและความมุ่งมั่นของจีนในการสร้างทางเลือกทางการเงินระหว่างประเทศ การเติบโตทั้งหมดนี้ล้วนเป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่าเงินหยวนกำลังก้าวเข้าสู่บทบาทที่สำคัญขึ้นในระบบการเงินโลก และอาจเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่กว่าในอนาคต