7 ข้อคิดจาก ‘พอล ครุกแมน’ ต่อ ‘นโยบายภาษี’ ทรัมป์ หลัง 8 เดือนในทำเนียบขาว

7 ข้อคิดจาก ‘พอล ครุกแมน’  ต่อ ‘นโยบายภาษี’ ทรัมป์ หลัง 8 เดือนในทำเนียบขาว

นโยบายภาษีส่งผลให้ค่าครองชีพชาวอเมริกันสูงขึ้นและคุณภาพชีวิตลดลง โดยภาระภาษีจะตกอยู่กับผู้บริโภคในที่สุด

KEY

POINTS

  • นโยบายภาษีส่งผลให้ค่าครองชีพชาวอเมริกันสูงขึ้นและคุณภาพชีวิตลดลง โดยภาระภาษีจะตกอยู่กับผู้บริโภคในที่สุด
  • การดึงอุตสาหกรรมการผลิตกลับประเทศเป็นไปได้ยาก เพราะห่วงโซ่อุปทานเชื่อมโยงกับทั่วโลก และหากกลับมาได้ก็จะใช้หุ่นยนต์แทนคน ทำให้ไม่เกิดการจ้างงาน
  • ความเสียหายที่ร้ายแรงที่สุดไม่ใช่ผลกระทบทางเศรษฐกิจโดยตรง แต่คือการสูญเสียความเชื่อใจและความน่าเชื่อถือของสหรัฐฯ ในระยะยาว ซึ่งสร้างความไม่แน่นอนให้ภาคธุรกิจ
  • การกระทำของทรัมป์กำลังทำลายระบบการค้าเสรีที่สหรัฐสร้างขึ้นมาเอง ซึ่งจะส่งผลเสียต่อภาพลักษณ์ของประเทศอย่างถาวรและไม่สามารถเรียกคืนได้

ถ้านับตั้งแต่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เข้าสู่ตำแหน่งตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา เดือนก.ย. นี่ก็เข้าเดือนที่ 8 ของการดำรงตำแหน่งของเขาแล้ว แปดเดือนนี้ เป็นแปดเดือนที่ดูเหมือนจะยาวนานและผันผวนสำหรับหลายประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศที่พึ่งพาการส่งออกเป็นหลักอย่างประเทศกำลังพัฒนาในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ตัดภาพไปที่เศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกา ทรัมป์อ้างหลายครั้งว่านโยบายการขึ้นภาษีศุลกากรของเขานั้นเป็นผลดีของสหรัฐ ทั้งการลดการขาดดุลทางการคลังของสหรัฐจากการเก็บภาษีศุลกากรได้เพิ่มหรือการดึง “อุตสาหกรรมสำคัญ” อย่างยานยนต์กลับเข้ามาในอเมริกาเพื่อทำให้ “America Great Again”

วันนี้ “กรุงเทพธุรกิจ” ชวนอ่าน 7 ข้อคิดของ “พอล ครุกแมน” นักเศรษฐศาสตร์รางวัลโนเบลที่เชี่ยวชาญด้านประเด็นเรื่องการค้าจากบทสัมภาษณ์กับบลูมเบิร์กทีวีในหัวข้อ “Why Tariffs Won’t Bring Back Manufacturing Jobs, Krugman Explains”

 

  1. คำสัญญาเรื่องค่าครองชีพกลับกลายเป็นหายนะ

ครุกแมนอธิบายในบทสัมภาษณ์กับบลูมเบิร์กว่า นโยบายของทรัมป์กลับส่งผลตรงกันข้ามต่อสิ่งที่ประธานาธิบดีต้องการโดยค่าครองชีพของชาวอเมริกันปรับตัวตัวสูงขึ้นจากการที่สินค้านำเข้าหลายประเภทราคาสูงขึ้นจากภาษีศุลกากร

โดยเฉพาะอย่างย่ิงราคาสินค้าประเภทผักและผลไม้เริ่มปรับตัวสูงขึ้นเนื่องจากขาดแคลนแรงงานเพราะแรงงานต่างด้าวไม่กล้าออกมาทำงาน

“มากไปกว่านั้น ตอนนี้เรากังวลเกี่ยวกับราคาที่อยู่อาศัยที่อาจขยับสูงขึ้นเพราะแรงงานก่อสร้างจำนวนมากเป็นต่างด้าวและพวกเขาเริ่มไม่กล้าออกมาทำงานเนื่องจากกลัว ICE มาจับกุม” ครุกแมนกล่าว

2. คุณภาพชีวิตชาวอเมริกันลดลงอย่างต่อเนื่อง

ครุกแมนอธิบายต่อว่า จากภาวะค่าครองชีพต่างๆ ที่ปรับตัวสูงขึ้นมันหมายความว่า “คุณภาพชีวิตของชาวอเมริกัน” ลดลงสวนทางกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากข้อเท็จจริงที่ว่าภาษีของทรัมป์บังคับให้คนในประเทศต้องซื้อสินค้าที่คนอเมริกันผลิตไม่ได้เก่งมากจากต่างประเทศ ซึ่งไม่เพียงแค่เพิ่มต้นทุนชีวิตของคนในประเทศแต่ยังลดคุณภาพชีวิตพวกเขาลงด้วย

3. ผลกระทบต่อเศรษฐกิจสหรัฐอาจจะเสียหายไม่เท่า ‘ความเชื่อใจ’ ที่หมดไป

ครุกแมน ในฐานะนักเศรษฐศาสตร์ที่เชี่ยวชาญประเด็นเรื่องแพทเทิร์นของการค้า (trade patterns) ระบุว่า ผลกระทบของนโยบายภาษีของทรัมป์อาจจะไม่ใช่เรื่องใหญ่ที่สุดเมื่อเทียบกับ “ผลกระทบระยะยาว” ของมาตรการที่ยังจะอยู่ตลอดไป นั้นคือความเชื่อใจต่ออเมริกาจะลดลง

“ผลกระทบต่อนโยบายภาษีของทรัมป์ต่อเศรษฐกิจสหรัฐอาจจะไม่ถึงครึ่งเปอร์เซ็นต์ของจีดีพีในระยะยาว แต่ปัญหาที่แท้จริงคือความไม่แน่นอนที่มันเกิดขึ้นแล้ว ไม่มีใครรู้เลยว่าอัตราภาษีของประเทศตัวเองหรือของสินค้าใดๆ ก็ตามจะเป็นเท่าไรในเดือนหน้า ทั้งหมดคือความโกลาหลและหายนะต่อภาคธุรกิจ และเม็ดเงินลงทุนในวันนี้ของภาคธุรกิจอาจไม่สร้างผลดีต่อบริษัทเนื่องจากอัตราภาษีที่เปลี่ยนแปลงรายวัน”

4. ชาวอเมริกันคือผู้แบกรับภาษี

เมื่อถามถึงผลกระทบจากภาษีต่อกำไรของบริษัทอเมริกันว่าเป็นอย่างไร ครุกแมนอธิบายว่า ตอนนี้เราอาจจะไม่เห็นผลกระทบที่ชัดเจนมากนัก เพราะบางครั้งตัวบริษัทเองก็พยายามผลักภาระไปให้ผู้อื่นเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นผลักภาระให้ผู้ส่งออก ผู้นำเข้า หรือผู้บริโภคเองก็ตาม

มากไปกว่านั้น บรรดาธุรกิจในสหรัฐปัจจุบันอาจจะยังไม่ได้รับผลกระทบมากนักจากการที่เร่งนำเข้าสินค้ามาในล็อตที่ทรัมป์ยังไม่ประกาศขึ้นภาษีนำเข้าเพื่อเลี่ยงภาษี แต่หลังจากนี้ผู้บริโภคจะรับภาระเต็มๆ เพราะบริษัทต่างๆ จะเริ่มผลักภาระให้ผู้บริโภค

5. ความฝันของทรัมป์ในการดึงการผลิตกลับประเทศ

ครุกแมน ให้สัมภาษณ์ว่า ความหวังของทรัมป์ในการดึงภาคการผลิตโดยเฉพาะอุตสาหกรรมยานยนต์กลับมาในสหรัฐเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ยากเพราะอุตสาหกรรมนี้ไม่ใช่ของสหรัฐโดยตรง แต่เป็นภาคส่วนที่เชื่อมโยงกับหลายประเทศ โดยเฉพาะเม็กซิโกและแคนาดา รวมทั้งการขึ้นภาษีต่อเหล็กและอลูมิเนียมยิ่งทำให้ความหวังในการดึงอุตสาหกรรมยานยนต์กลับมาสหรัฐเป็นเรื่องที่ยากเพราะทั้งหมดเป็นวัตถุดิบสำคัญของอุตสาหกรรมยานยนต์

“ถ้าจะมีอุตสาหกรรมไหนที่กลับมาในสหรัฐ จะเป็นภาคส่วนที่ธุรกิจที่ต้องใช้เงินจำนวนมาก (capital-intensive) ที่หุ่นยนต์จะเข้ามาทำงานแทนมนุษย์ซึ่งเป็นการสร้างงานสำหรับหุ่นยนยนต์ไม่ใช่ชาวอเมริกัน”

6. ผลกระทบเชิงบวกต่อการขาดดุลสหรัฐ

ครุกแมน อธิบายว่า มาตรการภาษีของทรัมป์นั้นพูดง่ายๆ ก็คือ ภาษีการขาย หรือ sales tax ซึ่งหมายถึงหากเก็บภาษีการขายได้มากขึ้นก็จะทำให้รายได้เข้ารัฐสูงขึ้นและการขาดดุลก็จะลดลง แต่การเก็บภาษีทั้งหมดของทรัมป์จากการคำนวณแล้วบอกเลยว่าไม่มีทางที่จะถึง 3 แสนล้านดอลลาร์อย่างที่ สก็อตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังสหรัฐอ้าง

“การเก็บภาษีได้สูงขึ้นก็ทำให้เงินในคลังมากขึ้น ขาดดุลก็ลดลง เป็นกลไกปกติ ไม่ได้ถือเป็นชัยชนะอะไรของทรัมป์เลย” ครุกแมนกล่าว

7. ผลกระทบระยะยาวต่อ ‘อเมริกา’

ครุกแมน อธิบายในประเด็นนี้ว่า ทุกสิ่งที่ทรัมป์ทำตอนนี้ “อาจจะ” โต้เถียงกันได้ว่าผิดกฎหมายสหรัฐหรือไม่ เพราะคดีนี้ยังอยู่ในกระบวนการชั้นพิจารณาคดีของศาลสูงสุด แต่บอกเลยว่าผิดต่อข้อตกลงการค้าระหว่างประเทศแน่นอน

“สหรัฐเป็นผู้สร้างระบบการค้าเสรีนี้มากว่า 90 ปีในยุคของอดีตประธานาธิบดี Franklin D. Roosevelt ตอนนี้สิ่งที่ทรัมป์ทำคือฉีกสัญญาทั้งหมดนี้ลง เราไม่สามารถนำภาพลักษณ์นั้นกลับมาได้แล้วแม้จะเปลี่ยนประธานาธิบดีก็ตาม สหรัฐจะไม่น่าเชื่อถืออีกต่อไป”