จักรวาลการเมืองแบบ 'พ่อ-ลูก' ในอาเซียน | กันต์ เอี่ยมอินทรา

จักรวาลการเมืองแบบ 'พ่อ-ลูก'  ในอาเซียน | กันต์ เอี่ยมอินทรา

3 ประเทศอาเซียนที่ประสบปัญหาทางการเมือง มีความคล้ายกันคือ มีประชาธิปไตยแบบสืบทอดอำนาจพ่อสู่ลูก ถือเป็นกรณีศึกษาที่จะได้เห็นว่าการเมืองแบบนี้ดีหรือเสียมากกว่ากัน

อาเซียนในขณะนี้ มี 3 ประเทศ ที่กำลังประสบปัญหาใหญ่ในทางการเมือง นั่นคือไทย กัมพูชา และอินโดนีเซีย

และสิ่งที่ 3 ประเทศนี้มีเหมือนกันนั่นคือ ประชาธิปไตยแบบสืบทอดอำนาจ จากพ่อสู่ลูก

การเกิดและเติบโตอยู่ในตระกูลการเมือง ความฝันของคนรุ่นลูกรุ่นหลานที่อยากจะเป็นผู้นำประเทศแบบคนรุ่นพ่อรุ่นปู่ หรือแม้กระทั่งการใช้แต้มต่อทางการเมืองและสถานะทางสังคม ไม่ใช่เรื่องที่ผิด ถือเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ด้วยซ้ำ แต่การแซงคิว ไร้การฝึกฝนบ่มเพาะประสบการณ์ความสามารถต่างหากที่ประชาชนรับไม่ได้ และนำมาซึ่งปัญหาที่ 3 ประเทศนี้มีเหมือนกัน

ฮุน มาเนต แห่งกัมพูชา คือลูกชายคนโตของ ฮุน เซน ผู้นำอำนาจนิยมที่ครองกัมพูชามายาวนานเกือบ 40 ปี ฮุน มาเนต มีการศึกษาที่ดี หน้าตาบุคลิกแต่งตัวดี มีมารยาทสากลเพราะจบการศึกษาสูงจากเมืองนอกทั้งอเมริกาและอังกฤษ ก่อนจะกลับมาพาสชั้นแซงคิวนายทหารหลายคนจนกลายมาเป็นผู้บัญชาการทหารบกแห่งกัมพูชา และนายกฯ ในที่สุด

กัมพูชา เป็นประเทศที่รัฐกุมอำนาจอย่างเบ็ดเสร็จทั้งเศรษฐกิจ การเมือง สังคม เฉกเช่นสังคมนิยมในอดีต มีการโฆษณาชวนเชื่อนานับประการ แต่ภาพลวงตาเหล่านั้นก็ไม่สามารถบรรดาลเม็ดเงินให้หลั่งใหลเข้าประเทศ หรือเสกข้าวปลาอาหารให้คนคลายความอดอยากได้ การสืบทอดอำนาจโดยไร้ผลงานของฮุน มาเนต จึงเริ่มเกิดคำถามที่ดังขึ้นเรื่อยๆ

ขณะที่ไทยเรา มีนายกฯ แพทองธาร ที่ก็มีการศึกษาที่ดีจบมหาวิทยาลัยชั้นนำจากในไทยและไปต่ออังกฤษ กลับมาก็บริหารธุรกิจของที่บ้าน แล้วจึงกระโดดลงสนามการเมือง จนในที่สุดจำต้องขึ้นกุมบังเหียนผู้นำประเทศ แต่ก็ปฎิเสธไม่ได้ว่าประสบการณ์ทั้งทางการเมือง หรือแม้กระทั่งการบริหารองค์กรขนาดใหญ่นั้น ยังไม่มีผลสำเร็จเป็นที่ประจักษ์มากนัก

และกรณีที่แย่ที่สุดนั่นคือ กิบรัน รากาบูมิง รากา รองประธานาธิบดีแห่งอินโดนีเซีย ลูกชายของอดีตประธานาธิบดีโจโก วิโดโด ที่มีอายุไม่ถึงเกณฑ์การเป็นรองประธานาธิบดีที่กำหนดไว้ที่ 35 ปี เมื่อการเลือกตั้งครั้งล่าสุด ที่เป็นการผสานประโยชน์ระหว่างตระกูลการเมืองของวิโดโด และตระกูลนักการเมืองของประธานาธิบดีปราโบโว ซูเบียนโต ผู้ซึ่งมีภาพลักษณ์ไม่ค่อยดีนัก

เมื่อกิบรัน รากาบูมิง รากา อายุไม่ถึงเกณฑ์ที่จะสมัครได้ จึงเกิดคำร้องไปยังศาลรัฐธรรมนูญอินโดนีเซีย แต่ศาลภายใต้การนำของพี่เขยประธานาธิบดีวิโดโดในขณะนั้น ซึ่งก็คือลุงแท้ๆ ของกิบรัน รากาบูมิง รากา ก็ตัดสินว่าทำได้ ทำคนงงกันทั้งประเทศ ทั้งที่กฎเกณฑ์ก็มีอย่างชัดเจน ทำให้เกิดข้อกังขา ความแคลงใจในการบังคับใช้กฎหมายที่ดูเหมือนจะมีสองมาตรฐาน

ขณะที่ปัจจุบันปัญหาที่รุมเร้าอินโดนีเซีย อันเกิดขึ้นมาจากการเพิ่มเงินเดือนเพื่อเป็นสวัสดิการให้กับส.ส. เป็นค่าเช่าบ้านที่ประมาณเดือนละ 100,000 บาท ก็เป็นหนึ่งในเชื้อไฟที่ทำให้ประชาชนลุกฮือขึ้นมาประท้วงรัฐบาลจนลุกลามใหญ่โต ในระดับที่สามารถเรียกได้ว่าเป็นประท้วงที่ใหญ่ที่สุดในรอบหลายสิบปีตั้งแต่ยุคเผด็จการซูฮาร์โต

จักรวาลการเมืองแบบพ่อลูก ตั๋วช้าง ลัดคิว ลูกนาย ที่เกิดขึ้นใน 3 ประเทศนี้จึงเป็นกรณีศึกษาที่อาจนำไปสู่ข้อสรุปได้ว่า การเมืองแบบพ่อลูกโดยไร้การบ่มเพาะ เพิ่มพูนประสบกาณ์ จะทำให้เกิดข้อเสียมากกว่าข้อดี และผู้ที่จะต้องรับผลกรรมหนักสุด คือ ประชาชน