มองเศรษฐกิจ 'กัมพูชา' ในวันรุ่งและร่วง ผ่านอุตสาหกรรม 'โซลาร์เซลล์จีน'

มองเศรษฐกิจ 'กัมพูชา' ในวันรุ่งและร่วง ผ่านอุตสาหกรรม 'โซลาร์เซลล์จีน'

"อุตสาหกรรมโซลาร์เซลล์" เคยได้ชื่อว่าเป็นธุรกิจที่เฟื่องฟูที่สุดแขนงหนึ่งในกัมพูชา จากการเข้ามาลงทุนของกลุ่มทุนจีน กลายเป็นหนึ่งในสินค้าส่งออกสำคัญ ก่อนที่ภาษี 3,403% จากสหรัฐ จะทำให้ทุกอย่างเปลี่ยนไป

"อุตสาหกรรมแผงโซลาร์เซลล์" เคยได้ชื่อว่าเป็นธุรกิจที่เฟื่องฟูที่สุดแขนงหนึ่งในกัมพูชา เคยมีมูลค่าการส่งออกข้ามทวีปสูงถึง 2.4 พันล้านดอลลาร์ (ราว 7.73 หมื่นล้านบาท) ในปี 2566 ก่อนที่หลังจากนั้นไม่ถึงสองปี ความเฟื่องฟูนี้จะถึงคราว "ล่มสลาย" เมื่อตัวเลขการส่งออกในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ลดลงถึง 99% เหลือเพียงหลัก 4.4 ล้านดอลลาร์ (ราว 141 ล้านบาท)

นิกเกอิเอเชียรายงานว่า อุตสาหกรรมโซลาร์เซลล์ของกัมพูชาเป็นตัวอย่างชั้นดีของการผ่านจุดสูงสุดและต่ำสุดจากผลกระทบ "สงครามการค้า" ระหว่างสหรัฐกับจีน

ทัง เมงฮุต ผู้ประกอบการและผู้อำนวยการฝ่ายทรัพยากรบุคคลชาวกัมพูชา ยังไม่ยอมแพ้แม้ว่าจะเผชิญทางเลือกที่สาหัสทั้งคู่ไม่ว่าจะยอมรับภาษีนำเข้าอัตรา 3,403%" หรือการ "ปิดกิจการ" 

โรงงานของเขาซึ่งได้รับการสนับสนุนจาก "กลุ่มทุนจีน" อย่าง  Venus Energy และ VCOM Power System ได้ยกเลิกการผลิตโมดูลพลังงานแสงอาทิตย์ที่ต้องเสียภาษีนำเข้าโหดจากสหรัฐในปีนี้ และหันมาผลิตแผงโซลาร์เซลล์แบบฟิล์มบางที่เสียภาษีนำเข้าเพียง 19% แทน สินค้าตัวนี้ที่ชาวกัมพูชาเรียกว่าแผงโซลาร์เซลล์ "พิเศษ" พกพาได้สะดวกกว่าและมีราคาแพงกว่าแผงโซลาร์ปกติที่เคยเป็นสินค้าส่งออกใหญ่ที่สุดของกัมพูชา รองจากเสื้อผ้า รองเท้า และกระเป๋าเดินทางเท่านั้น

"ก่อนหน้านี้เรามีบริษัทอยู่ 5 แห่ง แต่ตอนนี้เหลือแค่ 2 แห่ง" เมงฮุตกล่าวกับนิกเกอิเอเชีย "แต่หากมีการเก็บภาษีนำเข้าสูงขึ้น เราก็ทำไม่ได้อีกต่อไป”

มองเศรษฐกิจ 'กัมพูชา' ในวันรุ่งและร่วง ผ่านอุตสาหกรรม 'โซลาร์เซลล์จีน'

อุตสาหกรรมโซลาร์เซลล์ของกัมพูชาซึ่งเพิ่งจะอยู่ในช่วงเริ่มต้น ได้รับแรงหนุนการลงทุนจากจีน แต่การโจมตีอย่างต่อเนื่องของสหรัฐต่อการผลิตของทุนจีนในประเทศที่สาม กำลังผลักดันให้ผู้ผลิตต้องเปลี่ยนทิศทางหรือปิดตัวลงไป

ในช่วงที่พีกที่สุดปี 2566 กัมพูชาเคยส่งออกสินค้าในกลุ่มนี้ถึง 2.4 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งนับเป็นสินค้าภาคการผลิตที่ไม่ใช่สิ่งทอที่มีการส่งออกมากที่สุดของกัมพูชา แซงหน้าสินค้าในกลุ่มยางรถยนต์และจักรยาน ในขณะที่การส่งออกรวมไปสหรัฐเพียงแค่ตลาดเดียวยังมีมูลค่าทะลุ 9 พันล้านดอลลาร์  

มองเศรษฐกิจ 'กัมพูชา' ในวันรุ่งและร่วง ผ่านอุตสาหกรรม 'โซลาร์เซลล์จีน'

ระหว่างปี 2561 - 2565 มีโรงงานผลิตแผงโซลาร์เซลล์ที่เปิดดำเนินการในกัมพูชาทั้งหมดถึง 12 แห่ง โดยมีการจ้างแรงงานหลายพันคน แต่ข้อมูลล่าสุดจากกรมศุลกากรและสรรพสามิตของกัมพูชาพบว่าตัวเลขเหล่านี้กำลังปรับตัวลดลงมาก โดยกัมพูชาส่งออกแผงโซลาร์เซลล์เพียง 4.4 ล้านดอลลาร์ในช่วงหกเดือนแรกของปีนี้

สหรัฐสอบใหญ่โซลาร์เซลล์อาเซียน

ผู้ผลิตแผงโซลาร์เซลล์ส่วนใหญ่เริ่มเปิดกิจการในกัมพูชา ในช่วงจังหวะที่สหรัฐกำลังสอบสวนเกี่ยวกับสินค้าเมดอินไชน่าตามที่ผู้ผลิตโซลาร์เซลล์ในสหรัฐยื่นฟ้องพอดี ในภายหลังกระทรวงพาณิชย์สหรัฐได้ขยายเป้าหมายการสอบสวนไปยังแผงโซลาร์เซลล์จาก "กัมพูชา มาเลเซีย ไทย และเวียดนาม" ตั้งแต่ปี 2561 โดยอ้างว่าประเทศเหล่านี้เป็นทางผ่านส่งออกของประเทศอื่นๆ และเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว คณะกรรมาธิการการค้าระหว่างประเทศของสหรัฐยังได้ขยายการสอบสวนนี้ไปยัง "อินโดนีเซีย ลาว และอินเดีย" ด้วย

โรงงานในกัมพูชาที่เพิ่งตั้งพอจะมีเวลาได้หายใจช่วงสั้นๆ เนื่องจากอดีตประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐ ให้เวลาปรับตัวโดยเริ่มบังคับใช้การเก็บภาษีลงโทษในช่วงกลางปี ​​2567 หลังจากนั้นอุตสาหกรรมโซลาร์เซลล์ของกัมพูชาก็เริ่มซบเซาลง และประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่รับไม้ต่อก็ได้สร้างความปั่นป่วนให้กับธุรกิจอีกครั้ง ด้วยการเก็บภาษีศุลกากร "ในระดับที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน" ระหว่าง 534 - 3,403% 

ภาษีนำเข้าโซลาร์เซลล์จาก "กัมพูชา" นั้นสูงกว่าที่เรียกเก็บจากอีกสามประเทศ โดย "มาเลเซีย" อยู่ระหว่าง 14.64 - 168.8% "ไทย" อยู่ระหว่าง 263.74 - 799.55% และ "เวียดนาม" อยู่ระหว่าง 68.15 - 542.64% นิกเกอิเอเชียพบว่าโรงงานบางแห่งในกัมพูชาต้องปิดตัวลง 

บริษัท Solar Long PV Tech ในเมืองสีหนุวิลล์ ซึ่งเพิ่งส่งออกตามคำสั่งซื้อของ BYD America เมื่อเดือนธ.ค. ที่ผ่านมา ได้ปิดกิจการลงแล้วในปีนี้จากการเปิดเผยของอดีตพนักงานรายหนึ่ง ซึ่งเปิดเผยด้วยว่าเจ้านายของเขาซึ่งเป็นชาวจีนได้เดินทางออกนอกประเทศไปแล้ว

แมทธิว ไนซ์ลี หุ้นส่วนของบริษัทกฎหมายและล็อบบี้ยิสต์ Akin Gump ในสหรัฐกล่าวว่า ขอบเขตของภาษีศุลกากรดูเหมือนจะขยายวงกว้างขึ้น จากเดิมที่เก็บภาษีกับแผงโซลาร์เซลล์ก็ขยายไปสู่ชิ้นส่วนประกอบของโซลาร์เซลล์และแผ่นเวเฟอร์ด้วย ปัจจุบันบริษัทของเขากำลังเจรจาภาษีให้กับลาว และยังเป็นล็อบบี้ยิสต์ให้กับรัฐบาลกัมพูชาด้วย แต่เขาตั้งข้อสังเกตว่าแนวทางของทรัมป์กำลังพลิกนโยบายเศรษฐกิจของสหรัฐที่ดำเนินมาหลายทศวรรษ

"รัฐบาลทรัมป์เป็นกรณีศึกษาที่ยอดเยี่ยมในการพยายามหักล้าง... เศรษฐศาสตร์แบบริคาร์โด (แนวทางเศรษฐกิจที่พัฒนาโดยดาวิด ริคาร์โด เน้นทฤษฎีความได้เปรียบเชิงเปรียบเทียบ) เพราะเราไม่สามารถทำทุกอย่างได้ทั้งหมดที่นี่ เราต้องพึ่งพาการนำเข้าบ้าง" ไนซ์ลีกล่าวและเชื่อว่าความพยายามนี้จะไม่สำเร็จ "ครั้งสุดท้ายที่เราลองทำแบบนี้คือในช่วงทศวรรษ 1930 ด้วยภาษีสมูธ ฮอว์ลีย์ และทำให้เกิดภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่รุนแรงขึ้น"

เนื่องด้วยกัมพูชาถูกจัดอยู่ในกลุ่มประเทศที่พัฒนาน้อยที่สุด จึงเคยได้รับการอนุเคราะห์สิทธิ GSP ในการลดหย่อนหรือยกเว้นภาษีอากรนำเข้าจากสหรัฐตลอดช่วงสามทศวรรษที่ผ่านมา แต่สภาคองเกรสสหรัฐได้ยุติการต่ออายุโครงการนี้ไปเมื่อช่วงปลายปี 2563 การเจรจาเรื่องภาษีศุลกากรจึงเป็นเรื่องใหม่สำหรับกัมพูชา ซึ่งแตกต่างจากศูนย์กลางการผลิตในภูมิภาคอย่าง มาเลเซีย ไทย และเวียดนาม

"ในอดีตเรื่องนี้ไม่ได้สำคัญเท่าไรนัก เพราะเรามีข้อยกเว้น (จีเอสพี) และปริมาณการส่งออกของกัมพูชาโดยทั่วไปมีน้อยมาก...แต่เมื่อจีนเปลี่ยนเส้นทางการผลิต เราก็ถูกจัดให้อยู่ในกลุ่มเดียวกับจีน" เอ็ดวิน แวนเดอร์บรูกเกน หุ้นส่วนอาวุโสของบริษัทที่ปรึกษาด้านภาษีแอนเดอร์เซนในกัมพูชากล่าว และเสริมว่า "เราเป็นเหยื่อที่ถูกลูกหลงจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐกับจีน"