กวาดจับ ‘แรงงานเกาหลีใต้’ ในสหรัฐ สะท้อนปมพึ่งพา ‘วีซ่าสีเทา’

แรงงานเกาหลีใต้ กว่า 300 คนถูกกวาดจับที่โรงงาน Hyundai ในสหรัฐ สะท้อนปัญหาการพึ่งพา ‘วีซ่าสีเทา’ ที่ไม่เอื้อให้ทำงานได้จริง ซึ่งความเข้มงวดยุคทรัมป์ กำลังเขย่าความสัมพันธ์ลงทุนระหว่างสองชาติ
สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่า แรงงานเกาหลีใต้ หลายคน ได้ถูกส่งไปทำงานในสหรัฐด้วย “เอกสารที่น่าสงสัย” อีกทั้งพวกเขาเองก็เต็มไปด้วยความกังวล และเคยมีการ “เตือนล่วงหน้า” ถึงการเข้มงวดกฎหมายตรวจคนเข้าเมือง ก่อนจะเกิดเหตุบุกจับโรงงานฮุนไดเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ตามคำบอกเล่าของแรงงาน เจ้าหน้าที่ และทนายความ
ตลอดหลายปีที่ผ่านมา บริษัทเกาหลีใต้มักเผยว่า พวกเขาเผชิญอุปสรรคในการขอวีซ่าทำงานระยะสั้นสำหรับผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งจำเป็นต่อการเดินเครื่องโรงงานเทคโนโลยีชั้นสูงในสหรัฐ จึงจำเป็นต้องอาศัย “พื้นที่สีเทา” ที่เปิดกว้างจากการตีความระเบียบวีซ่าอย่างผ่อนปรน ภายใต้การบริหารของรัฐบาลอเมริกันชุดก่อน
เมื่อสถานการณ์เปลี่ยนจากการเข้ามาของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แรงงานบางส่วนได้ถูกปฏิเสธไม่ให้เข้าประเทศ เนื่องจากสถานะการเข้าประเทศไม่เอื้อให้ทำงานได้อย่างถูกต้อง ตามการสัมภาษณ์ของรอยเตอร์กับแรงงานกว่า 10 คนจากหลายบริษัท เจ้าหน้าที่รัฐบาลและบริษัท ตลอดจนทนายด้านตรวจคนเข้าเมือง
สำหรับชาวเกาหลีใต้กว่า 300 คน เป็นส่วนหนึ่งในจำนวน 475 คนที่ถูกเจ้าหน้าที่รัฐบาลกลางสหรัฐกวาดจับและควบคุมตัวที่โรงงานผลิตแบตเตอรี่รถยนต์ของ Hyundai Motor รัฐจอร์เจียเมื่อวันพฤหัสบดี
คนจำนวนมากที่ถูกจับกุมนั้น เป็น “แรงงานฝีมือ” ซึ่งถูกส่งไปสหรัฐ เพื่อทำการติดตั้งอุปกรณ์ในโรงงานที่เกือบสร้างเสร็จ โดยใช้โครงการยกเว้นการตรวจลงวีซ่า หรือวีซ่าแบบ B-1 สำหรับนักธุรกิจเดินทาง ซึ่งตามกฎหมายแทบจะไม่อนุญาตให้ทำงานได้จริง ตามข้อมูลจากสามแหล่งข่าว
“การขอวีซ่า H-1B ซึ่งจำเป็นสำหรับวิศวกรด้านแบตเตอรี่นั้น ‘ยากมาก’ นั่นคือเหตุผลที่บางคนต้องใช้วีซ่า B-1 หรือ ESTA” ปาร์ค แท-ซอง รองประธานสมาคมอุตสาหกรรมแบตเตอรี่เกาหลีกล่าว
แหล่งข่าวรายหนึ่งที่ทำงานอยู่ที่ไซต์ในรัฐจอร์เจียบอกกับรอยเตอร์ว่า นี่เป็นเรื่องที่ปฏิบัติกันมาเป็นประจำมานานแล้ว “นี่เป็นสัญญาณเตือนชัดเจน พวกเขาหลีกเลี่ยงกฎหมายแล้วเข้ามาทำงาน” บุคคลดังกล่าวกล่าว โดยขอไม่เปิดเผยชื่อ เนื่องจากความอ่อนไหวของเรื่อง
การจับกุมครั้งนี้จึงสร้างความตื่นตระหนกในเกาหลีใต้ โดยช่างเทคนิคติดตั้งอุปกรณ์ในเกาหลีใต้ ซึ่งเคยทำงานร่วมกับผู้ที่ถูกจับกุม 6 คนเปิดเผยว่า “ผมเตือนพวกเขาแล้วว่า ชีวิตอาจพังถ้าถูกจับได้”
“ผมอ้อนวอนไม่ให้พวกเขาไปสหรัฐอีก” เขากล่าว โดยขอไม่เปิดเผยชื่อ
ด้านช่างเทคนิคอีกคนหนึ่งซึ่งทำงานเป็นผู้รับเหมากับ LG Energy Solution เล่าว่า คำขอวีซ่า B-1 ของเขาเพื่อไปทำงานที่โรงงาน Hyundai ในรัฐจอร์เจียถูกปฏิเสธเมื่อต้นปีนี้ โดยไม่ได้รับคำชี้แจงใด ๆ ต่อมาเมื่อเขาพยายามจะบินไปเม็กซิโกแล้วข้ามพรมแดน ก็ถูกห้ามขึ้นเครื่องตั้งแต่ที่สนามบินในกรุงโซล
“พวกเราคิดว่าสหรัฐ คือพันธมิตรของเรา แต่ตอนนี้พวกเขาปฏิบัติกับผมเหมือนเป็นผู้อพยพผิดกฎหมาย” เขากล่าว
ด้านคิม ดง-มิน เจ้าหน้าที่กระทรวงการต่างประเทศเกาหลีใต้เปิดเผยว่า การขาดแคลนวีซ่าทำงานที่เหมาะสมสำหรับผู้รับเหมาช่วง ได้บีบให้หลายฝ่ายต้องพึ่งพาระบบ ESTA เพื่อเดินทางเข้าสหรัฐ อย่างเร่งด่วน ซึ่งส่งผลให้บางคนถูกปฏิเสธการเข้าประเทศในที่สุด
ที่ผ่านมา เกาหลีใต้เรียกร้องมานาน ให้สหรัฐสร้างวีซ่าประเภทใหม่สำหรับแรงงานมีฝีมือ คล้ายกับที่มีให้แก่ประเทศคู่ค้าเสรีการค้า เช่น ออสเตรเลียและสิงคโปร์ แต่จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่คืบหน้า
อ้างอิง: reuters







