‘Gen Z’ เนปาลเดือด ประท้วงแบนโซเชียลมีเดีย-ทุจริต ดับ 19 ราย

ประชาชนอย่างน้อย 19 คนเสียชีวิตในสองเมืองจากเหตุไม่สงบครั้งเลวร้ายที่สุดในรอบหลายสิบปีของเนปาล ผู้ประท้วงไม่พอใจการปิดโซเชียลมีเดียและการคอร์รัปชันพากันบุกสภา
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานสัปดาห์ก่อนรัฐบาลเนปาลตัดสินใจปิดการเข้าถึงโซเชียลมีเดียหลายแพลตฟอร์ม เช่น เฟซบุ๊ก ทำให้คนหนุ่มสาวโกรธเกรี้ยว ในบรรดาประชากรเนปาล 30 ล้านคน ราว 90% ใช้อินเทอร์เน็ต
ทางการให้เหตุผลว่าที่ต้องปิดการเข้าถึงเพราะแพลตฟอร์มเหล่านั้นไม่ยอมลงทะเบียนเพื่อปราบปรามการใช้โซเชียลมีเดียในทางที่ผิด เช่น ใช้แอคเคาน์ทปลอมเพื่อเผยแพร่เฮตสปีชและเฟคนิวส์ หรือใช้ฉ้อโกง
เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นคนหนึ่งเผยว่า เมื่อวันจันทร์ (8 ก.ย.) ผู้ประท้วงจำนวนหนึ่งส่วนใหญ่เป็นคนหนุ่มสาว พยายามฝ่าแนวกั้นบุกอาคารรัฐสภาในกรุงกาฏมาณฑุ เผารถพยาบาล และขว้างปาสิ่งของเข้าใส่ตำรวจปราบจลาจล
ผู้ประท้วงคนหนึ่งเผยกับสำนักข่าวเอเอ็นไอว่า ตำรวจกราดยิงไม่เลือกหน้า “กระสุนเฉียดผมไปโดนเพื่อนที่ยืนอยู่ข้างหลัง เพื่อนโดนยิงที่มือ”
ตำรวจนามเชการ์ คานัล กล่าวกับรอยเตอร์ว่า ประชาชนกว่า 100 คน รวมถึงตำรวจ 28 นายต้องให้แพทยดูแลอาการบาดเจ็บ ผู้ประท้วงต้องช่วยกันแบกผู้บาดเจ็บขึ้นรถจักรยานยนต์ไปโรงพยาบาล
ตำรวจแถลงว่า ประชาชนสองคนจาก 19 คน เสียชีวิตจากการประท้วงในเมืองอิตาฮารีทางภาคตะวันออกกลายเป็นเหตุรุนแรง
ขณะที่รัฐมนตรีคนหนึ่งเผยกับรอยเตอร์ว่า นายราเมศ เลคัค รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยลาออกเพื่อ “แสดงความผิดชอบทางจริยธรรม” ต่อเหตุรุนแรงนี้
ด้านนายกรัฐมนตรีเค พี ชาร์มา โอลี เรียกประชุมคณะรัฐมนตรีฉุกเฉินหารือเหตุไม่สงบ ที่ปะทุขึ้นหลังคนหนุ่มสาวหลายพันคน หลายคนแต่งเครื่องแบบนักเรียน นิสิต นักศึกษา ลงถนนเมื่อวันจันทร์ จำนวนมากชูธงและแผ่นป้ายเขียนคำขวัญ “ชัตดาวน์ทุจริตไม่ใช่โซเชียลมีเดีย” “เลิกแบนโซเชียลมีเดีย” และ “ยุวชนต่อต้านคอร์รัปชัน” ขณะเดินขบวนทั่วเมืองหลวง
ผู้จัดการประท้วงซึ่งแพร่กระจายไปยังเมืองอื่นๆ ด้วย เรียกตนเองว่า “การเดินขบวนโดย Gen Z” สะท้อนถึงความไม่พอใจเป็นวงกว้างในหมู่คนหนุ่มสาวต่อการที่รัฐบาลไม่จัดการปัญหาทุจริตและส่งเสริมโอกาสทางเศรษฐกิจ
“นี่คือการประท้วงโดยคนรุ่นใหม่ในเนปาล” ผู้ชุมนุมอีกหนึ่งคนกล่าวกับสำนักข่าวเอเอ็นไอ
ฮิวแมนไรท์วอทช์ กล่าวว่า รัฐบาลเนปาลไม่ควรมองการประท้วงผ่านมุมมองการบังคับใช้กฎหมายและควรตระหนักว่าการวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักของผู้ประท้วงสะท้อนให้เห็นถึงความผิดหวังอย่างมากของประชาชนทั่วประเทศที่มีต่อการทุจริตที่ฝังรากลึก การใช้อำนาจในทางมิชอบ และการปกครองที่ย่ำแย่
แถลงการณ์จากฮิวแมนไรท์วอทช์ระบุ
“ควรใช้วิธีการที่ไม่รุนแรงก่อนที่จะใช้กำลังการใช้กำลังจะเหมาะสมก็ต่อเมื่อมาตรการอื่นๆ ที่ใช้จัดการกับภัยคุกคามที่แท้จริงนั้นไม่ได้ผล”







