ญี่ปุ่นเปลี่ยนนายกฯ ท่ามกลางมรสุมรัฐบาลเสียงข้างน้อย

ญี่ปุ่นเปลี่ยนนายกฯ ท่ามกลางมรสุมรัฐบาลเสียงข้างน้อย

ญี่ปุ่นอยู่ระหว่างการเลือกผู้นำพรรครัฐบาลคนใหม่ที่คาดว่าต้องใช้เวลาเกือบหนึ่งเดือน ก่อให้เกิดความเสี่ยงว่านโยบายจะชะงักงันในช่วงที่มีเรื่องร้อนให้ต้องดำเนินการ

เว็บไซต์นิกเคอิรายงาน นายกรัฐมนตรีชิเงรุ อิชิบะ ผู้ประกาศเมื่อวันอาทิตย์ (7 ก.ย.) ว่า จะลาออกจากตำแหน่งประธานพรรคเสรีประชาธิปไตย (แอลดีพี) เปิดทางให้พรรคได้มีผู้นำใหม่ ในการแถลงข่าวเจ้าตัวกล่าวเพิ่มเติมถึงภารกิจที่ยังค้างคาว่า ยังมีงานให้ต้องทำอีกมากเพื่อเร่งการเติบโตของค่าจ้าง

เมื่อสัปดาห์ก่อนนี่เองที่อิชิบะกล่าวว่า รัฐบาลของเขาจะออกชุดมาตรการทางเศรษฐกิจรับมือเงินเฟ้อและภาษีสหรัฐ แต่บรรดารัฐมนตรียังไม่ทันรับนโยบาย งานทุกอย่างก็ต้องหยุดชะงักหลังอิชิบะลาออก  รอรัฐบาลใหม่เป็นรูปเป็นร่างหลังเลือกผู้นำพรรค

แม้ว่าค่าแรงในญี่ปุ่นเพิ่มขึ้น แต่ไม่ได้เร็วเท่าราคาสินค้า ดังนั้นเพื่อช่วยบรรเทาปัญหาค่าครองชีพที่สูง พรรคแอลดีพีได้ให้สัญญาในการหาเสียงเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภาในเดือน ก.ค.ว่าจะแจกเงินสดช่วยเหลือประชาชน

หลังพรรคแอลดีพีแพ้เลือกตั้ง มีเสียงเรียกร้องภายในพรรคให้ทบทวนท่าทีนี้แต่ยังไม่มีมติพรรคออกมา ขณะเดียวกันวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดเล็กยังตั้งตารอการบรรเทาความเดือดร้อนจากภาษีสหรัฐ เงินทุนจากมาตรการทางเศรษฐกิจดังกล่าวต้องใช้งบประมาณเพิ่มเติมจากปีงบประมาณ 2025 ซึ่งต้องผ่านการประชุมสภานัดพิเศษ

รัฐบาลผสมนำโดยพรรคแอลดีพีไม่ได้ครองเสียงข้างมากทั้งในสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา จึงต้องเจออุปสรรคมากมายในการผ่านงบประมาณ อย่างน้อยก็ต้องชักชวนพรรคการเมืองฝ่ายค้านมาให้ร่วมโหวตด้วย แต่ท่ามกลางความปั่นป่วนของพรรคแอลดีพี การเจรจาระหว่างพรรครัฐบาลกับฝ่ายค้านไม่มีความคืบหน้า

แนวโน้มร่างงบประมาณปี 2026 และร่างกฎหมายปฏิรูปภาษียังไม่ชัดเจน โดยปกติจะออกมาภายในเดือน ธ.ค.

นโยบายต่างประเทศญี่ปุ่นดูเหมือนชะงักเช่นกัน อิชิบะอ้างว่าการเจรจาการค้ากับสหรัฐกำลังก้าวหน้า เป็นเหตุผลให้เขาไม่ลาออกก่อนหน้านี้ รัฐบาลโตเกียวบรรลุข้อตกลงกับวอชิงตันเมื่อสัปดาห์ก่อน สหรัฐเห็นชอบลดภาษีที่เก็บกับรถยนต์ญี่ปุ่น อันเป็นเป้าหมายที่โตเกียวพยายามทำมาตั้งแต่เดือน เม.ย.

“มีการวางรากฐานเพื่อรับประกันความมั่นคงทางเศรษฐกิจของญี่ปุ่นและเร่งการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างมีนัยสำคัญ”

“ข้อตกลงนี้อยู่บนพื้นฐานความสัมพันธ์ที่ไว้เนื้อเชื่อใจกันกับรัฐบาลทรัมป์” อิชิบะกล่าวพร้อมเรียกร้องให้รัฐบาลใหม่รับรองว่าจะนำข้อตกลงภาษีไปปฏิบัติ

ในด้านการทูตมีกำหนดการประชุมมากมายรออยู่เช่นกัน เริ่มตั้งแต่การประชุมผู้นำอาเซียนที่มาเลเซียในเดือน ต.ค. ตามด้วยการประชุมผู้นำความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชียแปซิฟิก (เอเปค) ที่เกาหลีใต้ การประชุมผู้นำกลุ่มจี 20 ที่แอฟริกาใต้ในเดือน พ.ย.

การเดินทางมาเยือนเอเชียเพื่อร่วมประชุมเอเปคจะเปิดโอกาสให้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้เยือนญี่ปุ่นเป็นครั้งแรกของการรับตำแหน่งสมัยที่ 2 แต่การประสานงานอาจยุ่งยากถ้าโตเกียวยังไม่ได้รัฐบาลที่แน่นอน

อีกหนึ่งความท้าทายทางการทูตคือเรื่องกลาโหมในเรื่องข้อตกลงแบ่งปันค่าใช้จ่ายสำหรับการมีทหารสหรัฐในญี่ปุ่น ข้อตกลงปัจจุบันจะหมดอายุในเดือน มี.ค.2027

ว่ากันว่าทรัมป์ไม่พอใจที่ญี่ปุ่นเพิ่มงบประมาณกลาโหมช้า ญี่ปุ่นไม่ได้ทบทวนเอกสารยุทธศาสตร์สำหรับคำนวณงบประมาณกลาโหมประจำปีเลย

บางคนในรัฐบาลเสนอให้ปรับปรุงยุทธศาสตร์การป้องกันประเทศและโครงการเสริมสร้างกำลังทหารให้เร็วขึ้น แต่การหารือยังไม่คืบหน้ามากนัก ส่วนหนึ่งเป็นเพราะการเปลี่ยนแปลงอาจทำให้ต้องม่ีค่าใช้จ่ายมากขึ้น

แผนการปัจจุบันยังไม่ได้งบประมาณมาสนับสนุน รัฐบาลคาดว่าจะใช้จ่ายด้านกลาโหมถึงระดับ 2% ของผลผลิตมวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ในปีงบประมาณ 2027 แต่การหารือเรื่องการขึ้นภาษีเงินได้เพื่อเอาเงินมาสนับสนุนถูกเลื่อนออกไปสะท้อนว่าความไม่แน่นอนยังมีต่อไปอีก 

  • รู้จักตัวเก็งผู้นำญี่ปุ่นคนใหม่

เมื่อนายกรัฐมนตรีอิชิบะ ลงจากตำแหน่ง สายตาทุกคู่จึงจับจ้องไปที่ผู้ที่จะมาเป็นประธานพรรคเสรีประชาธิปไตยคนใหม่ ที่อาจได้เป็นนายกรัฐมนตรีด้วย สองตัวเก็งคือชินจิโร โคอิซุมิ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตร บุตรชายอดีตนายกรัฐมนตรีจุนอิจิโร โคอิซุมิ และซานาเอะ ทาคาอิจิอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงความมั่นคงทางเศรษฐกิจ ผู้อาจขึ้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของประเทศ ทั้งสองคนเป็นคู่แข่งที่น่ากลัวในการชิงชัยประธานพรรคแอลดีพีในปี 2024 แต่ก็ต้องพ่ายอิชิบะ

ใครก็ตามที่ขึ้นเป็นนายกฯ ต่อจากอิชิบะต้องหาทางทำงานกับพรรคฝ่ายค้านให้ได้ในฐานะผู้นำรัฐบาลเสียงข้างน้อยส่วนตัวอิชิบะนั้น เขาแถลงในวันอาทิตย์ว่า จะไม่ลงชิงตำแหน่งประธานพรรคอีก

ทั้งนี้ ผู้สมัครชิงตำแหน่งต้องได้เสียงรับรองจากสมาชิกรัฐสภาของพรรคแอลดีพีอย่างน้อย 20 คน นอกเหนือจากโคอิซุมิและทาคาอิจิแล้ว ผู้สมัครคนอื่นๆ เช่น ทาคายูกิ โคบายาชิ อดีตรัฐมนตรีความมั่นคงเศรษฐกิจอีกหนึ่งคน, โยชิมาซะ ฮายาชิ เลขานุการคณะรัฐมนตรี และโทชิมิตสึ โมเตกิ อดีตเลขาธิการพรรคแอลดีพี

ทุกคนล้วนเคยแข่งขันชิงตำแหน่งประธานพรรคกับอิชิบะในปี 2024

  • ว่าที่นายกฯ หญิง?

ญี่ปุ่นเปลี่ยนนายกฯ ท่ามกลางมรสุมรัฐบาลเสียงข้างน้อย ทาคาอิจิได้รับคะแนนนิยมสูงสุดจากผลสำรวจความคิดเห็นของนิกเคอิเมื่อเดือนที่แล้วในประเด็นว่าใครเหมาะสมเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป ด้วยคะแนนสนับสนุน 23% ตามมาด้วยโคอิซูมิที่ 22%

ตอนแข่งชิงประธานพรรคครั้งแรกในปี 2021 ทาคาอิจิได้คะแนนเป็นที่ 3 ภายใต้การสนับสนุนของอดีตนายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะ เธอมีฐานเสียงจากบรรดา ส.ส. และ ส.ว.พันธมิตรกับอาเบะผู้ล่วงลับ

ในการเลือกตั้งประธานพรรคปี 2024 ทาคาอิจิได้คะแนนนำในรอบแรก ก่อนจะถูกอิชิบะแซงหน้าในการเลือกตั้งรอบสอง เธอได้รับการสนับสนุนจากทาโร อาโซะ อดีตนายกรัฐมนตรีและอดีตหัวหน้าพรรคคนเดียวที่ยังคงเหลืออยู่ในค่ายของเธอ

หลังเลือกประธานพรรคเธอปฏิเสธข้อเสนอเป็นประธานสภาบริหารอันทรงพลังของพรรค และไม่ยุ่งเกี่ยวกับรัฐบาลอิชิบะ

  • ลูกชายอดีตนายกฯ

ญี่ปุ่นเปลี่ยนนายกฯ ท่ามกลางมรสุมรัฐบาลเสียงข้างน้อย โคอิซุมิ วัย 44 ปีเป็นประธานการหาเสียงเลือกตั้งส.ส.ของพรรคในเดือน ต.ค.2024 แต่ลาออกหลังพรรคแอลดีพีไม่ได้เสียงข้างมาก เขารับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรหลังจาก รมต.คนก่อนหน้าลาออกไปเพราะเรื่องทุจริต

ขณะนี้เขากำลังปรับราคาข้าวให้ถูกลงด้วยการเปลี่ยนแปลงการจัดจำหน่าย ในการเลือกตั้งประธานพรรคปีก่อน โคอิซุมิมาเป็นที่ 3

  • ผู้สมัครคนอื่นๆ

ฮายาชิ ผู้ได้คะแนนเป็นอันดับสี่ เคยเป็นเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ตำแหน่งสำคัญในฐานะโฆษกรัฐบาลอิชิบะ โคบายาชิได้เสียงสนับสนุนจากสมาชิกแถวหลัง ได้คะแนนมาเป็นที่ 5 ในปี 2024

โมเตกิ ผู้สมัครสูงวัยสุด 69 ปี มีผู้สนับสนุนในค่ายตนเองจำนวนหนึ่ง การเลือกประธานพรรคครั้งก่อนเขาได้อันดับที่ 6

แต่ไม่ว่าใครได้ขึ้นเป็นประธานพรรคแอลดีพี ไม่ได้เป็นหลักประกันว่าสภาจะเลือกเป็นนายกฯ หากพรรคฝ่ายค้านทั้งหมดรวมพลังกันสนับสนุนคู่แข่ง ผู้สมัครจากพรรคแอลดีพีย่อมไม่อาจเอาชนะได้