≠จับสัญญาณ 'ตลาดงานสหรัฐ' น่าห่วง 'เลย์ออฟ' เดือนส.ค. พุ่งสูงสุดรอบ 5 ปี

≠จับสัญญาณ 'ตลาดงานสหรัฐ' น่าห่วง 'เลย์ออฟ' เดือนส.ค. พุ่งสูงสุดรอบ 5 ปี

วิเคราะห์ตลาดงานสหรัฐเดือน 'สิงหาทมิฬ' เดือนที่การ 'จ้างงานใหม่' น้อยสุดทุบสถิติที่เคยมีมา แต่การ 'เลิกจ้าง' พุ่งสวนทางสูงสุดในรอบ 5 ปี

ตลาดแรงงานสหรัฐเพิ่งเจอข่าวใหญ่สะเทือนความเชื่อมั่นไปหมาดๆ เมื่อประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ สั่งปลด"เอ็นริกา แมคเอ็นทาร์เฟอร์" หัวหน้าสำนักงานสถิติแรงงาน (BLS) ของกระทรวงแรงงานสหรัฐเมื่อเดือนที่แล้ว เพียงไม่กี่ชั่วโมงหลังจากที่มีการเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานสหรัฐที่ "หดตัวลงหนัก" ในช่วงไตรมาส 3

แต่แม้ว่าจะแต่งตั้งคนใหม่แทนก็ไม่ได้หมายความว่าแนวโน้มขาลงของการจ้างงานสหรัฐจะกลับมาดีขึ้น เพราะตัวเลขล่าสุดเดือนสิงหาคมที่เพิ่งเปิดเผยเมื่อวันศุกร์ที่แล้วยังออกมา "แย่กว่าที่คาด" และสะกิดให้เห็นถึง "รอยร้าวปัญหาใหญ่ของเศรษฐกิจสหรัฐ" แม้ตลาดหุ้นจะพุ่งแรงดีวันดีคืนก็ตาม

ตลาดงานสหรัฐแย่แค่ไหน

กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยข้อมูลใหม่เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาว่า สหรัฐมีการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 22,000 ตำแหน่งในเดือนสิงหาคม ซึ่ง "ต่ำกว่ามาก" เมื่อเทียบกับที่คาดการณ์เอาไว้ที่ 75,000 ตำแหน่ง ขณะที่ตัวเลขการว่างงานเพิ่มขึ้นจาก 4.2% อยู่ที่ 4.3% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบเกือบ 4 ปี 

กระทรวงยังได้ปรับแก้ไขข้อมูลเดิมของเดือน 6 และเดือน 7 โดยแก้ไขข้อมูลเดือนกรกฎาคม เพิ่มการจ้างงานมากขึ้น 6,000 ตำแหน่ง รวมเป็น 79,000 ตำแหน่ง 

แต่ของเดือนมิถุนายนได้ปรับลดลงกลายเป็นตัวเลขการจ้างงาน "ติดลบ" 13,000 ตำแหน่ง ทำให้เดือนมิ.ย. กลายเป็นเดือนแรกในรอบเกือบ 5 ปี ที่ตลาดการจ้างงานในสหรัฐติดลบนับตั้งแต่เดือนธ.ค.2020 ในช่วงการระบาดของโควิด-19

Newsweek ระบุว่า "ตลาดงานของอเมริกากำลังมีบางอย่างผิดปกติ" ข้อมูลที่เพิ่งเผยแพร่ยิ่งทำให้ความกังวลเกี่ยวกับสภาพตลาดงานของสหรัฐ และเศรษฐกิจโดยรวมที่อยู่ภายใต้ตลาดแรงงานยิ่งทวีความรุนแรงขึ้น

ก่อนหน้านี้เมื่อวันพุธ BLS เพิ่งรายงานว่า จำนวนตำแหน่งงานว่าง (job openings) ในสหรัฐลดลง 176,000 ตำแหน่ง เหลือ 7.2 ล้านตำแหน่ง ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบเกือบหนึ่งปีนับตั้งแต่เดือนก.ย. 2567 โดยต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ที่ 7.4 ล้านตำแหน่ง และยังนับเป็นครั้งแรกตั้งแต่เดือนเม.ย. 2564 ที่จำนวนตำแหน่งงานว่างมีน้อยกว่าจำนวนผู้ว่างงาน ซึ่งอยู่ที่ 7.4 ล้านคน

"ตำแหน่งงานว่างที่ลดลง เป็นอีกหนึ่งสัญญาณบ่งชี้ว่าการจ้างงานยังคงอ่อนแอ และตลาดแรงงานซบเซา" มาร์ค แซนดี หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของ Moody's กล่าวกับนิวส์วีค "การมีตำแหน่งงานว่าง 'น้อยกว่า' จำนวนคนว่างงานเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่โควิด เป็นสัญญาณที่ชัดเจนว่าตลาดแรงงานกำลังมีปัญหา"

ความเห็นนี้สอดคล้องกับ โยอานา มารีเนสคู นักเศรษฐศาสตร์ และรองศาสตราจารย์จากมหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนีย ที่มองว่าสัดส่วนคนว่างงานต่อตำแหน่งงานว่างมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ สะท้อนให้เห็นถึงภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง ตลาดงานตึงตัวลดลง "และมักจะนำไปสู่ค่าจ้างที่ลดลงตามมา"

เอกชนแทบไม่จ้างงานเพิ่ม

หากดูข้อมูลในฝั่งเอกชนจากบริษัทจัดหางาน Challenger, Gray & Christmas จะพบอีกหนึ่งสัญญาณความน่ากังวลเพิ่มเติมด้วยในเรื่อง "แนวโน้มการจ้างงานของภาคเอกชน"  

ชาลเลนเจอร์ฯ ระบุว่า บริษัทต่างๆ ในสหรัฐประกาศแผนการจ้างงานเพียง 1,494 ตำแหน่งในเดือนสิงหาคม ซึ่งถือเป็นจำนวนน้อยที่สุดในเดือนนี้นับตั้งแต่ปี 2009 ในบรรดา 30 อุตสาหกรรมที่ทางบริษัทติดตามข้อมูล โดยแผนการจ้างงานกระจุกตัวอยู่ใน "อุตสาหกรรมการบิน อวกาศ และการป้องกันประเทศ สินค้าอุตสาหกรรม และค้าปลีก" 

ส่วนการ "เลิกจ้าง" ในเดือนสิงหาคม ก็พุ่งขึ้นจากปีก่อนไปอยู่ที่เกือบ 85,980 ตำแหน่ง ซึ่งถือเป็นยอดรวมเดือนส.ค. ที่มากที่สุดในรอบ 5 ปีนับตั้งแต่ปี 2020 และหากไม่รวมผลกระทบจากการระบาดใหญ่ช่วงโควิด ตัวเลขนี้จะถือเป็นตัวเลขสูงสุดของเดือนส.ค. นับตั้งแต่เกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยครั้งใหญ่ในปี 2008 ช่วงวิกฤติซับไพรม์

"โดยปกติแล้ว เดือนกันยายน จะเป็นช่วงที่เราเริ่มเห็นการประกาศจ้างงานตามฤดูกาลจำนวนมาก ซึ่งบ่งชี้ว่าผู้ค้าปลีกคาดการณ์ว่าช่วงเทศกาลวันหยุด(ปลายปี)จะเป็นอย่างไร" แอนดรูว์ ชาลเลนเจอร์ รองประธานอาวุโสของบริษัท ระบุ "แต่จากตัวเลขเดือนสิงหาคม ที่มีแผนการจ้างงานต่ำที่สุดเท่าที่เคยมีมา นี่อาจเป็นสัญญาณที่น่ากังวล"

'งานราชการ-การผลิต' เลิกจ้างมากที่สุด

เมื่อดูในรายละเอียดจะพบว่า "การเลิกจ้าง" เกิดขึ้นมากที่สุดในส่วนงานของ "รัฐบาลกลาง" และ "ภาคการผลิต"

ผลกระทบจาก "กระทรวงประสิทธิภาพรัฐบาล" (DOGE) ยังคงมีอยู่แม้ว่าอีลอน มัสก์ จะก้าวลงจากตำแหน่งในทำเนียบขาวแล้วก็ตาม ในเดือนส.ค. ที่ผ่านมาการจ้างงานของรัฐบาลกลางลดลงอีก 15,000 ตำแหน่ง ทำให้จำนวนการเลิกจ้างของรัฐบาลกลางสหรัฐรวมอยู่ที่ 97,000 ตำแหน่ง นับตั้งแต่เดือนม.ค. ปีนี้

ส่วนงานในภาคการผลิตก็ได้รับผลกระทบหนักเช่นกัน โดยลดลง 12,000 ตำแหน่งในเดือนส.ค. และตลอดทั้งปีนี้งานในภาคการผลิตหายไปแล้วถึง 78,000 ตำแหน่ง

สำหรับงานที่ยังมีการเติบโตดีอยู่นั้น ส่วนใหญ่อยู่ในอุตสาหกรรม "เฮลท์แคร์ และสวัสดิการสังคม" ซึ่งมีการจ้างงานเพิ่มขึ้น 31,000 ตำแหน่ง และ 16,000 ตำแหน่งตามลำดับ

ก่อนหน้านี้ช่วงกลางเดือนส.ค. มหาวิทยาลัยมิชิแกนเปิดเผยรายงานความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐว่า สัดส่วนของคนที่คาดว่าอัตราการว่างงานจะแย่ลงในอีก 12 เดือนข้างหน้า อยู่ที่ประมาณ 60% ซึ่งเป็นตัวเลขในระดับสูงมากที่เคยพบครั้งสุดท้ายเมื่อช่วงยุคภาวะเศรษฐกิจถดถอยครั้งใหญ่ (the Great Recession)

"ผู้คนมองเห็น และรู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงในตลาดงานก่อนที่จะปรากฏในข้อมูลอย่างเป็นทางการของรัฐ เรารู้ว่าบริษัทของเราเองมีการหยุดจ้างพนักงานชั่วคราว หรือมีคนถูกเลิกจ้างบ้างหรือไม่" เจมส์ ไนท์ลีย์ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ระหว่างประเทศของธนาคาร ING กล่าว "ขณะนี้ระดับความเชื่อมั่นต่อตลาดแรงงาน อยู่ในจุดที่สอดคล้องกับการลดลงของการจ้างงานที่กำลังจะเกิดขึ้นในเร็วๆ นี้"

 

 

 

ที่มา: Newsweek, Bloomberg

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์