ส่งออกจีนล่าสุดเดือนส.ค. พลาดเป้าโตต่ำสุดในรอบ 6 เดือน

จีนเผยตัวเลขส่งออกเดือนส.ค. ขยายตัวต่ำสุดในรอบ 6 เดือน หลังการเร่งตุนสินค้าก่อนภาษีทรัมป์เริ่มหมดลงแล้ว แต่เน้นกระจายไป 'อาเซียน-อียู-แอฟริกา' แทนสหรัฐที่ติดลบเลขสองหลัก 5 เดือนติดต่อกัน คาดช่วยให้การค้าจีนปีนี้เกินดุลกว่า 1.2 ล้านล้านดอลลาร์
สำนักข่าวซีเอ็นบีซีและบลูมเบิร์กรายงานว่า "การส่งออก" ของจีนในเดือนส.ค. 2568 ขยายตัวต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้โดยเติบโต 4.4% เมื่อเทียบปีที่แล้ว มีมูลค่า 3.22 แสนล้านดอลลาร์ น้อยกว่าที่ผลสำรวจนักเศรษฐศาสตร์โดยรอยเตอร์สคาดการณ์ไว้ที่ 5% และยังถือเป็นการเติบโตที่ต่ำที่สุดในรอบ 6 เดือน นับตั้งแต่เดือนก.พ. ที่ผ่านมา
การส่งออกที่ขยายตัวต่ำคาดในครั้งนี้ เป็นผลมาจากการเร่งตุนสินค้าเพื่อหลีกเลี่ยงภาษีนำเข้าที่สูงขึ้นของสหรัฐก่อนหน้านี้เริ่มหมดลงแล้ว และตัวเลขที่ชะลอตัวลงจากช่วงสองเดือนก่อนหน้า ส่วนหนึ่งยังเป็นผลสะท้อนจากเรื่องฐานที่สูงมากในปีที่แล้ว ซึ่งในช่วงนั้นการส่งออกของจีนเติบโตเร็วที่สุดในรอบเกือบหนึ่งปีครึ่ง
อย่างไรก็ตาม "การส่งออกไปยังตลาดอื่นๆ ซึ่งเพิ่มขึ้นมากแทนที่สหรัฐ" คาดว่าจะทำให้ปักกิ่งยังคงเกินดุลการค้าสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่มากกว่า 1.2 ล้านล้านดอลลาร์ในปี 2568 นี้
จากข้อมูลของกรมศุลกากรจีนพบว่า การส่งออกไปยังสหรัฐร่วงลง 33% และยังเป็นการลดลงในเลขสองหลักเป็น "เดือนที่ห้า" ติดต่อกันแล้ว ในทางกลับกัน การส่งออกไปยังตลาด "อาเซียน" เพิ่มขึ้นเกือบ 23% ขณะที่การส่งออกไปยัง "สหภาพยุโรป" (อียู) เพิ่มขึ้น 10% และการส่งออกไปยัง "แอฟริกา" เพิ่มขึ้น 26%
ทั้งนี้จากข้อมูลย้อนหลังตลอดปี 2568 ที่ "กรุงเทพธุรกิจ" รวบรวมพบว่า ตัวเลขการส่งออกของจีนมายังอาเซียนขยายตัวต่อเนื่องตลอดช่วง 8 เดือนที่ผ่านมา โดยเริ่มขยายตัวเป็นเลขสองหลัก (เทียบปีต่อปี) ที่ 11.6% ในเดือนมี.ค. ก่อนจะเติบโตขึ้นถึง 20.8% ในเดือนเม.ย. ซึ่งเป็นเดือนที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ประกาศมาตรการภาษีตอบโต้กับทั่วโลก
"ประเด็นก็คือ ผลกระทบจากภาษีศุลกากรอาจถูกชดเชยด้วยตลาดที่หลากหลายขึ้น และความแข็งแกร่งของจีนในการผลิตสินค้าอุตสาหกรรม" มิเชลล์ แลม นักเศรษฐศาสตร์ประจำจีนแผ่นดินใหญ่จากธนาคารโซซิเอเต เจเนราล กล่าวและเสริมว่า ในไตรมาสต่อๆ ไป อาจเห็นการชะลอตัวลงอย่างค่อยเป็นค่อยไปมากขึ้น เนื่องจากความต้องการของสหรัฐชะลอตัวลง แต่ผลกระทบน่าจะน้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้ในตอนแรก
ตัวเลขล่าสุดในเดือนส.ค. ยิ่งตอกย้ำภาพการค้าโลกที่ผันผวน หลังจากประธานาธิบดีทรัมป์ ขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจีน 55% ส่งผลให้อุปสงค์โดยตรงจากสหรัฐลดลง
อย่างไรก็ตาม จีนยังคงเกินดุลการค้ามากกว่า 7.85 แสนล้านดอลลาร์ในช่วงแปดเดือนแรกของปีนี้ ซึ่งเพิ่มขึ้นเกือบ 1 ใน 3 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2567 จากการกระจายการส่งออกไปยังตลาดอื่นๆ นอกสหรัฐ และการนำเข้าในจีนที่ยังคงอ่อนแรง
ขณะที่ "การนำเข้า" ของจีนในเดือนส.ค. ก็เติบโตน้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้เช่นกันเนื่องจากอุปสงค์ภายในประเทศยังคงอ่อนแอ โดยเพิ่มขึ้นเพียง 1.3% ซึ่งต่ำกว่าที่รอยเตอร์สคาดการณ์ไว้ที่ 3%
อย่างไรก็ตาม การนำเข้าก็เพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่สามติดต่อกันหลังจากกลับมาเติบโตได้ในเดือนมิ.ย. แม้ว่าจะเป็นการเพิ่มขึ้นเล็กน้อยก็ตามและในภาพรวมยังคงซบเซาเนื่องจากภาวะตกต่ำอย่างต่อเนื่องของภาคอสังหาริมทรัพย์ ความไม่มั่นคงด้านการจ้างงานที่เพิ่มขึ้น และอื่นๆ
ทั้งนี้เมื่อวันที่ 11 สิงหาคม จีนและสหรัฐตกลงขยายเวลาการสงบศึกทางภาษีออกไปอีก 90 วัน โดยสหรัฐจะจัดเก็บภาษีนำเข้าจากจีนประมาณ 55% และจีนเก็บภาษีนำเข้าจากสหรัฐ 30%







