ทำงานรอวันเกษียณไม่ใช่คำตอบ GenZ ลงทุนเน้น ‘เงินปันผล’ ทางลัดสู่อิสรภาพ

ทำงานรอวันเกษียณไม่ใช่คำตอบ GenZ  ลงทุนเน้น ‘เงินปันผล’ ทางลัดสู่อิสรภาพ

ทำงานรอวันเกษียณไม่ใช่คำตอบ Gen Z ลงทุนเน้น ‘เงินปันผล’ ทั้งในหุ้นและ ETF ทางลัดสู่อิสรภาพทางการเงินและการใช้ชีวิต Dividends and Chill ปรัชญาการลงทุนที่ตอบโจทย์ชีวิตคนรุ่นใหม่

ในอดีต คนรุ่นก่อนถูกสอนให้ทำงานหนักและออมเงินเพื่อหวังว่าจะได้มีชีวิตสุขสบายหลังเกษียณ แต่สำหรับคนรุ่นใหม่แล้ว "ข้อตกลง" นี้กลับถูกมองว่าเป็นเรื่องหลอกลวง ตอนนี้คนรุ่นใหม่กำลังมองหาทางเลือกใหม่ เพื่อไม่ต้องทำงานแบบ 9 โมงเช้าถึง 5 โมงเย็นไปตลอดชีวิต และนี่คือจุดเริ่มต้นของแนวคิดที่ว่า "เงินปันผลคือทางลัดสู่อิสรภาพ"

Dividends and Chill แนวคิดการลงทุนคนรุ่นใหม่

สำหรับนักลงทุนรุ่นใหม่จำนวนไม่น้อย การทำงานหนักเพื่อรับเงินเดือนในแต่ละเดือนไม่ใช่คำตอบอีกต่อไป พวกเขาเลือกที่จะทุ่มเงินไปกับกลยุทธ์ที่เน้นการรับ "เงินปันผล"  เพื่อหลีกหนีจากชีวิตการทำงานประจำ สะท้อนถึงทัศนคติที่ต้องการ “อิสรภาพทางการเงิน” ในปัจจุบัน มากกว่าการรอคอยอนาคตที่ยังไม่แน่นอนหลังเกษียณ

อีไล บรีซ อดีตนักวิเคราะห์อสังหาริมทรัพย์วัย 26 ปี คือหนึ่งในตัวแทนของคนรุ่นใหม่ที่เลือกเดินบนเส้นทางนี้ เขาตัดสินใจนำเงินออมทั้งหมดมาสร้างพอร์ตการลงทุนหุ้นที่เน้น "ปันผล" โดยเฉพาะ และย้ำว่าเป้าหมายสูงสุดคือการได้มาซึ่ง "อิสรภาพทางการเงิน” 

ในยุคที่คนรุ่นใหม่อเมริกันต้องเจอกับปัญหารอบด้าน ไม่ว่าจะเป็น เงินเฟ้อ, ราคาบ้านที่สูงลิ่ว และความกังวลเรื่อง AI ที่จะมาแย่งงาน พวกเขาก็เริ่มมองหาทางออกทางเศรษฐกิจที่เปรียบเสมือน "ความเชื่อใหม่"  คือ  "Dividends and Chill"  ปรัชญาการลงทุนที่เน้นเงินปันผล  เหมือนการ "หยอดกระปุกไปเรื่อยๆ" เพื่อให้ได้ผลตอบแทนที่มั่นคงและเติบโตในระยะยาว 

พวกเขามองว่าตัวเองไม่เหมือนกลุ่ม YOLO  (You Only Live Once) ที่ชอบเสี่ยงแบบสุดโต่ง แต่มีแนวคิดที่ใกล้เคียงกับกลุ่ม FIRE (Financial Independence, Retire Early) ที่เน้นการสร้างอิสรภาพทางการเงิน 

ETF กระแสลงทุนของคนรุ่นใหม่

เป็นเรื่องน่าประหลาดใจที่การลงทุนใน “หุ้นปันผล” ที่เคยถูกมองว่าเชื่องช้า กลับกลายเป็นเทรนด์สุดฮิตในหมู่ Gen Z ที่ต้องการเกษียณก่อนกำหนด แต่กลยุทธ์ในยุคใหม่นี้ไม่ได้จำกัดแค่การซื้อหุ้นบริษัทที่คุ้นเคยอย่าง Coca-Cola หรือ Exxon Mobil อีกต่อไปแล้ว แต่ยังรวมถึงการลงทุนใน ETF กองทุนรวมดัชนีที่จ่ายเป็นเงินปันผลจำนวนมาก จากการใช้อนุพันธ์ซึ่งเป็นเครื่องมือการลงทุนที่ซับซ้อน

ทำงานรอวันเกษียณไม่ใช่คำตอบ GenZ  ลงทุนเน้น ‘เงินปันผล’ ทางลัดสู่อิสรภาพ

แม้กองทุน ETF  ที่จ่ายปันผลจะมีขนาดไม่ใหญ่เท่า ETF หุ้นทั่วไป แต่ก็กำลังเติบโตอย่างก้าวกระโดด โดยกระแสนี้ชัดเจนขึ้นเมื่อเรามองไปที่กลุ่ม ETF ที่ให้ผลตอบแทนสูงที่สุดมีขนาดใหญ่ขึ้น  มูลค่าเพิ่มขึ้นถึง 4 เท่า ในช่วงเวลาเพียง 3 ปี และพุ่งสูงถึง 160,000 ล้านดอลลาร์  

กระแสความนิยมนี้ยังทำให้เกิดชุมชนออนไลน์มากมายบน YouTube และ Reddit ที่มีสมาชิกถึง 780,000 คน ซึ่งเป็นเครื่องยืนยันว่าการสร้างกระแสเงินสดจาก ETF คือเส้นทางที่คนรุ่นใหม่ให้ความสนใจอย่างแท้จริง

เงินปันผลที่ได้มา คือเงินของเราเอง

แม้ว่ากระแสการลงทุนที่เน้นเงินปันผลจะได้รับความนิยมอย่างมากในหมู่คนรุ่นใหม่ แต่ก็มีจุดที่น่ากังวล โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องที่นักลงทุนมักมองข้ามความจริงที่ว่า กองทุนเหล่านี้ส่วนใหญ่มีอัตราผลตอบแทนระยะยาวที่ต่ำกว่าดัชนีหุ้นทั่วไป

ศาสตราจารย์ซามูเอล ฮาร์ทซ์มาร์ก ผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินจากวิทยาลัยบอสตัน ได้ชี้ให้เห็นว่านักลงทุนหลายคนมีความเข้าใจผิดว่า "เงินปันผลคือเงินฟรี" พวกเขาคิดว่าเงินปันผลและกำไรจากราคาหุ้นนั้นเป็นคนละส่วนกัน ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้ว การจ่ายเงินปันผลจะส่งผลให้ราคาหุ้นลดลง และไม่ได้ทำให้ความมั่งคั่งโดยรวมของนักลงทุนเพิ่มขึ้นแต่อย่างใด

ซื้อหุ้นเอง VS ซื้อกองทุนปันผล

ข้อมูลนี้เปรียบเทียบผลลัพธ์การลงทุนในหุ้นบริษัทเดียวกันด้วยเงินลงทุนเท่ากัน ที่ 100,000 ดอลลาร์ แต่ใช้คนละวิธี 

ทำงานรอวันเกษียณไม่ใช่คำตอบ GenZ  ลงทุนเน้น ‘เงินปันผล’ ทางลัดสู่อิสรภาพ

  • แบบที่ 1 ซื้อหุ้นบริษัทโดยตรง

หากคุณลงทุนในหุ้นของบริษัท Strategy โดยตรงด้วยเงิน 100,000 ดอลลาร์ การเติบโตของบริษัทจะทำให้เงินลงทุนของคุณพุ่งสูงขึ้นไปอยู่ที่ 463,000 ดอลลาร์

  • แบบที่ 2 ซื้อกองทุน ETF (MSTY) ที่เน้นปันผลของบริษัทนั้น

หากคุณลงทุนในกองทุน MSTY ซึ่งเป็นกองทุนที่ลงทุนในบริษัทเดียวกัน แต่เน้นจ่ายเงินปันผล เมื่อนำเงินปันผลที่ได้มาลงทุนซ้ำทั้งหมด เงินลงทุนของคุณจะเติบโตไปอยู่ที่ประมาณ 343,000 ดอลลาร์ ซึ่งน้อยกว่าการซื้อหุ้นโดยตรงถึง 120,000 ดอลลาร์

กองทุนนี้มีมูลค่าสูงถึง 5,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และมีนโยบายจ่ายเงินปันผลสูงถึง 90% ซึ่งดูน่าดึงดูดมาก แต่การจ่ายเงินมหาศาลนี้ไม่ได้มาจากกำไรปกติ แต่มาจากการใช้ "เทคนิคการลงทุนที่ซับซ้อน" ทำให้สามารถจ่ายเงินให้ผู้ลงทุนได้ทุกเดือน แต่ก็ส่งผลให้กองทุนมีผลงานแย่กว่าหุ้นอ้างอิงถึง 120% ตั้งแต่เริ่มตั้งกองทุน

ตั้งแต่ปี 2019 มีการเปลี่ยนแปลงกฎเกณฑ์ของ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ทำให้การตั้งกองทุนที่ใช้ตราสารอนุพันธ์ทำได้ง่ายขึ้น สิ่งนี้เปิดช่องให้บริษัทอย่าง YieldMax สร้างกองทุนใหม่ๆ ที่เสนอผลตอบแทนสูงลิ่วออกมามากมาย โดยมีเงินไหลเข้ากว่า 5 พันล้านดอลลาร์ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา

ผู้เชี่ยวชาญจากวอลล์สตรีทออกมาเตือนอย่างรุนแรงว่า การที่กองทุนจ่ายเงินปันผลสูงเป็นประจำ อาจทำให้นักลงทุนเข้าใจผิดว่านั่นคือความร่ำรวยในระยะยาว

เบนน์ ไอเฟิร์ต ผู้จัดการกองทุนเฮดจ์ฟันด์ กล่าวว่า “พวกเขาหลอกคนให้คิดว่าตัวเองมีรายได้...แต่จริงๆ แล้ว สิ่งที่ทำก็แค่คืนเงินต้นให้เราเท่านั้น ทำให้มูลค่ากองทุนลดลงทุกครั้งที่จ่ายเงิน”

ไมเคิล เวนูโต จาก YieldMax ยอมรับว่า กองทุนของพวกเขาไม่ได้ออกแบบมาเพื่อเอาชนะตลาด แต่เพื่อ "เปลี่ยนความผันผวนของหุ้นให้กลายเป็นรายได้" และเขายังเตือนอย่างชัดเจนว่า “คนที่แค่ต้องการทำกำไรจากราคาหุ้น ไม่ควรซื้อผลิตภัณฑ์ของ YieldMax” ซึ่งเป็นการตอกย้ำว่ากองทุนเหล่านี้เหมาะกับนักลงทุนที่ต้องการรายได้สม่ำเสมอเท่านั้น แต่ต้องยอมรับว่าเงินต้นอาจไม่เติบโตในระยะยาว

‘ความสุขในวันนี้’ สำคัญกว่าความมั่งคั่งในวันหน้า

ถึงแม้ผู้เชี่ยวชาญจะออกมาเตือนแล้ว แต่คนรุ่นใหม่ก็ยังคงหลงเสน่ห์กับรายได้ที่ได้มาอย่างสม่ำเสมอ เพราะคนเรามักพอใจกับสิ่งที่ได้เห็นได้จับต้องแล้วในวันนี้ ดีกว่าการไป "หวังน้ำบ่อหน้า" ที่ยังดูเลือนลางและไม่แน่นอนในอนาคต

ซีซาร์ อาร์ทีก้า วิศวกรวัย 27 ปี ที่ลงทุนใน ETF YieldMax หลายตัวด้วยความหวังว่าจะสร้างรายได้ถึง 9,000 ดอลลาร์ ต่อเดือน ถึงแม้จะมีความเสี่ยงสูงก็ตาม เขายอมรับว่ามัน "กลายเป็นสิ่งเสพติดไปแล้ว"

นักลงทุนอย่างอาร์ทีก้าและบรีซมองว่าเงินปันผลคือเครื่องมือการลงทุนที่ยั่งยืนและเป็นทางออกสำหรับอิสระภาพทางการเงินให้กับพวกเขา พวกเขาไม่ได้มองแค่เรื่องการเกษียณในอนาคต แต่ต้องการมีทางเลือกในการใช้ชีวิตในปัจจุบันมากขึ้น

“เป้าหมายคือการมีความสามารถในการเลือกงานได้ ผมต้องการความยืดหยุ่นแบบนั้นในอีก 10 หรือ 20 ปีข้างหน้า”

ปรัชญาการลงทุนที่เน้นการสร้างรายได้เพื่อเป็นอิสระจากงานประจำ สะท้อนให้เห็นว่าคนรุ่นใหม่ไม่ได้ต้องการแค่ความมั่งคั่ง แต่ต้องการความยืดหยุ่นในการใช้ชีวิต และเงินปันผลคือเครื่องมือที่ตอบโจทย์ความต้องการทางจิตวิทยาได้อย่างตรงจุด ไม่ว่ามันจะมาพร้อมกับความเสี่ยงที่แฝงอยู่ก็ตาม

อ้างอิง Bloomberg