ถึงยุค ‘มัทฉะ’ แพงดั่งทอง รายใหญ่อิโตเอ็นจ่อขึ้นราคา 50-100%

ถึงยุค ‘มัทฉะ’ แพงดั่งทอง  รายใหญ่อิโตเอ็นจ่อขึ้นราคา 50-100%

ญี่ปุ่นบริโภค “มัทฉะ” มาตั้งแต่ศตวรรษที่ 12 แต่ส่วนใหญ่ก็มักจะดื่มกันเฉพาะในพิธีชงชาแบบพิธีกรรม ซึ่งใช้ผงมัทฉะเพียงเล็กน้อย ก่อนที่กระแส “มัทฉะฟีเวอร์” จะกลายเป็นไวรัลในช่วงไม่กี่ปีมานี้ ทำให้สินค้าขาดตลาดและมีราคาแพงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

ความต้องการมัทฉะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เนื่องจากชื่อเสียงของมัทฉะในฐานะ “ซูเปอร์ฟู้ด” ที่อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ แพร่กระจายไปทั่ว TikTok ขณะที่การเติบโตทางเศรษฐกิจหลังการระบาดใหญ่ของโควิดก็ส่งผลให้ราคามัทฉะสูงขึ้นเช่นกัน

จิโตเสะ นากาโอะ เกษียณอายุหลังจากทำงานด้านโฆษณามาเกือบ 30 ปี เพื่อมาเริ่มต้นทำร้านมัทฉะคาเฟ่ เธอไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าจะมีคนต่อแถวยาวเหยียดหน้าร้านตั้งแต่ก่อนร้านจะเปิด และพอถึงช่วงบ่าย ผงมัทฉะกระป๋องบนชั้นวางก็ขายหมดเกลี้ยง ลูกค้าส่วนใหญ่ซึ่งมาจาก “ต่างประเทศ” ยังคงรอชิมชาสูตรใหม่ล่าสุดของเธอ

ร้าน “Atelier Matcha” ของนากาโอะเป็นหนึ่งในร้านที่โชคดี แม้ว่ามัทฉะในญี่ปุ่นจะขาดแคลนเนื่องจากกระแสความนิยมที่พุ่งสูงขึ้นทั่วโลก แต่ความร่วมมือที่นากาโอะได้ริเริ่มกับ “ยามามาสะ โคยามะเอ็น” (Yamamasa Koyamaen) ผู้ผลิตชารายใหญ่และเก่าแก่ในเกียวโต ทำให้ร้านยังมีซัพพลายอย่างต่อเนื่อง และกำลังขยายสาขาแห่งที่สี่

“ตอนที่ฉันได้ยินข่าวว่าชาของพวกเขาทั้งหมดในโกดังขายไม่ออกในช่วงโควิด ฉันก็เลยอยากจะทำอะไรสักอย่าง” นากาโอะกล่าว 4 ปีต่อมา เธอมีร้านสองร้านในญี่ปุ่น คือที่สาขากินซ่าและคามาคุระ อีกร้านหนึ่งอยู่ในโฮจิมินห์ซิตี้ ประเทศเวียดนาม และกำลังจะเปิดร้านใหม่ในเมืองเซบู ประเทศฟิลิปปินส์ เร็วๆ นี้

ความฟีเวอร์ของมัทฉะสะท้อนผ่านตัวเลขการส่งออกในปีที่แล้ว ซึ่งข้อมูลจากกระทรวงการคลังญี่ปุ่นระบุว่า ญี่ปุ่นส่งออกชาเขียวรวมทั้งหมดมูลค่า 3.64 หมื่นล้านเยน (ราว 8 พันล้านบาท) ในปี 2567 ซึ่งมากกว่าเมื่อสิบปีก่อนถึง “สี่เท่า” โดยในจำนวนนี้ 44% เป็นการส่งออกไปตลาดสหรัฐ ส่วนใหญ่เป็นรูปแบบชาผงเช่นเดียวกับมัทฉะ

เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกมัทฉะซึ่งล้วนสูงอายุ รัฐบาลญี่ปุ่นพิจารณาให้เงินอุดหนุนส่งเสริมให้พวกเขาทุ่มเทปลูกเท็นฉะหรือใบชาที่ใช้ทำมัทฉะให้มากขึ้น

 ผลผลิตเท็นฉะให้ผลตอบแทนสูงกว่าแต่ก็ต้องใช้แรงงานมากกว่าเช่นกัน เนื่องจากต้องบังช่อใบให้พ้นจากแสงแดดเพื่อดึงรสชาติเขียวชะอุ่มอันเป็นอัตลักษณ์ออกมา ผู้ผลิตระบุว่ามีแรงงานไม่เพียงพอในการเก็บเกี่ยว อบไอน้ำ และทำให้ใบชาแห้งก่อนบดเป็นผง

  •  ร้านค้าต้องปันส่วน

สมาคมชาญี่ปุ่นโลกเผยว่า ราคาเท็นฉะในการประมูลฤดูใบไม้ผลิที่เกียวโตปีนี้พุ่งขึ้น 170% จากราคาปีก่อน มาอยู่ที่กิโลกรัมละ 8,235 เยน ทุบสถิติกิโลกรัมละ 4,862 เมื่อปี 2016 ยับเยิน

ร้านค้าปลีกหลายรายบอกเช่นกันว่า ราคามัทฉะเพิ่มขึ้นสองเท่าในปีที่ผ่านมา การหาผงชาเพียงน้อยนิดยากเข้าไปทุกวันแม้แต่ในกรุงโตเกียว

ร้านค้าต่างๆ กำลังจำกัดจำนวนการซื้อเพื่อให้มีสินค้าขายได้นานขึ้นป้องกันการกักตุนและป้องกันตัวแทนจำหน่ายที่ไม่ได้รับอนุญาตมาซื้อไปขายต่อ อย่างไรก็ตาม มัทฉะยังคงเป็นของที่ระลึกยอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยวที่มาเยือนญี่ปุ่นมากเป็นประวัติการณ์

ร้านค้าออนไลน์ขายหมดเกลี้ยงไปตั้งแต่เมื่อหลายเดือนก่อนเมื่อลูกค้าสหรัฐเร่งตุนของก่อนภาษีมีผลบังคับใช้

คามินาริ อิสซะ ร้านค้าในย่านอาซากุซะกรุงโตเกียวที่ขายทุกอย่างตั้งแต่เบียร์มัทฉะไปจนถึงมัทฉะครีมพัฟฟ์ กล่าวว่า ได้รับอีเมลขอซื้อมัทฉะหนึ่งตันเป็นประจำ

“เราดีใจนะ แต่มันมากกว่าที่เรามีขายให้ได้” มิกุ ซูกะวาระ ผู้จัดการร้านสาขาหนึ่งกล่าวกับซีเอ็นบีซี

ร้านของเธอขายมัทชะที่บดตั้งแต่การเก็บเกี่ยวครั้งแรกของฤดูกาล ซึ่งเป็นเวลาที่ใบชานุ่มถือว่ามีคุณภาพสูงสุด

ซูกะวาระ กังวลเหมือนกับคนอื่นๆ ในแวดวงการค้าว่า คลื่นความร้อนสูงเป็นประวัติการณ์ในฤดูร้อนนี้อาจทำให้ปีหน้าเก็บเกี่ยวชาได้น้อย ดันให้ราคาสูงขึ้นไปอีก

  •  มัทฉะดังท่ามกลางคอขวด

การแข่งขันกันหาและผลิตมัทฉะให้เพียงพอที่ทวีความรุนแรงบีบให้อิโตเอ็น (Ito En) ผู้ค้าชาเขียวบรรจุขวดรายใหญ่สุดของโลกต้องตั้งแผนกใหม่ขึ้นมาเป็นการเฉพาะเมื่อเดือน พ.ค.

บริษัทคาดการณ์ยอดขายในต่างประเทศเพิ่มขึ้น 11% ในปีนี้ และกำลังขึ้นราคาสินค้าหลายชนิดตั้งแต่ 50% ถึง 100% ตั้งแต่เดือน ก.ย.เป็นต้นไปผลพวงราคาวัตถุดิบและต้นทุนแรงงานสูงขึ้น

อิโตเอ็นทำสัญญาจัดหาชาเขียว 7,000 ตันต่อปี แต่ได้เท็นฉะเพียงราว 600 ตันต่อปีเท่านั้น บริษัทระบุว่า การจูงใจให้เกษตรกรปลูกเท็นฉะมากขึ้นถือเป็นความท้าทาย หลายคนกังวลว่ากระแสความนิยมในปัจจุบันอาจเลือนหายไป

“มัทฉะได้รับความนิยมอย่างไม่น่าเชื่อ โรงงานของเราและคู่สัญญาทั้งหมดทำงานกันมือเป็นระวิง” ยาสุตากะ โยโคมิจิ ผู้จัดการแผนกมัทฉะที่เพิ่งตั้งขึ้นใหม่ของอิโตเอ็นกล่าว สิ่งหนึ่งที่เขาให้ความสำคัญสูงสุดคือมีโรงบดเพียงพอสำหรับบดใบเท็นฉะเป็นผงแล้วบรรจุหีบห่อ นั่นอาจต้องลงทุนขยายโรงงานรอบใหม่ การบดมัทฉะเพียง 40 กรัมอาจใช้เวลาถึงหนึ่งชั่วโมง เพราะถ้าเร็วกว่านี้จะเกิดความร้อนที่อาจทำให้คุณภาพของมัทฉะลดลงได้

นากาโอะ จากAtelier Matcha เสนอว่า การให้ความรู้ผู้บริโภคถึงเกรดต่างๆ ของมัทฉะอาจเป็นทางเลือกเดียวที่เป็นไปได้ ในฐานะสาวกซาโดะหรือ “วิถีแห่งชา” ไม่จำเป็นต้องใช้ผงชาเกรดพรีเมียมทำมัทฉะอาซาอิโบว์ลดีๆ สักถ้วย ในฐานะผู้ประกอบการเธอกำลังคิดถึงเทรนด์ชาที่จะได้รับความนิยมต่อไปเช่นกัน นั่นคือ

“โฮจิฉะ” ชาอีกชนิดที่มีรสชาติคล้ายถั่วและมีคาเฟอีนน้อยกว่า

“วันนี้ฉันเหลือแค่แก้วเดียวเอง” นากาโอะย้ำ บอกเป็นนัยถึงความนิยมของโฮจิฉะที่กำลังเพิ่มมากขึ้น

(ภาพจาก https://nutrizionistastudio.com)