EU ปรับ ‘กูเกิล’ 1 แสนล้านบาท ฐานผูกขาดโฆษณาดิจิทัล

EU ปรับ ‘กูเกิล’ 1 แสนล้านบาท ฐานผูกขาดโฆษณาดิจิทัล

สหภาพยุโรปสั่งปรับกูเกิล เป็นเงิน ‘1.1 แสนล้านบาท’ ฐานใช้อำนาจเหนือตลาดโฆษณาดิจิทัล ขณะที่ทรัมป์เดือด ชี้เป็นการเลือกปฏิบัติและขู่ตอบโต้ด้วยมาตรา 301 ด้านกูเกิลยันคำตัดสิน ‘ไม่ยุติธรรม’ พร้อมเดินหน้าอุทธรณ์

สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่า “อัลฟาเบท” (Alphabet) บริษัทแม่ของ กูเกิล (google) ถูก สหภาพยุโรป (EU) สั่งปรับเป็นเงิน 3,450 ล้านดอลลาร์ หรือ “ราว 1.1 แสนล้านบาท” เมื่อวันศุกร์ (5 ก.ย.) จากข้อหาปฏิบัติทางการค้าที่ไม่เป็นธรรมในธุรกิจโฆษณาดิจิทัล

ด้าน ประธานาธิบดีทรัมป์ โพสต์บน Truth Social ว่า การดำเนินการครั้งนี้เป็นเรื่อง “ไม่ยุติธรรม” และ “เลือกปฏิบัติ” พร้อมทั้งบอกกับผู้สื่อข่าวในเวลาต่อมาว่า เขาจะหยิบยกประเด็นนี้ไปหารือกับสหภาพยุโรปโดยตรง

ทรัมป์กล่าวว่า “เราไม่สามารถปล่อยให้สิ่งนี้เกิดขึ้นกับความคิดสร้างสรรค์อันยอดเยี่ยม และไม่เคยมีมาก่อนของอเมริกาได้ และหากเกิดขึ้นจริง ผมจะดำเนินการตามมาตรา 301 ของกฎหมายการค้าปี 1974 เพื่อเพิกถอนโทษปรับที่ไม่เป็นธรรม ซึ่งถูกเรียกเก็บกับบรรดาบริษัทอเมริกันที่จ่ายภาษีเหล่านี้”

ด้านกูเกิลเตรียมยื่นอุทธรณ์ ขณะที่คณะกรรมาธิการยุโรปเตือนว่า จะมีมาตรการที่เข้มงวดยิ่งขึ้น รวมถึงอาจถึงขั้น “บังคับให้ขายกิจการบางส่วนออก” หากบริษัทยังไม่แก้ปัญหาความขัดแย้งทางผลประโยชน์ 

ลี-แอนน์ มัลฮอลแลนด์ รองประธานและหัวหน้าฝ่ายกำกับดูแลระดับโลกของกูเกิล แถลงว่า “คำตัดสินของคณะกรรมาธิการยุโรปเกี่ยวกับบริการโฆษณาดิจิทัลของเรา เป็นเรื่องที่ผิดพลาด และเราจะอุทธรณ์ นี่เป็นการสั่งปรับที่ไม่สมเหตุสมผล และจะทำร้ายธุรกิจยุโรปนับพันราย เพราะทำให้พวกเขาสร้างรายได้ยากขึ้น”

เธอกล่าวต่อว่า “การให้บริการกับผู้ซื้อและผู้ขายโฆษณา ไม่ได้มีอะไรที่เป็นการผูกขาด และตอนนี้ยังมีทางเลือกอื่น ๆ นอกเหนือจากบริการของเรามากกว่าที่เคยมีเสียอีก”

ด้านสภาสำนักพิมพ์ยุโรป แสดงความผิดหวังที่ Google โดนเพียงโทษปรับ แต่ไม่มีคำสั่งให้แยกกิจการออกจากกัน โดยแองเจลา มิลส์ เวด ผู้อำนวยการบริหารของสภาสำนักพิมพ์ยุโรป กล่าวว่า

“การปรับเงินไม่สามารถแก้ไขการใช้อำนาจในทางมิชอบของกูเกิลในธุรกิจโฆษณาดิจิทัลได้”

เธอกล่าวต่อว่า “หากไม่มีการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวดและเด็ดขาด กูเกิลก็จะมองว่า ค่าปรับนี้เป็นเพียงต้นทุนการทำธุรกิจ และยังคงขยายความเป็นเจ้าตลาดในยุคปัญญาประดิษฐ์ต่อไป ทำให้การแข่งขันไม่เป็นธรรม และบั่นทอนบริษัทสื่อ และสำนักพิมพ์ที่ต้องพึ่งพารายได้จากโฆษณา”

 


อ้างอิง: reuters