'ปูติน' สวนกลับ 'กองทัพตะวันตก' ในยูเครน จะตกเป็นเป้าหมายโจมตีของรัสเซีย

ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูตินของรัสเซีย กล่าวในฟอรัมเศรษฐกิจในวลาดิวอสต็อกว่า กองทัพของชาติตะวันตกที่อยู่ในยูเครนจะตกเป็นเป้าหมายที่ชอบธรรมของมอสโกในการโจมตี ส่งสัญญาณเตือนไปยังพันธมิตรเคียฟที่หารือเรื่องมาตรการรับประกันความมั่นคงในอนาคตให้ยูเครน

ปูตินกล่าวหนึ่งวันหลังจากประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครงบอกว่า มี 26 ประเทศให้คำมั่นรับประกันความมั่นคงหลังสงครามให้ยูเครน ซึ่งรวมถึงการส่งกองกำลังนานาชาติทั้งกองทัพบก กองทัพอากาศ และกองทัพเรือเข้าไปในยูเครน

ที่ผ่านมา รัสเซียแย้งมาตลอดว่าหนึ่งในเหตุผลที่ทำสงครามในยูเครนคือ เพื่อป้องกันไม่ให้นาโตยอมรับเคียฟเป็นสมาชิก และวางกองกำลังในยูเครน

“ดังนั้น หากมีกองทัพใดปรากฏขึ้น โดยเฉพาะตอนนี้ในระหว่างที่มีปฏิบัติการทางทหาร เราจะยึดข้อเท็จจริงที่ว่ากองทัพเหล่านี้เป็นเป้าหมายอันชอบธรรมที่ทำลายได้” ปูตินกล่าว และเสริมว่า “และหากมีการตัดสินใจที่นำไปสู่สันติภาพ สันติภาพในระยะยาว ผมก็ไม่เห็นความสำคัญของการมีอยู่ของพวกเขาในดินแดนยูเครนเลย”

ความคิดเห็นของปูตินตอกย้ำให้เห็นถึงช่องว่างทางจุดยืนของมอสโก เคียฟและพันธมิตรตะวันตก ในเรื่องการรับประกันความมั่นคงให้ยูเครนในอนาคต ภายใต้ข้อตกลงเพื่อยุติสงครามที่ดำเนินมานาน 3 ปีครึ่ง

ด้านประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวว่า วอชิงตันจะไม่ส่งกองทัพไปรับประกันความมั่นคงให้ยูเครนในภาคพื้น แต่อาจสนับสนุนในด้านอื่นๆ เช่น การสนับสนุนทางอากาศ

อย่างไรก็ตาม ปูตินย้ำว่า การรับประกันความมั่นคงต้องกำหนดขึ้นโดยคำนึงถึงทั้งรัสเซียและยูเครน

“ผมขอย้ำอีกครั้ง รัสเซียจะดำเนินการตามข้อตกลงเหล่านี้ แต่ไม่มีใครหารือเรื่องนี้กับเราอย่างจริงจังเลย”

นอกจากนี้ ปูตินยังได้ย้ำข้อเสนอที่ให้ไว้เมื่อต้นสัปดาห์นี้ว่าจะเป็นเจ้าภาพจัดการเจรจาโดยให้เซเลนสกีเข้าร่วมที่มอสโก

"ผมบอกว่า ผมพร้อมแล้ว มาเถอะ เราจะจัดสถานที่หารืออย่างดีและมีความปลอดภัยแน่นอน รับประกัน 100% แต่ถ้าพวกเขาบอกเราว่า ‘เราอยากพบคุณ แต่คุณต้องไปที่อื่นเพื่อการประชุมนี้’ ผมคิดว่านี่เป็นคำขอที่มากเกินไปสำหรับเรา”

ขณะที่ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกีของยูเครนบอกว่า ตนพร้อมหารือ แต่ไม่รู้สึกว่าปูตินพร้อมจะยุติสงคราม

“เขาพูดได้ แต่นั่นมันแค่ลมปาก และไม่มีใครเชื่อคำพูดของเขาหรอก”