ส่อง ‘เขี้ยวเล็บพญามังกร’ ใน 'พาเหรดครบรอบ 80' มีอะไรบ้าง ?

จีเปิดตัวขีปนาวุธพิสัยไกลข้ามทวีป (ICBM) รุ่นใหม่ เช่น DF-61 และขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียง (Hypersonic) ที่สามารถหลบเลี่ยงระบบป้องกันได้ จัดแสดงเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) และยุทโธปกรณ์ไร้คนขับหลากหลายรูปแบบ เช่น เรือดำน้ำไร้คนขับขนาดใหญ่ (AJX-002) และโดรนโจมตีล่องหน (GJ-11)
KEY
POINTS
- เปิดตัวขีปนาวุธพิสัยไกลข้ามทวีป (ICBM) รุ่นใหม่ เช่น DF-61 และขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียง (Hypersonic) ที่สามารถหลบเลี่ยงระบบป้องกันได้
- จัดแสดงเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) และยุทโธปกรณ์ไร้คนขับหลากหลายรูปแบบ เช่น เรือดำน้ำไร้คนขับขนาดใหญ่ (AJX-002) และโดรนโจมตีล่องหน (GJ-11)
- เผยโฉมอาวุธพลังงานนำวิถี (Directed Energy Weapons) เช่น ระบบเลเซอร์ LY-1 ที่สามารถสร้างความเสียหายทางอิเล็กทรอนิกส์ต่ออุปกรณ์ของศัตรู
- โชว์เครื่องบินขับไล่ล่องหนยุคที่ 5 (5th Generation) ได้แก่ J-20 และ J-35 ซึ่งสะท้อนถึงความก้าวหน้าของกองทัพอากาศจีน
ถ้าพูดถึงการประชันพลังระหว่างมหาอำนาจ คงเลี่ยงไม่ได้ที่จะพูดถึง “อาวุธยุทโธปกรณ์” หรือความล้ำหน้าทางเทคโนโลยีของแสนยานุภาพทหาร ถ้าอ้างอิงตามการจัดอันดับของ Global Firepower สหรัฐอเมริกายังรั้งอันดับหนึ่งประเทศที่มีกำลังทางการทหารที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก แต่ในขณะเดียวกันนักวิชาการจำนวนหนึ่งก็มองว่า “จีน” เป็นประเทศที่มองข้ามไม่ได้
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ไมเคิล รัสคา จาก Nanyang Technology University of Singapore ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวบีบีซีว่า หากย้อนกลับไปดูเมื่อสิบปีก่อน จีนเป็นประเทศที่พัฒนาอาวุธมาจากการลอกเลียนอาวุธที่มีความซับซ้อนสูงของสหรัฐ แต่ถ้าดูจากงานเดินสวนสนามล่าสุดมันสะท้อนให้เห็นถึงความก้าวหน้าของอุตสาหกรรมป้องกันประเทศของจีนอย่างเห็นได้ชัด
สอดคล้องกับความคิดเห็นของ มัลคอลม์ เดวิส นักวิเคราะห์ด้านอาวุธยุทโธปกรณ์ อาวุโส จาก Australia Strategic Policy Institute ที่ให้สัมภาษณ์ว่า จีนมีจุดเด่นด้านความสามารถในการพัฒนาขีดความสามารถทางการทหารขั้นสูงด้วยตัวเอง นำไปใช้งานได้จริง และรวดเร็วกว่าในโลกตะวันตก รวมทั้งยังทำได้ในปริมาณมากกว่าด้วย
ข้อมูลจาก Center for Strategic and International Studies เน้นย้ำข้อเท็จจริงดังกล่าวว่า ในช่วง 30 ปีที่ผ่านมา รัฐบาลจีนเพิ่มงบประมาณกลาโหมสูงถึง 13 เท่าในช่วงที่ผ่านมา และคาดว่าจะมีเรือรบในกองทัพเรือมากกว่า 48% สหรัฐภายในปี 2030
คำถามคือ แล้วในงานสวนสนามของจีนที่ผ่านมา พญามังกรโชว์เทคโนโลยีใหม่ๆ อะไรออกมาให้ทั้งโลกเห็นบ้าง บทวิเคราะห์ “What new weapons on show at huge parade say about China’s military strength” ฉายภาพว่า มีทั้งหมด 4 หมวดหมู่ด้วยกัน
ขีปนาวุธพิสัยไกลข้ามทวีป
หมวดหมู่แรก คือ ขีปนาวุธพิสัยไกลข้ามทวีป หรือ Intercontinental ballistic missile (ICBM) โดยเทคโนโลยีล่าสุดที่จีนปล่อยออกมาคือ Dongfeng-61 หรือ DF-61 ซึ่งเป็นขีปนาวุธข้ามทวีปขนาดใหญ่ที่ถูกบรรทุกอยู่บนรถแปดเพลาและสามารถบรรทุกหัวรบได้จำนวนมาก โดย DF-61 ถือเป็นขีปนาวุธพิสัยไกลข้ามทวีปใหม่ตัวแรกของกองทัพจีน นับตั้งแต่ที่รัฐบาลเปิดตัว DF-41 ในปี 2019
มากไปกว่านั้น ยังมี Dongfeng-5C หรือ DF-5C ที่ว่ากันว่าเป็นขีปนาวุปข้ามทวีปที่สามารถยิงจากจีนตอนเหนือไปโจมตีสหรัฐอเมริกาได้ทันที มากไปกว่านั้น สิ่งที่บทวิเคราะห์ของบีบีซี ระบุว่าน่าจับตาเป็นพิเศษคือ Dongfeng-26D หรือ DF-26D ซึ่งเป็นขีปนาวุธพิสัยกลางที่ว่ากันว่าสามารถยิงจากจีนเพื่อโจมตีฐานทัพสหรัฐในกวมได้
อีกหนึ่งสิ่งที่จีนพยายามแสดงให้ทั้งโลกเห็นคือ ขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียง หรือ Missiles with Hypersonic glide vehicles (HGVs) ซึ่งสามารถบรรทุกหัวรบไปพร้อมกับการทำความเร็วมากกว่าความเร็วเสียงถึง 5 เท่า ด้วยวิถีบินที่ไม่แน่นอนจึงมีความสามารถหลบระบบป้องกันขีปนาวุธได้อย่างดี ยกตัวอย่างเช่น YJ-17 และ YJ-19
เอไอและโดรน
หมวดหมู่ที่สอง คือหมวดหมู่ที่แสดงให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ของประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ที่ต้องการให้โดรนและปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ) พัฒนาเข้าไปทำงานร่วมกัน ตัวอย่างที่โดดเด่นที่สุดในงานสวนสนามครั้งนี้คือ เรือดำน้ำไร้คนขับขนาดใหญ่พิเศษอย่าง AJX-002 ซึ่งมีความยาวมากถึง 20 เมตรและคาดว่าจะใช้ในภารกิจเฝ้าระวังและลาดตระเวนใต้ท้องทะเลลึก
นอกจากนี้ ยังมีโดรนโจมตีล่องหน หรือ GJ-11 ที่สามารถบินอยู่ข้างกับเครื่องบินขับไล่ที่มีคนขับอย่างแนบเนียนเพื่อช่วยในการโจมตี โดยชื่อเล่นของโดรนตัวนี้คือ Loyal Wingman หรือ เครื่องบินที่บินขนาบข้างผู้จงรักภักดี
รวมไปถึงโดรนภาคพื้นดินที่บางรุ่นติดปืนกล บางรุ่นเหมาะกับการเก็บกู้ทุ่นระเบิดหรือการขนส่ง และที่สำคัญคือ “โดรนหมาป่า” หรือ Robotic Wolves ที่บรรดาผู้เชี่ยวชาญมองว่า สามารถใช้ในภารกิจลาดตระเวนกวาดล้างทุ่นระเบิด หรือล่าทหารที่เป็นข้าศึกได้
สำหรับหมวดหมู่เอไอนี้ ผู้ช่วยศาสตราจารย์รัสคา ให้สัมภาษณ์กับบีบีซีว่า ในฝั่งของโลกตะวันตกหลายประเทศยังไม่กล้าที่จะนำเอไอเข้ามาใช้ แต่จีนมีความตั้งใจ ไว้ใจ และพร้อมที่จะนำเอไอมาบูรณาการกับการทำสงครามอย่างมาก
ส่วนแอนคิด แพนดา นักวิเคราะห์อาวุโสจาก Carnegie Endowment for International Peace อธิบายว่า สิ่งที่รัฐบาลจีนกำลังทำในปัจจุบันคือพัฒนาเทคโนโลยีทางการทหารไปสู่จุดที่เรียกว่า “สงครามอัจฉริยะ” หรือ Intelligence Warfare ซึ่งเป็นสงครามที่เต็มไปด้วยขีดความสามารถอัจฉริยะจากเอไอและระบบโครงข่ายอัจฉริยะเป็นต้น
เลเซอร์ และ เครื่องบินขับไล่
หมวดหมู่ที่สาม คืออาวุธแบบเลเซอร์และอาวุธแบบพลังงานนำวิถี หรือ Directed Energy Weapons ตัวอย่างหนึ่งขอกลุ่มนี้คือ LY-1 ซึ่งเป็นเลเซอร์ขนาดยักษ์ที่สามารถสร้างความเสียหายทางอิเล็กทรอนิกส์ต่ออุปกรณ์ของศัตรูหรือแม้กระทั่งทำให้นักบินฝ่ายตรงข้ามตาบอดได้
ส่วนหมวดสุดท้าย คือเครื่องบินขับไล่ล่องหน เจนเนอเรชั่น 5 ของจีน ยกตัวอย่างเช่นเครื่องบินรุ่น J-20 และ J-35
ท้ายที่สุด ถึงแม้รัฐบาลจีนจะแสดงแสนยานุภาพทางการทหารระดับสูงออกมาโชว์ทั้งโลกในช่วงหนึ่งถึงสองวันมานี้ แต่นักวิเคราะห์ส่วนหนึ่งก็ยังมองว่า จีนไม่ได้ทำสงครามหรืออยู่ในความขัดแย้งทางการทหารในระดับสูงมานานแล้ว นับตั้งแต่สงครามเกาหลีหรืออย่างน้อยก็สงครามจีน-เวียดนามในปี 1979 ดังนั้นการแสดงแสนยานุภาพครั้งนี้ของจีนก็อาจไม่ได้แสดงให้เห็นถึงความสามารถที่แท้จริงของอาวุธเหล่านี้ ว่าท้ายที่สุดแล้วจะมีแสนยานุภาพมากเท่าที่หลายคนคาดการณ์หรือไม่







