บริษัทเกาหลีใต้ทุ่มแจกเงินจูงใจพนักงานมีลูก แก้อัตราเกิดต่ำ

รัฐบาลเกาหลีใต้ไหวตัวเรื่องประชากรลดมานานแล้ว รัฐบาลมีนโยบายแก้ไขปัญหาด้านนี้มาหลายปี แต่ความสำเร็จยังไม่มากพอจึงถึงเวลาที่ภาคเอกชนต้องโดดมาร่วมวงด้วย
KEY
POINTS
- บริษัทเอกชนรายใหญ่ในเกาหลีใต้หลายแห่ง เช่น บูยองกรุ๊ป ประกาศมอบเงินสนับสนุนจำนวนมากแก่พนักงานที่มีบุตร เพื่อช่วยแก้ไขวิกฤติอัตราการเกิดต่ำของประเทศ
- นโยบายของบูยองกรุ๊ปที่มอบเงิน 100 ล้านวอน (ราว 2.34 ล้านบาท) ต่อบุตรหนึ่งคน สามารถกระตุ้นให้พนักงานมีลูกเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
- นอกจากการแก้ปัญหาประชากรแล้ว การให้เงินจูงใจยังเป็นกลยุทธ์ที่ช่วยให้บริษัทสามารถดึงดูด และรักษาพนักงานที่มีคุณภาพไว้ได้ในระยะยาว
รัฐบาลเกาหลีใต้ไหวตัวเรื่องประชากรลดมานานแล้ว รัฐบาลมีนโยบายแก้ไขปัญหาด้านนี้มาหลายปี แต่ความสำเร็จยังไม่มากพอจึงถึงเวลาที่ภาคเอกชนต้องโดดมาร่วมวงด้วย
เดือนก.พ.2024 พนักงานหลายร้อยคนของบูยองโค บริษัทก่อสร้างใหญ่สุดของเกาหลีใต้มารวมตัวกัน ณ ห้องประชุมสำนักงานใหญ่ เพื่อฟังคำอวยพรปีใหม่ตามปกติจากลี จุงคึน ผู้ก่อตั้ง แต่คราวนั้น อภิมหาเศรษฐีวัย 84 ปี กลับสร้างความตื่นตะลึงให้กับทุกคนด้วยการประกาศเสนอเงิน 100 ล้านวอน (2.34 ล้านบาท) ให้กับลูกทุกคนที่เกิดกับพนักงาน ข้อเสนอนี้มีผลย้อนหลังสามปี ทั้งห้องเงียบสนิทราวกับทุกคนเข้าใจอะไรผิดไป ก่อนที่เสียงปรบมือจะดังกึกก้อง
“ผมถึงกับพูดไม่ออก มันประหลาดซะจนผมนอนไม่หลับ สงสัยว่ามันจริงหรือเปล่า” ฮงคี ผู้จัดการฝ่ายสื่อสาร วัย 37 ปีกล่าวกับสำนักข่าวบลูมเบิร์ก หลังจากเขา และภรรยาซึ่งทำงานในบริษัทเดียวกันพิจารณาข้อเสนอแล้วก็ทำเช่นเดียวกับคนอื่นๆ นั่นคือ มีลูกอีกคน
ปัจจุบันอัตราการเจริญพันธุ์ของเกาหลีใต้ต่ำสุดในโลกที่ 0.75 ต่อผู้หญิงหนึ่งคน ถ้ายังเป็นไปแบบนี้ คาดว่าประชากรเกาหลีใต้จะลดลงเกือบหนึ่งในสามภายในปี 2072 ผลลัพธ์รุนแรงที่ตามมาคือ กำลังแรงงานลดฮวบ, รายได้จากภาษีลด, โรงเรียนไม่มีเด็กเรียน, ไม่มีคนดูแลคนแก่ในสังคมสูงวัย และกองทัพเกิดวิกฤติกำลังพล รัฐบาลจึงต้องทุ่มเทงบประมาณหลายแสนล้านดอลลาร์แก้ไขปัญหา ตั้งแต่ให้เงินแก่ทารกแรกเกิดไปจนถึงอุดหนุนที่อยู่อาศัย และให้เครดิตภาษี แต่ก็ประสบความสำเร็จเพียงน้อยนิด คราวนี้บริษัทเอกชนที่หวาดกลัวจะไม่มีกำลังแรงงานในอนาคต (และอยากได้คนเก่งในเวลาเดียวกัน) ถึงเวลาต้องมาร่วมด้วยช่วยกัน ทุ่มเทเงินเพื่อการนี้โดยเฉพาะ
บูยองเป็นบริษัทแรก และดำเนินการแข็งขันที่สุด ยืนยันว่าทำแล้วให้ผลจริง เงินที่ให้ไปราวสองเท่าของรายได้ต่อหัวต่อปีของเกาหลีใต้ กระตุ้นให้พนักงานบริษัท 28 คนมีลูกในปีที่ผ่านมา มากกว่าปกติราว 5 เท่า ซึ่งบริษัทเชื่อว่าเป็นผลจากการเปลี่ยนแปลงนโยบาย
เงินที่ให้ยังช่วยพัฒนาวัฒนธรรมองค์กร ในเกาหลีใต้ชั่วโมงการทำงานอันยาวนาน ประกอบกับวัฒนธรรมองค์กรที่แข่งขันกันสูง และเข้มงวดทำให้คนไม่อยากมีลูก แต่ตอนนี้ฮง กล่าวว่า พนักงานกลับได้รับการส่งเสริมให้ “แต่งงาน ได้เงิน แล้วซื้อบ้าน”
อีกหนึ่งธุรกิจใหญ่ที่เดินตามรอยบูยองคือ คราฟตันอิงค์ บริษัทพัฒนาวิดีโอเกม ที่เริ่มแจกเงินสดแรกคลอด 43,000 ดอลลาร์ และจ่ายเป็นงวดอีก 29,000 ดอลลาร์จนกว่าจะอายุ 8 ขวบ บริษัทผลิตเครื่องบิน "โคเรียแอโรสเปซอินดัสตรี” เสนอเงินสำหรับลูกคนแรกและคนที่ 2 คนละประมาณ 7,000 ดอลลาร์ คนที่ 3 ได้ 22,000 ดอลลาร์
ฮันวา กรุ๊ป บริษัทยักษ์ใหญ่ทำกิจการตั้งแต่อากาศยานไปจนถึงการเงิน จ่ายเงินตั้งแต่ 7,200 ดอลลาร์ - 820,000 ดอลลาร์ ต่อเด็กหนึ่งคนของบริษัทในเครือ 14 แห่ง ในเดือนก.ค. บริษัทสำรวจความคิดเห็นพนักงานผู้ได้รับเงิน 86% บอกว่านโยบายนี้กระตุ้นให้พวกเขาคิดมีลูกเพิ่ม 96% กล่าวว่า นโยบายช่วยสร้างสมดุลชีวิต และงาน
บริษัทอื่นๆ เช่น ดูซาน อีเนอร์บิลิตี, ปอสโก, เอสบีดับเบิลยู และ คัมโฮ ปิโตรเคมิคัล ต่างร่วมวงแจกเงิน
จำนวนอาจแตกต่างแต่ด้วยเหตุผลเดียวกัน “จ่ายเงินให้พนักงานมีลูก ในระยะยาวแล้วถูกกว่าบริหารธุรกิจในประเทศที่ไม่มีเด็กเกิดใหม่”
เกาหลีใต้ไม่ใช่ประเทศเดียวที่มีปัญหาประชากร อัตราการเกิดในเพื่อนบ้านเอเชียหลายประเทศลดลงเช่นกัน เช่นเดียวกับเขตเศรษฐกิจก้าวหน้าในยุโรปและสหรัฐ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐก็เคยพูดว่า โบนัสเด็กแรกเกิด 5,000 ดอลลาร์จะเป็น “แนวคิดที่ดี” แม้แต่จีนที่มีประชากร 1,400 ล้านคนประกาศเมื่อปลายเดือนก.ค.ว่า จะเริ่มให้เงินสดปีละ 3,600 หยวน (16,488 บาท) แก่เด็กอายุต่ำกว่าสามขวบ
การจ่ายเงินของบริษัทเอกชนเกิดขึ้นหลังจากรัฐบาลพยายามมาหลายสิบปี ไม่ว่าจะเป็นขยายการดูแลบุตร ให้ลาคลอด และลาเลี้ยงลูกได้นานขึ้น ให้สินเชื่อที่อยู่อาศัยถูกลง แม้กระทั่งให้เงินอุดหนุนสำหรับคนที่ต้องการแก้หมัน
ที่อินชอนทางตะวันตกของกรุงโซล ครอบครัวที่มีลูกเพิ่งคลอดสามารถย้ายเข้าไปอยู่อพาร์ตเมนต์ของรัฐได้ในราคาเดือนละ 22 ดอลลาร์ (715 บาท) ในเมืองหลวงพ่อแม่ที่ไม่มีบ้านเป็นของตนเองได้เงินช่วยเหลือเดือนละกว่า 5,000 ดอลลาร์ (162,500 บาท) ต่อลูกหนึ่งคนเป็นเวลาสองปี โดยรัฐบาลตั้งเป้าเพิ่มอัตราการเจริญพันธ์ุเป็น 1 ให้ได้ภายในปี 2030 (อัตราการเจริญพันธุ์ที่ 2.1 ถือว่าเป็นอัตราทดแทนในการรักษาจำนวนประชากรไว้ได้เท่าเดิม)
เมื่อบริษัทเอกชน และรัฐบาลต่างแก้ปัญหา ก็เริ่มมีสัญญาณความสำเร็จให้เห็น ปีก่อนอัตราการเกิดแท้จริงขยับขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบเกือบสิบปี และตั้งแต่เดือนม.ค.- พ.ค.ปีนี้ เพิ่มขึ้นเกือบ 7% จากช่วงเดียวกันของปี 2024 การแต่งงานก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน
“เราเห็นการฟื้นตัวเชิงโครงสร้าง ไม่ใช่แค่ชั่วคราว” จู ฮยุงฮวอน ประธานคณะกรรมาธิการนโยบายประชากรและสังคมสูงวัยของประธานาธิบดีให้ความเห็น คณะกรรมการร่วมภาครัฐ-เอกชนชุดนี้ก่อตั้งขึ้นเมื่อราว 20 ปีก่อน เพื่อดูแล และประสานนโยบายประชากรโดยเฉพาะ
กระนั้น หลายคนยังมีข้อสงสัย นักวิจารณ์กล่าวว่า การแต่งงานที่เพิ่มขึ้นอาจเลื่อนมาจากช่วงโควิด-19 ระบาด และการแจกเงินไม่ใช่ทางออกยั่งยืนเท่าการเปลี่ยนแปลงโครงสร้าง
“แม้การแจกเงินเป็นตัวช่วยสำคัญ แต่การทำงานที่ยืดหยุ่นน่าจะสำคัญกว่าในภาพใหญ่” โค วูริม อาจารย์ด้านนโยบายประชากร มหาวิทยาลัยแห่งชาติโซล กล่าว
ขณะที่จูเสนอว่า ในระยะยาว เกาหลีใต้จำเป็นต้องดึงดูดแรงงานหนุ่มสาวให้ย้ายออกจากเขตมหานครโซล ที่ค่าใช้จ่ายในการแต่งงาน และเลี้ยงดูบุตรสูงกว่า มาอยู่ที่พื้นที่หนาแน่นน้อยที่เลี้ยงลูกได้ง่ายกว่า
“ไม่ใช่แค่รัฐบาลแต่ทั้งประเทศต้องเอาจริงเอาจัง” เพื่อย้ายประชาชนออกจากเมืองแล้วกระตุ้นให้พวกเขามีลูกมากขึ้น
- ช่วยสรรหา-รักษาคนเก่ง
เพื่อสนับสนุนแรงงานมีลูกที่เพิ่มจำนวนขึ้น คราฟตันเพิ่มเงินช่วยเหลือ เช่น บริการดูแลลูกด่วน, จ้างพนักงานชั่วคราวมาแทนในช่วงลาคลอด และเลี้ยงดูบุตร คุ้มครองอาชีพไม่ให้ถูกลงโทษหากลางาน
ปัจจุบันศูนย์รับเลี้ยงเด็กของบริษัทในกรุงโซลมีเด็กๆ 24 คน เล่นบล็อก ลูกบอล หรือขี่รถเล่น โดยมีครู 15 คนคอยดูแลเป็นกะไปจนถึง 21.30 น. กรณีที่พ่อแม่ต้องทำงานจนดึก ตอนนี้จำนวนพ่อที่มาส่งลูก ณ ศูนย์รับเลี้ยงเด็กสูงกว่าจำนวนแม่แล้ว คิม ฮโย-จิน คุณแม่ผู้ทำงานในคราฟตัน กล่าวว่า สำหรับประเทศที่ผู้ชายไม่ค่อยมีบทบาทในการเลี้ยงดูลูก นี่ถือเป็นชัยชนะ
ไม่เพียงเท่านั้นนโยบายส่งเสริมการมีบุตรยังช่วยให้บริษัทสรรหา และรักษาคนเก่งได้ด้วย ตั้งแต่คราฟตันเริ่มนโยบายในปีนี้ มีพนักงานรับเงินช่วยเหลือรวม 58 คน ทั้งหมดยังอยู่กับบริษัท
“เรซูเมของคนที่มาสมัครงานก็มีคุณภาพมากขึ้นด้วย คนจากบริษัทคู่แข่งก็มาสมัครกัน” ชเว แจ-คึน ผู้จัดการฝ่ายปฏิบัติการทั่วไปของคราฟตันให้ข้อมูล
ที่บูยอง พนักงานราว 100 คน ผู้ได้โบนัสมีลูก ไม่มีใครลาออกเลยรวมทั้งฮง พนักงานผู้ขยายครอบครัวได้เพราะเงินช่วยเหลือ ความภักดีต่อองค์กรมีแต่จะเพิ่มขึ้นเพราะเงินก้อนนี้
“คุณอยากทำงานหนักและทำให้บริษัทประสบความสำเร็จ เพื่อทุกคนจะได้สำเริงสำราญกับผลประโยชน์นี้ต่อไป” ฮง กล่าว







