จีนเบรกความร้อนแรง ‘ตลาดหุ้นจีน’ หวั่นซ้ำรอยฟองสบู่ปี 2015

ตลาดหุ้นจีนที่พุ่งแรงกว่า 20% ตั้งแต่เดือนเมษายน กำลังเผชิญแรงกดดันจากหน่วยงานกำกับดูแล หลังมีสัญญาณความร้อนแรงเกินจริงคล้ายปี 2015 ทางการเร่งพิจารณามาตรการสกัดเก็งกำไร ตั้งแต่การเข้มงวดมาร์จินเทรดดิ้ง และตรวจสอบการใช้เงินกู้ผิดวัตถุประสงค์
สำนักข่าวบลูมเบิร์ก รายงานว่า หน่วยงานกำกับดูแลด้านการเงินของจีนกำลังพิจารณามาตรการหลายประการเพื่อ “ชะลอความร้อนแรงของตลาดหุ้น” หลังจากมีความกังวลต่อความเร็วของการพุ่งขึ้นมูลค่า 1.2 ล้านล้านดอลลาร์ หรือราว 38 ล้านล้านบาทของตลาดหุ้นจีน ตั้งแต่ต้นเดือนสิงหาคม ที่ผ่านมา ตามข้อมูลจากบุคคลใกล้ชิดเรื่องนี้
แหล่งข่าวระบุว่า สำหรับมาตรการที่จะใช้ หน่วยงานกำกับดูแลกำลังพิจารณาทางเลือกที่จะควบคุมการซื้อขายเชิงเก็งกำไร เนื่องจากกังวลว่า การกลับตัวลงอย่างรุนแรงของราคาหุ้น อาจสร้างความเสียหายอย่างหนักให้กับนักลงทุนรายย่อย
ด้วยบทเรียนจากวิกฤติฟองสบู่แตก และการล่มสลายในปี 2015 ที่ยังไม่เลือนหาย เจ้าหน้าที่จีนจึงมุ่งสร้างเสถียรภาพให้มั่นคงยิ่งขึ้น เพื่อช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจ และความเชื่อมั่นของผู้บริโภค
อู๋ ชิง ประธานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์ของจีน แสดงสัญญาณถึงความมุ่งมั่นที่จะสร้างเสถียรภาพให้กับตลาดหุ้นระหว่างการประชุมสัมมนาที่เขาจัดขึ้นในกรุงปักกิ่งเมื่อช่วงปลายเดือนที่ผ่านมา โดยเขาให้คำมั่นว่าจะ “ตอกย้ำโมเมนตัมเชิงบวก” ของตลาด พร้อมทั้งส่งเสริมการลงทุนแบบ “ระยะยาว การลงทุนเน้นคุณค่า และการลงทุนอย่างมีเหตุผล”
ที่ผ่านมา ตลาดหุ้นจีนกลับมาฟื้นตัวตั้งแต่เดือนเมษายน โดยดัชนีสำคัญพุ่งขึ้นมากกว่า 20% ดัชนี Shanghai Composite แตะระดับสูงสุดในรอบทศวรรษ ขณะที่ดัชนี CSI 300 ก็พุ่งขึ้นกว่า 20% จากจุดต่ำสุดของปีนี้
อย่างไรก็ตาม ทั้งสองดัชนีร่วงลงราว 2% ในช่วงพักกลางวัน วันพฤหัสบดี ซึ่งถือเป็นการปรับตัวลงมากที่สุดนับตั้งแต่ต้นเดือนเมษายน
แม้ดัชนีในตลาดหุ้นจีนแผ่นดินใหญ่ จะยังตามหลังเกณฑ์มาตรฐานของตลาดโลกอื่นๆ ในปีนี้ แต่ก็มี “สัญญาณความร้อนแรงเกินจริง” ในตลาดมูลค่า 12.5 ล้านล้านดอลลาร์ของจีน ซึ่งมีบางส่วนที่คล้ายกับภาวะฟองสบู่ในปี 2015 ความทรงจำอันเจ็บปวดครั้งนั้น เมื่อรวมกับปัญหาเศรษฐกิจในประเทศ และภัยคุกคามจากภาษีของสหรัฐ ก็ยิ่งทำให้ทางการจีนมีเหตุผลที่จะดำเนินนโยบายด้วยความระมัดระวัง เพื่อสร้างเส้นทางการเติบโตอย่างยั่งยืน โดยไม่ทำให้นักลงทุนตื่นตระหนก
รายงานล่าสุดระบุว่า “ขณะนี้มีความกังวลเพิ่มมากขึ้นต่อการพุ่งขึ้นอย่างรุนแรงของกิจกรรมการลงทุนจากรายย่อย ทั้งในแง่การทำมาร์จินเทรดดิ้งและการเปิดบัญชีใหม่” โฮมิน ลี นักกลยุทธ์มหภาคอาวุโสจาก Lombard Odier กล่าว “จึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจ หากทางการจะเข้ามาแทรกแซงด้วยการอนุญาตให้นักลงทุนสถาบันกลับมาทำชอร์ตบางส่วนในตลาดภายในประเทศ และออกมาตรการกวาดล้างแพลตฟอร์มออนไลน์ที่เอื้อให้เกิดการซื้อขายของนักลงทุนรายย่อย” ลี กล่าว
ทั้งนี้ หน่วยงานกำกับดูแลได้ดึงสถาบันการเงินของประเทศเข้ามามีส่วนร่วม เพื่อเป้าหมายดังกล่าวแล้ว โดยธนาคารได้รับการร้องขอให้ตรวจสอบการใช้เงินกู้เพื่อการลงทุนที่ผิดวัตถุประสงค์ หลังจากหน่วยงานกำกับพบว่า นักลงทุนบางรายนำเงินที่กู้จากแพลตฟอร์มเครดิตออนไลน์เข้ามาเก็งกำไรในตลาดหุ้น ตามข้อมูลจากบุคคลใกล้ชิดเรื่องนี้
ในขณะนี้ สถาบันการเงินบางแห่งเริ่มปรับลดระดับเลเวอเรจสำหรับนักลงทุนที่ทำมาร์จินเทรดดิ้ง ซึ่งเคยเป็นปัจจัยหนุนให้หุ้นพุ่งแรงในปี 2015 โดยหลักทรัพย์ Sinolink Securities ซึ่งตั้งอยู่ที่เซี่ยงไฮ้ ได้ปรับเพิ่มอัตราหลักประกัน สำหรับสัญญาการให้สินเชื่อมาร์จินของลูกค้าใหม่ในหลักทรัพย์บางประเภท จาก 80% เป็น 100% มีผลตั้งแต่วันที่ 27 สิงหาคม 2568 เพื่อควบคุมความร้อนแรงของตลาดหุ้น
อ้างอิง: bloomberg
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์







