ยอดส่งฝ้ายสหรัฐไปจีน ‘ดิ่ง 90%’ สวนทางเวียดนาม พุ่งขึ้น 3 เท่า ภาษีทรัมป์เปลี่ยนภาพตลาด

การส่งออกฝ้ายสหรัฐไปจีน ‘ดิ่งลงเกือบ 90%’ ในครึ่งปีแรก สวนทางยอดขายที่พุ่งแรงในเวียดนาม ปากีสถาน และตุรกี สะท้อนการย้ายฐานผลิตเสื้อผ้าออกจากจีนท่ามกลางความตึงเครียดทางการค้าและภาษีทรัมป์ ขณะที่จีนเร่งหันนำเข้าฝ้ายจากบราซิลแทนสหรัฐ
เว็บไซต์นิกเกอิ เอเชียรายงานว่า การส่งออก "ฝ้าย" ของสหรัฐไปยังจีน “ร่วงลงอย่างหนัก” ในช่วงครึ่งปีแรก ขณะที่การส่งออกไปยังตลาดเอเชียอื่น ๆ กลับเพิ่มขึ้น สะท้อนถึงฐานการผลิตเสื้อผ้าที่เปลี่ยนไป ซึ่งน่าจะถูกเร่งให้เร็วขึ้นจากมาตรการภาษีทรัมป์
ข้อมูลจาก LSEG ระบุว่า ปริมาณการขนส่งฝ้ายไปยังจีน “ดิ่งลงราว 90%” เมื่อเทียบกับปีก่อน ในช่วง 6 เดือนจนถึงเดือนมิถุนายน ขณะที่การส่งออกฝ้ายของสหรัฐไปยังประเทศอื่น ๆ อย่าง “ปากีสถาน” และ “ตุรกี” เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะการส่งออกไป “เวียดนาม” ที่เกือบจะเพิ่มขึ้นถึงสามเท่า
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา “อุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่ม” ได้ย้ายฐานการผลิตออกจากจีน โดยหันไปพึ่งพาประเทศในเอเชียใต้และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่มีต้นทุนแรงงานต่ำกว่า แนวโน้มนี้ดูเหมือนจะทวีความรุนแรงมากขึ้นในช่วงครึ่งแรกของปี 2025 ท่ามกลางความตึงเครียดสหรัฐ–จีนที่เพิ่มขึ้น
ขณะเดียวกัน ทางการสหรัฐก็กำลังจับตาอย่างใกล้ชิดต่อการ “ส่งต่อสินค้า” ผ่านประเทศที่สาม เพื่อเลี่ยงการถูกเก็บภาษีในอัตราที่สูง โดยเฉพาะกรณีที่เกี่ยวกับสินค้าจีน
ทั้งนี้ บริษัทจีนที่มีโรงงานตัดเย็บในเวียดนาม มักนำเข้าเส้นด้ายและผ้าจากจีนเข้าไปใช้ หากโรงงานเหล่านี้พึ่งพาวัตถุดิบจากจีนมากเกินไป ก็อาจถูกมองว่าเป็นการ “ส่งต่อสินค้า” ได้
ขณะเดียวกัน จีนเองก็พยายามลดการพึ่งพาสหรัฐในสินค้าเกษตร โดยฝ้ายก็เป็นหนึ่งในนั้น ร่วมกับถั่วเหลืองและข้าวโพด รายงานจากศูนย์การค้าโลก ระบุว่า “บราซิล” เป็นผู้ส่งออกฝ้ายรายใหญ่ที่สุดไปยังจีนในปี 2024 และแนวโน้มดังกล่าวน่าจะดำเนินต่อไปในปีนี้
กระทรวงเกษตรสหรัฐรายงานว่า ในปีสิ้นสุดเดือนกรกฎาคม สหรัฐส่งออกฝ้ายได้ 11.9 ล้านก้อน ซึ่งเพิ่มขึ้น 1% โดยการส่งออกที่ลดลงไปยังจีนถูกชดเชยด้วยการเพิ่มขึ้นในตลาดอื่น ๆ และคาดว่าปีงบประมาณนี้จะส่งออกได้ราว 12 ล้านก้อน
“ยังมีความไม่แน่นอนมากเกี่ยวกับภาษีตอบโต้ และยากที่จะคาดเดาว่า ความต้องการสินค้าเครื่องนุ่งห่มจะฟื้นเมื่อใด” โนบูโอะ โอชิโม แห่งสมาคมการค้าฝ้ายญี่ปุ่นกล่าว
“ทางภาคใต้ของสหรัฐ” ซึ่งเป็นแหล่งปลูกฝ้ายหลัก ถือเป็นฐานเสียงสำคัญของพรรครีพับลิกัน หากภาษีทำให้เกษตรกรฝ้ายเสียหายจากการส่งออกที่ลดลงหรือราคาตกต่ำ ก็อาจสร้างแรงกดดันต่อทรัมป์ ก่อนการเลือกตั้งกลางเทอมสหรัฐในเดือนพฤศจิกายน 2026 ได้
อ้างอิง: nikkei







