นักวิเคราะห์ชี้ พิธีสวนสนามจีน 'ท้าทายระเบียบโลก' ด้วยอาวุธล้ำสมัยกว่าที่เคย

นักวิเคราะห์ชี้ พิธีสวนสนามจีน 'ท้าทายระเบียบโลก' ด้วยอาวุธล้ำสมัยกว่าที่เคย และแสดงให้เห็นว่าจีนต้องการเสริมสร้างอำนาจทางทะเล
ตั้งแต่ขีปนาวุธติดตั้งหัวรบนิวเคลียร์ที่อัปเกรดระยะโจมตีได้เกือบทั่วโลก ไปจนถึง เลเซอร์ป้องกันภัยทางอากาศ , อาวุธความเร็วเหนือเสียง และ โดรนโจมตีทางทะเล ที่อาจเข้าล้อมทะเลใกล้เคียง แสดงให้เห็น จีนกำลังส่งสัญญาณป้องปรามไปยังต่างประเทศด้วยการจัดสวนสนามครั้งใหญ่สุดเท่าที่เคยมีมา
นักวิเคราะห์การทหารและนักการทูตกล่าวว่า ในขณะที่ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ตรวจแถวสวนสนาม เขากำลังส่งสารไปยังกลุ่มเป้าหมายหลายกลุ่มพร้อมๆ กัน ทั้งสหรัฐพันธมิตร, ประเทศเพื่อนบ้าน, ชาติมหาอำนาจในภูมิภาคอย่างอินเดียและรัสเซีย รวมถึงประเทศที่อาจสนใจซื้อเทคโนโลยีจีน
อเล็กซานเดอร์ เนอิล นักวิเคราะห์ความมั่นคงในสิงคโปร์ กล่าวว่า “แม้จะมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการปฏิบัติการมากมายของอาวุธใหม่เหล่านี้ แต่จีนก็กำลังส่งสัญญาณถึงความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและความแข็งแกร่งทางทหารในทุกแนวรบ ซึ่งจริงๆ แล้วยังมีอีกหลายสิ่งที่นักวางแผนด้านการป้องกันประเทศของคู่แข่งต้องทำความเข้าใจ”
เจมส์ ชาร์ นักวิชาการด้านกลาโหมจากวิทยาลัยนานาชาติ เอส. ราชารัตนัม ในสิงคโปร์บอกว่า ความครอบคลุมของอาวุธในพิธีสวนสนามตอกย้ำให้เห็นว่า กองทัพจีนนั้นมีความมุ่งมั่นที่จะควบคุมทะเลใกล้เคียงในกรณีที่เกิดความขัดแย้งใดๆ กับสหรัฐ
"การรวมกันของโดรน (ทางทะเล) ที่พวกเขามีและขีปนาวุธ จะสร้างโอกาสไม่ให้กองทัพเรือต่างชาติเข้าถึงเพื่อแทรกแซงได้แม้แต่กรณีฉุกเฉิน"
โดรนรุ่นใหม่ที่มีรูปร่างคล้ายตอร์ปิโด และอาวุธความเร็วเหนือเสียงที่สามารถยิงได้จากทั้งบนบก ทางทะเล และอากาศเป็นภัยคุกคามอย่างยิ่งสำหรับสหรัฐและพันธมิตร โดยเพราะเมื่อรวมกับขีปนาวุธพิสัยกลาง DF-26 ที่สามารถโจมตีเรือและฐานทัพต่างๆ ได้ เช่น ฐานทัพกวม
อย่างไรก็ตาม ชาร์กล่าวว่านอกเหนือจากการแสดงแสนยานุภาพด้านความแม่นยำและการเดินสวนสนามที่มีระเบียบสวยงามแล้วอาวุธเหล่านั้นยังคงมีข้อกังขาเกี่ยวกับขีดความสามารถชาร์กล่าว
ทั้งนี้ นักวิเคราะห์ตั้งข้อสังเกตมานานแล้วว่า จีนต้องการควบคุมทะเลจีนใต้และทะเลจีนตะวันออกอย่างมีประสิทธิภาพในกรณีที่เกิดความขัดแย้งใดๆ เกี่ยวกับไต้หวัน เพื่อให้มั่นใจว่าจะได้รับชัยชนะซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายเมื่อพิจารณาจากอิทธิพลทางทะเลของสหรัฐในเอเชียตะวันออก
ด้านสำนักข่าวซีเอ็นเอ็นรายงานว่า พิธีสวนสนามทางทหารครั้งใหญ่ที่เคลื่อนผ่านใจกลางกรุงปักกิ่งเป็นการจงใจสร้างความหวาดกลัวด้วยการแสดงอาวุธที่ออกแบบมาเพื่อส่งสารว่า “วิสัยทัศน์ของสีจิ้นผิง” เกี่ยวกับระเบียบโลกใหม่ที่มีจีนเป็นแกนนำนั้น จะได้รับการสนับสนุนด้วยอาวุธไฮเทค ซึ่งในหลายรายการดูเหมือนจะก้าวหน้ากว่าคู่แข่ง
หากอาวุธเหล่านั้นนำไปประจำการจำนวนมากในกองทัพปลดปล่อยประชาชนจีน (PLA) อาวุธเหล่านั้นอาจสร้างปัญหาที่แท้จริงให้กับความขีดสามารถของศัตรูในการทำลายการเคลื่อนไหวทางทหารของจีนในภูมิภาคนี้
ไฮไลท์อาวุธน่าจับตา
ซีเอ็นระบุว่า อาวุธที่โดดเด่นในขบวนสวนสนาม มีทั้งDF-16ขีปนาวุธข้ามทวีปขนาดใหญ่ซึ่งถือเป็น ICBM รุ่นใหม่รุ่นแรกของกองทัพจรวด PLA นับตั้งแต่มีการเปิดตัว DF-41ในปี 2019
อาวุธโดรนก็น่าประทับไม่แพ้กัน ตั้งแต่โดรนใต้น้ำขนาดใหญ่พิเศษไปจนถึงเครื่องบินที่สามารถบินได้เหมือน “คู่หูผู้ซื่อสัตย์” ของเครื่องบินรบสเตลท์ล้ำสมัยของ PLA นอกจากนี้ยังมีโดรนภาคพื้น ที่บางชนิดสามารถติดตั้งปืนกลได้ และชนิดอื่นๆ ก็เหมาะสำหรับทำลายทุ่นระเบิดหรือเส้นทางโลจิสติกส์
เลเซอร์ป้องกันภัยทางอากาศมีจริงตามข่าวลือ
ในพิธีสวนสนามกองทัพจีนเผยให้เห็นเลเซอร์สองรุ่น รุ่นหนึ่งมีขนาดใหญ่ออกแบบมาเพื่อการป้องกันทางอากาศของกองทัพเรือ อีกรุ่นมีขนาดเล็กกว่าและมีไว้เพื่อปกป้องกองทัพภาคพื้น
เลเซอร์ จัดเป็นอาวุธพลังงานกำกับทิศทางซึ่งอาจรวมถึงระบบคลื่นไมโครเวฟกำลังสูง โดยอาวุธเหล่านี้จะพึ่งพลังงานแม่เหล็กไฟฟ้าเพื่อทำลายเป้าหมายด้วยความร้อน การหยุดชะงักของระบบไฟฟ้าภายใน หรือการทำให้เซ็นเซอร์ เช่น อุปกรณ์มองเห็นและเรดาร์พร่ามัว
มัลคอล์ม เดวิส นักวิเคราะห์อาวุโสด้านกลยุทธ์กลาโหมสถาบันนโยบายเชิงกลยุทธ์ออสเตรเลีย (ASPI) กล่าวว่า สิ่งที่จีนแสดงให้เห็นคือความสามารถในการพัฒนาขีดความสามารถทางทหารขั้นสูงด้วยตนเองนำไปปรับใช้ในเชิงปฏิบัติการและดำเนินการให้เร็วกว่าในตะวันตก และทำปริมาณที่มากกว่า”
งบฯ กลาโหมมากสร้างกองทัพมาก
ตามรายงานของศูนย์การศึกษาด้านยุทธศาสตร์และระหว่างประเทศ (CSIS) โครงการอำนาจจีน ซึ่งเขียนโดยนักวิชาการแมทธิว ฟูนาโอเล และ ไบรอัน ฮาร์ต ระบุว่า จีนใช้จ่ายกลาโหมเพิ่มขึ้น 13 เท่าจาก 30 ปีก่อน ส่วนการใช้จ่ายกลาโหมของจีนมีมูลค่าเพียง 1 ใน 3 ของการใช้จ่ายกลาโหมสหรัฐ และจีนกำลังไล่ตามทันในเรื่องนี้ แต่การใช้จ่ายกลาโหมในระดับภูมิภาคนั้นไม่ได้ใกล้เคียงกันเลย
รายงานของ CSIS ระบุว่า จีนใช้จ่ายกลาโกมสูงกว่าญี่ปุ่น 5 เท่า และสูงกว่าเกาหลีใต้เกือบ 7 เท่า ซึ่งสองประเทศนี้เป็นพันธมิตรของสหรัฐ
และสิ่งที่ต่างกันกว่านั้นก็คือการใช้จ่ายกลาโหมทางทะเลของจีนและสหรัฐ
รายงานดังกล่าวระบุว่า จีนอาจมีกองเรือรบมากกว่าสหรัฐ 48% ภายในปี 2030 และรายงานปี 2023 ของUS Naval War College อิงประวัติศาสตร์ ระบุว่า กองเรือที่ใหญ่กว่ามักจะชนะเสมอ
บางคนบอกว่าสหรัฐสามารถคงความล้ำหน้าได้ด้วยเทคโนโลยีอย่างโดรนขับเคลื่อนด้วยเอไอ แต่พิธีสวนสนามจีนครั้งนี้แสดงให้เห็นว่า นั่นอาจเป็นความหวังล้มๆ แล้งๆ
อย่างไรก็ตาม พล.ต. มิก ไรอัน อดีตทหารออสเตรเลีย มองว่าแม้พิธีสวนสนามสร้างความประทับใจแต่ขบวนพาเหรดดังกล่าวไม่ใช่ตัวบ่งชี้ที่ดีถึงประสิทธิภาพทางทหาร







