ผู้นำจีน รัสเซีย เกาหลีเหนือ รวมพลังที่ปักกิ่งเมินทรัมป์

ผู้นำจีน รัสเซีย เกาหลีเหนือ รวมพลังที่ปักกิ่งเมินทรัมป์

พิธีสวนสนาม ณ กรุงปักกิ่งวันนี้เป็นการรวมตัวกันครั้งแรกระหว่างประธานาธิบดีสี จิิ้นผิง ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน และคิม จองอึน แต่นอนว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์และผู้นำโลกตะวันต้องไม่คลาดสายตา

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงาน นักวิเคราะห์ด้านภูมิรัฐศาสตร์กล่าวว่าการที่ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูตินของรัสเซียและคิม จองอึนของเกาหลีเหนือมารวมตัวกันในกรุงปักกิ่งถือบทพิสูจน์อิทธิพลของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ที่มีต่อรัฐบาลอำนาจนิยมด้วยเจตนารมณ์กำหนดระเบียบโลกที่มีตะวันตกเป็นผู้นำเสียใหม่ ท่ามกลางการข่มขู่ คว่ำบาตร และการทูตภาษีของทรัมป์

นอกจากนี้ยังเป็นไปได้ว่าจะเกิดการสร้างพันธมิตรไตรภาคีใหม่ขึ้นมาบนข้อตกลงความร่วมมือทางทหารที่รัสเซียกับเกาหลีเหนือลงนามกันในเดือน มิ.ย.2024 และที่จีนเคยลงนามร่วมกับเกาหลีเหนือ หากเกิดขึ้นจริงจะเป็นการเปลี่ยนแปลงสมการทหารในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก

“เราต้องเดินหน้าต่อต้านลัทธิครองความเป็นเจ้าและการเมืองใช้อำนาจ มุ่งมั่นปฏิบัติตามพหุภาคีนิยมอย่างแท้จริง” สีกล่าวเมื่อวันจันทร์ (1 ก.ย.) แอบเหน็บสหรัฐคู่แข่งทางภูมิรัฐศาสตร์ไปในที

เมื่อวันจันทร์จีนเพิ่งเป็นเจ้าภาพการประชุมผู้นำองค์การความร่วมมือเซี่ยงไฮ้ (เอสซีโอ) ที่นครเทียนจิน ซึ่งสีและปูตินได้แสดงวิสัยทัศน์จัดระเบียบโลกใหม่ทั้งด้านเศรษฐกิจและความมั่นคงต่อผู้นำประเทศนอกโลกตะวันตกกว่า 20 คน ซึ่งได้คิมมาสมทบด้วยอีกคนก่อนพิธีสวนสนามวันที่ 3 ก.ย.

ไม่เพียงเท่านั้นสียังได้หารือกับนายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดีของอินเดีย ในการมาเยือนจีนครั้งแรกในรอบเจ็ดปี ปรับสัมพันธ์ตึงเครียดขณะที่ภาษีทรัมป์เล่นงานสินค้าอินเดียอย่างหนัก

แม้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐ จะคุยโวว่าเรื่องการสร้างสันติภาพ ถึงขนาดหมายตารางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ โดยอ้างว่าจะยุติสงครามด้วยการจัดประชุมสันติภาพกับปูตินที่อะแลสกา หลังจากนี้จะหารือกับคิมด้วย แต่การรวมตัวกันของมหาอำนาจทางทหารในโลกตะวันออกที่มีผู้รุกรานอย่างรัสเซียเข้าร่วมด้วยย่อมเป็นเสียงเตือนต่อโลกตะวันตก

“การซ้อมรบไตรภาคีระหว่างรัสเซีย จีน และเกาหลีเหนือแทบจะหลีกเลี่ยงไม่ได้” ยองจุน คิม นักวิเคราะห์จากสำนักวิจัยเอเชียแห่งชาติในสหรัฐ เคยกล่าวไว้ในเดือน มี.ค. อ้างถึงความขัดแย้งในยูเครนผลักให้รัฐบาลมอสโกกับเปียงยางใกล้ชิดกันมากยิ่งขึ้น

“เมื่อสองสามปีก่อน จีนและรัสเซียเป็นพันธมิตรสำคัญในการกำหนดมาตรการคว่ำบาตรของนานาชาติต่อเกาหลีเหนือ โทษฐานทดสอบนิวเคลียร์และขีปนาวุธ ตอนนี้พวกเขากำลังจะเป็นพันธมิตรทางทหารกับสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลีในช่วงวิกฤติบนคาบสมุทรเกาหลี” นักวิเคราะห์รายนี้กล่าวโดยเรียกชื่อทางการของเกาหลีเหนือ 

คิมเป็นผู้มีส่วนได้ส่วนเสียสำคัญของความขัดแย้งในยูเครน ผู้นำเกาหลีเหนือส่งทหารกว่า 15,000 นายไปสนับสนุนปูตินถึงประตูบ้านยุโรป ขณะที่จีนและอินเดียยังซื้อน้ำมันรัสเซียอย่างต่อเนื่อง

ในปี 2024 คิมยังต้อนรับผู้นำรัสเซียในกรุงเปียงยาง เป็นการประชุมผู้นำสองประเทศครั้งแรกในรอบ 24 ปี

ความเคลื่อนไหวนี้ถูกตีความอย่างกว้างขวางว่า เป็นการดูหมิ่นสีและเป็นความพยายามลดการพึ่งพาจีนของเกาหลีเหนือ

ตามข้อมูลของหน่วยข่าวกรองเกาหลีใต้ ทหารเกาหลีเหนือที่ช่วยรบให้รัสเซีย

เสียชีวิตราว 600 นายในภูมิภาคเคิร์สก เกาหลีใต้เชื่อว่ารัฐบาลเปียงยางกำลังวางแผนส่งทหารไปเพิ่มอีก

ในเวทีเอสซีโอปูตินแถลงด้วยว่า “จำเป็นต้องฟื้นฟูบรรยากาศความมั่นคงที่สมดุลให้กลับคืนมา” กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือข้อเรียกร้องของรัสเซียที่ต้องการให้นาโตและระบบความมั่นคงของยุโรปเปลี่ยนแปลงให้สมดุลมากขึ้น

การเยือนกรุงปักกิ่งของปูตินแล้วได้พบกับสีและคิมอาจเผยให้เห็นเบาะแสเจตนารมณ์ของเขา ยิ่งได้ประธานาธิบดีอิหร่านมาร่วมพิธีสวนสนามด้วย ยิ่งแสดงถึงความท้าทายอย่างที่นักวิเคราะห์ชาวตะวันตกเรียกว่า “อักษะแห่งความปั่นป่วน”