โมดีกระชับความสัมพันธ์กับจีนและรัสเซีย ท้าทายทรัมป์

นายกรัฐมนตรีโมดี ใช้การเดินทางเยือนจีนครั้งแรกในรอบ 7 ปี เพื่อฟื้นฟูความสัมพันธ์ และพยายามกระชับความสัมพันธ์กับรัสเซีย ขณะที่ประธานาธิบดีทรัมป์ กดดันนิวเดลี
บลูมเบิร์ก รายงานวันนี้ (1 ก.ย. 68) ว่านายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดี ใช้การเดินทางเยือนจีนครั้งแรกในรอบ 7 ปี เพื่อฟื้นฟูความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้านผู้ทรงอิทธิพลของอินเดีย ขณะเดียวกันก็พยายามกระชับความสัมพันธ์กับรัสเซีย ขณะที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กำลังเพิ่มความตึงเครียดกับนิวเดลี
โมดีได้พบกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน ที่เมืองเทียนจิน เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ในการประชุมสุดยอดด้านความมั่นคงและเศรษฐกิจระดับภูมิภาค โดยทั้งสองฝ่ายให้คำมั่นสัญญาว่าจะเป็นพันธมิตร ไม่ใช่คู่แข่งขันกัน ทั้งสองฝ่ายได้หารือเกี่ยวกับปัญหาชายแดน การกลับมาเปิดเที่ยวบินตรง และการเพิ่มการค้าขาย ตามรายงานอย่างเป็นทางการจากทั้งสองฝ่าย
ในวันจันทร์นี้ โมดีจะพบกับประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ในการประชุมสุดยอดที่เทียนจิน ขณะที่ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศกำลังถูกตรวจสอบ
ทรัมป์ได้วิพากษ์วิจารณ์อย่างเปิดเผยเกี่ยวกับการซื้อน้ำมันจากรัสเซีย โดยกล่าวหาว่านิวเดลีให้ทุนสนับสนุนสงครามของปูตินในยูเครน สัปดาห์ที่แล้ว รัฐบาลทรัมป์ได้กำหนดอัตราภาษีนำเข้าสินค้าอินเดีย 50% ที่ส่งมาขายยังสหรัฐอเมริกา เพื่อลงโทษอินเดียในการซื้อพลังงานดังกล่าว ผลของกำแพงภาษีทำให้อินเดียเป็นประเทศที่ถูกสหรัฐเก็บภาษีในอัตราภาษีสูงที่สุดในเอเชีย
อานิล ตรีกูนายัต อดีตเอกอัครราชทูตอินเดียประจำจอร์แดน ลิเบีย และมอลตา กล่าวว่า การกระทำของทรัมป์แสดงให้เห็นว่านิวเดลีไม่สามารถพึ่งพาความสัมพันธ์กับสหรัฐฯ ได้
“สิ่งสำคัญสำหรับประเทศอย่างอินเดียคือการแสวงหาเส้นทางและพันธมิตรของตนเอง” ตรีกูนายัตกล่าวกับสื่อไทมส์นาวเมื่อวันอาทิตย์
โมดีได้พูดคุยกับประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกีของยูเครน ก่อนการเดินทางเยือนจีน โดยย้ำถึงข้อเรียกร้องสันติภาพ เซเลนสกีกล่าวว่าอินเดียพร้อมที่จะ “ส่งสัญญาณที่เหมาะสมไปยังรัสเซียและผู้นำประเทศอื่นๆ” ระหว่างการพบปะของโมดีที่เทียนจิน ครั้งสุดท้ายที่โมดีได้พูดคุยกับปูตินคือหลังจากการประชุมสุดยอดผู้นำรัสเซียกับทรัมป์ที่อะแลสกาเพื่อแสวงหาข้อตกลงสันติภาพ คาดว่าปูตินจะเดินทางเยือนอินเดียในปลายปีนี้
ผู้ช่วยของทรัมป์อย่างปีเตอร์ นาวาร์โร กล่าวว่าอินเดียกำลังแสวงหาผลกำไรจากสงคราม โดยซื้อน้ำมันจากรัสเซียในราคาลดเป็นพิเศษ กลั่นน้ำมันแล้วขายให้กับผู้ซื้อในยุโรปและที่อื่นๆ เจ้าหน้าที่ระดับสูงของโมดีได้ปกป้องความสัมพันธ์อันยาวนานระหว่างอินเดียกับรัสเซีย และโต้แย้งว่าสหรัฐฯ เคยสนับสนุนการซื้อน้ำมันเพื่อรักษาเสถียรภาพตลาดโลก
นาวาร์โรย้ำคำวิพากษ์วิจารณ์ของเขาในวันอาทิตย์ โดยกล่าวในการให้สัมภาษณ์กับฟ็อกซ์นิวส์ว่า อินเดียไม่ได้ซื้อน้ำมันจากรัสเซียมากนักก่อนที่รัสเซียจะโจมตียูเครนอย่างเต็มรูปแบบ แต่ตอนนี้อินเดียกำลังเติมเชื้อเพลิงให้กับ “เครื่องจักรสงครามของรัสเซีย” เขากล่าวเสริมว่า “อินเดียก็เป็นเพียงศูนย์การฟอกเงินน้ำมันสำหรับเครมลิน”
นาวาร์โรกล่าวว่า “โมดีเป็นผู้นำทิ่ยิ่งใหญ่ ผมไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงได้คบหากับปูตินและสีจิ้นผิง ในเมื่อเขาเป็นประเทศประชาธิปไตยที่ใหญ่ที่สุดในโลก”
สงครามการค้าระหว่างทรัมป์กับจีนและอินเดียได้เร่งความพยายามของทั้งสองประเทศในการสร้างความสัมพันธ์ขึ้นใหม่ หลังจากที่พวกเขาได้เริ่มดำเนินการในปีที่แล้วเพื่อผ่อนคลายความตึงเครียดตามแนวชายแดนที่ไม่มีหลักเขตแดนยาว 3,488 กิโลเมตร (2,167 ไมล์)
สี จิ้นผิงอ้าแขนรับโมดี
“สถานการณ์ระหว่างประเทศนั้นทั้งผันผวนและวุ่นวาย” สีกล่าวในการพบปะกับโมดี เป็นเรื่องถูกต้องที่จีนและอินเดีย “จะเป็นเพื่อนที่ดี มีความสัมพันธ์ฉันมิตรไมตรี เป็นหุ้นส่วนที่ส่งเสริมความสำเร็จของกันและกัน และให้มังกรและช้างเผือกร่ายรำไปด้วยกัน” เขากล่าว
โมดีกำลังพยายามเสริมสร้างเศรษฐกิจของอินเดียท่ามกลางมาตรการภาษีของทรัมป์ โดยการลดภาษีเพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายภายในประเทศ ควบคู่ไปกับการแสวงหาตลาดใหม่สำหรับสินค้าของอินเดีย สหรัฐอเมริกาเป็นตลาดส่งออกที่ใหญ่ที่สุดของอินเดีย และนักเศรษฐศาสตร์อย่าง Citigroup Inc ประเมินว่าภาษีดังกล่าวจะลดอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจต่อปีลงมากถึง 0.8 % จากกระดับอัตราขยายตัวของจีดีพีในภาวะปกติ
ก่อนการเดินทางเยือนจีน โมดีได้เดินทางเยือนญี่ปุ่นเป็นเวลาสองวัน โดยได้รับคำมั่นสัญญาการลงทุนมูลค่าสูงสุด 10 ล้านล้านเยน (6.8 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ) จากนายกรัฐมนตรีชิเงรุ อิชิบะของญี่ปุ่น การลงทุนนี้เป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงความมั่นคงทางเศรษฐกิจที่ครอบคลุมยิ่งขึ้น ซึ่งครอบคลุมความร่วมมือด้านเซมิคอนดักเตอร์ แร่หายากและปัญญาประดิษฐ์ ทั้งสองฝ่ายยังได้เปิดตัวโครงการใหม่เพื่อสนับสนุนธุรกิจสตาร์ทอัพ ตลอดจนเป็นพันธมิตรด้านพลังงานสะอาดและอวกาศอีกด้วย







