ถอดรหัส ‘สี จิ้นผิง’ เชิญ 'คิม-ปูติน' ร่วมพิธีสวนสนาม เปิดไพ่การทูตเหนือทรัมป์?

บีบีซีถถอดรหัส "สี จิ้นผิง" เชิญ "คิม จองอึน" และ "ปูติน" เข้าร่วมพิธีสวนสนาม 3 ก.ย. ชวนขบคิด จีนกำลังถือไพ่การทูตเหนือทรัมป์หรือไม่ และจีนจะมีบทบาทสำคัญในการแก้ไขปัญหาภูมิรัฐศาสตร์โลกได้มากเพียงใด
การที่คิม จองอึน ผู้นำเกาหลีเหนือจะเข้าร่วมพิธีสวนสนามในใจกลางกรุงปักกิ่ง เคียงข้างประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูตินของรัสเซีย และประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีน ถือเป็นโอกาสดีที่จะได้ภาพอันน่าประทับใจ และภาพนั้นก็จะถือเป็นชัยชนะทางการทูตครั้งสำคัญของสีด้วยเช่นกัน
บีบีซีวิเคราะห์ว่า ผู้นำจีนพยายามอย่างหนักเพื่อรักษาอำนาจของปักกิ่งบนเวทีระหว่างประเทศ ไม่ใช้แค่ในฐานะเศรษฐกิจขนาดใหญ่อันดับที่ 2 ของโลก แต่รวมถึงในฐานะผู้ทรงอิทธิพลทางการทูตด้วย
ในขณะที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐยังไม่สามารถทำให้รัสเซียและยูเครนบรรลุข้อตกลงหยุดยิงเพื่อยุติสงครามได้ แต่สีได้เตรียมพร้อมต้อนรับเขามาเยือนปักกิ่งแล้ว ส่วนการประกาศเข้าร่วมพิธีสวนสนามในจีนของคิมที่สร้างความเซอร์ไพรส์ ก็ถือเป็นเรื่องสำคัญไม่แพ้กัน
ทรัมป์กล่าวเมื่อสัปดาห์ก่อนในระหว่างพบปะกับประธานาธิบดีอี แจ-มยองของเกาหลีใต้ว่า เขาต้องการพบคิม จองอึนอีกครั้ง
การพบกันทางการทูตครั้งสุดท้ายระหว่างทรัมป์และคิมนั้นไม่มีอะไรคืบหน้า แม้การประชุมสุดยอดร่วมกันถึงสองครั้งเป็นที่น่าจับตาจากทั่วโลก และตอนนี้ทรัมป์ก็เผยว่าเขาอยากพยายามอีกครั้ง
ขณะที่ผู้นำจีนส่งสัญญาณว่า “เขาอาจถือไพ่ภูมิรัฐศาสตร์” ในเกมนี้ และด้วยอิทธิพลของเขา (แม้มีจำกัด) ต่อคิมและปูติน อาจพิสูจน์ให้เห็นได้ว่าเขามีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการเจรจาหรือทำข้อตกลงใดๆ เช่นกัน
ทั้งนี้ พิธีสวนสนามของกองทัพจีนในวันที่ 3 ก.ย. จะเป็นการแสดงแสนยานุภาพทางทหารของจีน เพื่อรำลึกครบรอบ 80 ปี นับตั้งแต่ญี่ปุ่นยอมแพ้ในสงครามโลกครั้งที่สอง ซึ่งถือเป็นการสิ้นสุดการยึดครองพื้นบางส่วนในจีน
แต่ตอนนี้สีได้เปลี่ยนฉากทัศน์ดังกล่าวให้เป็นอะไรมากกว่านั้น และช่วงเวลานี้ก็ถือเป็นสิ่งสำคัญ
ทำเนียบขาวเผยว่าประธานาธิบดีทรัมป์อาจเข้าร่วมการประชุมระดับภูมิภาคในช่วงสิ้นเดือน ต.ค. และเปิดใจที่จะพบกับสี
ถ้าพูดถึงเรื่องการเจรจาหารือระหว่างผู้นำจีนและสหรัฐ เรียกได้ว่า มีมากมายก่ายกอง ตั้งแต่ดีลภาษีที่รอมาเนิ่นนาน และการขายติ๊กต๊อกให้สหรัฐ ไปจนถึงความสามารถของปักกิ่งในการโน้มน้าวให้ปูตินตกลงหยุดยิงในยูเครนหรือทำมากกว่านั้น
ฉะนั้นการได้พบทั้งคิมและปูติน อาจทำให้ผู้นำจีนสามารถนั่งกับทรัมป์ได้โดยไม่ต้องรู้สึกเหมือนถูกทิ้งไว้ข้างหลัง และด้วยความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับทั้งสองผู้นำ สีอาจมีข้อมูลที่ผู้นำสหรัฐไม่มี
สำหรับสายตาโลกตะวันตก รัสเซียและเกาหลีเหนือเป็นพวกนอกคอก และคิมถูกมองว่าเป็นศัตรูมานานกว่าปูตินมากเพราะโครงการอาวุธของเขา และการสนับสนุนการรุกรานของมอสโกในยูเครนก็ยิ่งทำให้เขาถูกประณามแล้วประณามอีก
ดังนั้น การได้รับเชิญไปปักกิ่งก็ถือเป็นก้าวสำคัญสำหรับคิม ซึ่งครั้งสุดท้ายที่ผู้นำเกาหลีเหนือเข้าร่วมพิธีสวนสนามในจีนคือปี 1959
ในปี 2019 สีและคิมมีโมเมนต์ร่วมงานสาธารณะบางเล็กน้อย โดยได้พบกันในงานครบรอบ 70 ปี ความสัมพันธ์จีน-เกาหลีเหนือ และปักกิ่งก็เป็นเมืองแรกที่คิม จองอึนไปเยือนในปี 2018 ก่อนร่วมงานประชุมสุดยอดกับประธานาธิบดีทรัมป์ เพื่อยับยั้งโครงการนิวเคลียร์ของเปียงยาง
เมื่อเร็วๆ นี้ ดูเหมือนว่า สี จิ้นผิง จะคอยอยู่ข้างสนามในขณะที่พันธมิตรมอสโก-เปียงยางกำลังแข็งแกร่งขึ้น ซึ่งปักกิ่งอาจเลือกเองว่าไม่ต้องการมีส่วนร่วม
จีนพยายามวางตัวเป็นกลางเรื่องสงครามยูเครนต่อสาธารณะมาโดยตลอด พร้อมเรียกร้องให้มีการแก้ไขปัญหาอย่างสันติ แต่สหรัฐและพันธมิตรได้กล่าวหาว่าปักกิ่งสนับสนุนความพยายามของมอสโกด้วยการจัดหาอุปกรณ์ต่างๆ ให้รัสเซียสามารถใช้ในความพยายามทำสงคราม
นักวิเคราะห์บางคนสงสัยว่า ความสัมพันธ์ของจีนกับเกาหลีเหนือลดลงหรือไม่ในขณะที่คิมใกล้ชิดกับปูตินมากขึ้น แต่การเยือนปักกิ่งของคิมในสัปดาห์นั้นบ่งบอกแล้วว่าไม่ใช่แบบนั้น
ความสัมพันธ์นี้ไม่ใช่เรื่องที่ผู้นำเกาหลีเหนือจะยอมแพ้ง่ายๆ เศรษฐกิจของประเทศยังต้องพึ่งพาจีนอย่างหนัก ซึ่งต้องนำเข้าอาหารจากจีนเกือบ 90% และการได้ไปอยู่บนเวทีนั้น ไม่ใช่แค่อยู่กับปูตินและสีเท่านั้น แต่หมายถึงการอยู่บนเวทีกับบรรดาผู้นำคนอื่นๆ จากอินโดนีเซีย อิหร่าน ฯลฯ ถือเป็นการให้ความชอบธรรมแก่คิม (บนเวทีโลก) ก็ว่าได้
ตอนนี้จีนและสหรัฐยังคงเจรจากันอย่างต่อเนื่องเพื่อพยายามบรรลุข้อตกลงและหลีกเลี่ยงภาษีศุลกากรที่อาจก่อให้เกิดหายนะและสงครามการค้า แม้ทั้งสองฝ่ายจะขยายเวลาบังคับใช้ภาษีไปอีก 90 วัน แต่เวลากำลังเดินอยู่ ดังนั้น สี จิ้นผิงจึงต้องการถือไพ่ที่แข็งแกร่งที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ในขณะที่การเจรจาต่างๆ ยังดำเนินต่อไป
สีมีทางเลือกให้เสนอมากมาย ในอดีตจีนเคยช่วยทรัมป์ให้ได้พบกับคิม จองอึน สีจะทำแบบนั้นได้อีกหรือไม่? แต่สิ่งสำคัญมากกว่านั้นคือ จีนสามารถมีบทบาทในการยุติสงครามในยูเครนได้ และคำถามที่อาจจะแหวกกว่านั้น จะเป็นไปได้หรือไม่ที่จะมีการประชุมระหว่างสี จิ้นผิง ปูติน คิม และโดนัลด์ ทรัมป์?







