พอล ครุกแมน เตือนนโยบายทรัมป์เสี่ยงทำให้ Stagflation หวนคืน

พอล ครุกแมน นักเศรษฐศาสตร์รางวัลโนเบล เตือนกำแพงภาษีทรัมป์ การแทรกแซงเฟด ปราบคนเข้าเมืองเสี่ยงทำให้เกิดเงินเฟ้อสูง เศรษฐกิจสหรัฐชะงักงัน คนว่างงานสูง "Stagflation"
พอล ครุกแมน นักเศรษฐศาสตร์รางวัลโนเบล เตือนกำแพงภาษี ของทรัมป์ พยายามของทรัมป์ ในการแทรกแซงเฟด ปราบคนเข้าเมือง เสี่ยงทำให้เกิดเงินเฟ้อสูง เศรษฐกิจสหรัฐชะงักงัน คนว่างงานสูง หรือที่เรียกกันว่า "Stagflation"
ครุกแมนเขียนบทความเรื่อง “The Economics of Stagflation” ลงในแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย Substack.com เมื่อเร็วๆ นี้
ครุกแมน และผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจจำนวนมากเริ่มวิตกกังวลเกี่ยวกับนโยบายการตั้งกำแพงภาษีศุลกากรของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เมื่อเร็วๆ นี้ทรัมป์ได้ปรับขึ้นภาษีศุลกากรเฉลี่ยจาก 2% เป็น18% ซึ่งเป็นการกลับทิศนโยบายการค้าเสรีที่สหรัฐดำเนินมาเป็นเวลา 90 ปี ทรัมป์ยังได้โจมตีเจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จากที่เขาไม่พอใจที่พาวเวลล์ไม่ยอมลดดอกเบี้ยนโยบาย ล่าสุดทรัมป์ประกาศไล่ออก ลิซา คุก หนึ่งในคณะกรรมการผู้ว่าการเฟด ออกจากตำแหน่ง โดยกล่าวโทษเธอว่า ทำผิดฐานฉ้อโกงสินเชื่อบ้าน ซึ่งครุกแมนมองว่า เป็นเพียงข้ออ้างของทรัมป์ที่จะโจมตีคนที่วิจารณ์ หรือไม่เห็นด้วยกับนโยบายของเขา
ทรัมป์เคยโจมตีพาวเวลล์ด้วยว่า ใช้งบประมาณมากเกินไปในการปรับปรุงอาคารสำนักงานใหญ่ของเฟด
นักวิเคราะห์ต่างกังวลว่า การโจมตีพาวเวลล์ และการพยายามเข้าไปแทรกแซงเฟดถือเป็นการละเมิดความเป็นอิสระของธนาคารกลางจากฝ่ายการเมือง ที่อาจจะนำไปสู่การขาดความเชื่อมั่นในการบริหารนโยบายการเงินของเฟด หรือเฟดอาจจะไม่สามารถควบคุมเงินเฟ้อได้ในระยะยาวซึ่งจะส่งผลเสียต่อเศรษฐกิจสหรัฐอย่างมาก
Stagflation เกี่ยวข้องกับเฟดอย่างไร?
เงินเฟ้อสูงอาจจะนำไปสู่ Stagflation หรือไม่ก็ได้ หากเงินเฟ้อสูงชั่วคราวก็จะไม่นำไปสู่ Stagflation แต่หากสูงยืดเยื้อก็สามารถนำไปสู่ Stagflation ได้
เงินเฟ้อจะสูงยืดเยื้อเมื่อบริษัท และผู้คนเชื่อว่า เงินเฟ้อในอนาคตจะสูงขึ้นไปเรื่อยๆ เฟดหรือธนาคารกลางในประเทศอื่นๆ จึงต้องทำทุกวิถีทางที่จะทำให้คนเชื่อว่าเงินเฟ้อในอนาคตจะไม่สูงขึ้น แต่จะอยู่ในกรอบที่ตั้งไว้ โดยหลักธนาคารกลางจะขึ้นดอกเบี้ยนโยบายเพื่อดึงเงินเฟ้อลง
เงินเฟ้อพุ่งสูงในอดีตของสหรัฐเกิดขึ้นได้อย่างไร?
สาเหตุหลักของเงินเฟ้อในสหรัฐ และทั่วโลกมักเกิดจากต้นทุนการผลิตสูงขึ้น เช่น วิกฤติราคาน้ำมันในช่วงทศวรรษ 1970 หรือความชะงักงันของห่วงโซ่การผลิตสินค้า เช่นที่เกิดขึ้นในช่วงโควิดระบาด และ/หรือ ความต้องการสินค้ามีมากเกินไป จนบริษัทผู้ผลิต ผลิตสินค้าไม่ทันความต้องการ ทำให้ผู้ผลิตขึ้นราคาสินค้า
ในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่สอง และหลังโควิดระบาดที่ผ่านมาเงินเฟ้อสหรัฐสูงขึ้น สงคราม และโรคระบาด ทำให้การผลิตสินค้าทั่วไปหยุดชะงักลง แต่เมื่อเศรษฐกิจหลังสงครามปรับตัวได้กลับมาเศรษฐกิจในช่วงสันติภาพเงินเฟ้อก็ลดลง และหลังโควิดห่วงโซ่การผลิตก็ฟื้นกลับมา
ครุกแมน ระบุว่า เงินเฟ้อสูงหลังสงครามโลกครั้งที่สอง และหลังโควิดช่วงสมัยประธานาธิบดีโจ ไบเดน ไม่ก่อให้เกิด Stagflation เพราะเงินเฟ้อสองรอบนี้เกิดขึ้นชั่วคราว จึงไม่ทำให้เกิดการว่างงานสูงเป็นเวลานาน ทั้งที่หลายคนเคยทำนายว่าจะเกิด Stagflation หลังโควิด
แต่เงินเฟ้อสูงยืดเยื้อในทศวรรษ 1970 ทำให้เกิดภาวะ Stagflation มีคนตกงานจำนวนมาก ผู้คนต้องลำบากสาหัสเพราะข้าวของราคาแพง ในขณะที่งานหาได้ยาก เงินเฟ้อสูงยืดเยื้อเพราะบริษัทเอกชนปรับราคาสินค้าขึ้นบ่อยครั้งตามเงินเฟ้อ หรือไม่ก็ขึ้นราคาสินค้าไปดักหน้าเงินเฟ้อ และทุกๆ บริษัทก็ทำเหมือนกัน ในขณะที่ฝ่ายแรงงานก็ขอขึ้นค่าจ้างเพื่อไล่ให้ทันกับอัตราเงินเฟ้อ ในสหรัฐปี 1979 พุ่งขึ้นสูงระดับตัวเลขสองหลัก
ครุกแมน กล่าวว่า การแก้ปัญหาเงินเฟ้อคือทำให้เศรษฐกิจตกต่ำ ด้วยการตัดงบประมาณรายจ่ายของรัฐบาล หรือการขึ้นดอกเบี้ยอย่างรุนแรง อดีตประธานเฟด พอล โวล์คเกอร์ เคยขึ้นดอกเบี้ยสูงเพื่อดึงเงินเฟ้อลง แต่ต้นทุนการควบคุมเงินเฟ้อที่ยืดเยื้อนั้นสูง เพราะทำให้เกิดภาวะเศรษฐกิจตกต่ำรุนแรง คนตกงาน อัตราว่างงานสูงอยู่หลายปี โดยว่างงานเพิ่มขึ้นจาก 6% เป็นเกือบ 11% เมื่อเศรษฐกิจตกต่ำบริษัทก็ลดกำลังการผลิต และลดการจ้างงาน
ในทศวรรษ 1980 โวล์คเกอร์ต้องใช้เวลานานถึง 6 ปี ในการดึงเงินเฟ้อให้อยู่ในเป้าหมาย 4% ซึ่งเป็นอัตราที่ตลาดยอมรับได้ เทียบกับการว่างงานสหรัฐในปัจจุบันที่ประมาณ 4.2% และเฟดในยุคของพาวเวลล์พยายามดึงเงินเฟ้อลงให้อยู่ใกล้ระดับ 2%
ในยุคหลังโควิดระบาด เงินเฟ้อสหรัฐพุ่งสูงอีกครั้งในปี 2022 แม้จะยังต่ำกว่าช่วงทศวรรษ 1980 โดยเงินเฟ้อช่วงหลังโควิด คือระหว่างปี 2022-2024 ลดลงอย่างรวดเร็วจากระดับสูงประมาณ 7% ในไตรมาสสอง ปี 2022 สู่ระดับต่ำเหนือ 2% เล็กน้อยในไตรมาสสองปี 2025 โดยไม่ได้ทำให้เศรษฐกิจสหรัฐหัวทิ่ม แต่เป็นค่อยๆ ชะลอตัวลง (Soft Landing) ว่างงานเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากประมาณ 3.5% เป็นประมาณ 4.2% รอดพ้นจากการเกิดภาวะ Stagflation ต่างจากช่วงปี 1979-1984 ที่เกิด Stagflation ระดับรุนแรงจนทำให้เศรษฐกิจถดถอยเป็นเวลานานหลายปี
ยุค Stagflation จบลงแล้ว?
งานวิจัยของ เอมิ นากามูระ และนักเศรษฐศาสตร์กลุ่มหนึ่งแสดงให้เห็นว่า ตรรกะของการเกิด Stagflation ที่เคยเกิดขึ้นในช่วงทศวรรษที่ 1960 ถึงช่วงปลายทศวรรษ 1980 ใช้ไม่ได้อีกต่อไป เพราะบทบาทของเฟด ที่เข้ามาจัดการกับเงินเฟ้อ จนทำให้ตลาดเชื่อมั่นว่า หากเงินเฟ้อสูงเฟดจะขึ้นดอกเบี้ย ซึ่งจะทำให้เงินเฟ้อในอนาคตลดลง เมื่อคนเลิกคาดการณ์ว่าเงินเฟ้อในอนาคตจะสูง เงินเฟ้อก็จะไม่สูงยืดเยื้อจนนำไปสู่ Stagflation อีกต่อไป
นโยบายทรัมป์กำลังจะทำให้ Stagflation กลับมา?
นักเศรษฐศาสตร์เริ่มกังวลว่าภาวะ Stagflation อาจจะกลับมาเพราะนโยบายสำคัญหลายอย่างของทรัมป์
ครุกแมนชี้ว่า ดัชนีราคาสินค้านำเข้าพุ่งขึ้นในช่วงโควิคเพราะห่วงโซ่การผลิตหยุดชะงักระหว่างปี 2021-2022 หลังสถานการณ์การคลี่คลายระดับราคาก็ลดลง แต่กลับมาเพิ่มขึ้นอีกและยังไม่ลดลงหลังจากทรัมป์ตั้งกำแพงภาษีนำเข้า ซึ่งแสดงให้เห็นว่า ผู้ผลิตต่างประเทศไม่ได้รับภาระภาษีศุลกากรอย่างที่ทรัมป์กล่าวอ้าง แต่ผลักภาระมาให้ผู้นำเข้าและผู้บริโภคสหรัฐ
ครุกแมนอ้างถึงข้อมูลที่ชี้ว่า ราคาสินค้านำเข้าสูงขึ้นมากกว่าราคาสินค้าที่ผลิตในสหรัฐ เขาระบุว่า ที่ผ่านมาผู้บริโภคสหรัฐยังไม่ได้รับภาระภาษีเต็มที่เพราะบริษัทสหรัฐรับแทนบางส่วน แต่ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าผู้บริโภคจะได้รับผลกระทบมากขึ้นเพราะบริษัทสหรัฐ เช่น ห้างค้าปลีกรับภาระภาษีสูงไว้ไม่ไหวอีกต่อไป ก็จะส่งผ่านมายังผู้บริโภคด้วยการขึ้นราคาสินค้าตามต้นทุนของตน
ครุกแมนยังระบุอีกว่า นโยบายการปราบปราม1021010และส่งกลับคนลักลอบเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมายจำนวนมาก ส่งผลกระทบต่อการผลิตในภาคเกษตรของสหรัฐทำให้ขาดแรงงานในการเก็บเกี่ยวผลผลิต ข้อมูลสำนักงานแรงงานแสดงให้เห็นว่า ดัชนีราคาผักสดขายส่งรายเดือนพุ่งขึ้น 50 % ในเดือนกรกฎาคม
“เศรษฐกิจสหรัฐสร้างตำแหน่งงานใหม่น้อยลงมากนับแต่ปี 2024 มีเหตุที่ทำให้เชื่อได้ว่า เราอาจจะมุ่งหน้าเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยแล้วในขณะนี้ ถ้าหากผลกระทบจากความไม่แน่นอนของนโยบายของทรัมป์ไม่ถูกชดเชยด้วยการบูมของการลงทุนในภาคปัญญาประดิษฐ์และส่วนที่เกี่ยวข้อง” ครุกแมนกล่าวพร้อมเสริมว่า ถ้าการใช้จ่ายการลงทุนในเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์นั้นบางส่วนเป็นฟองสบู่และเกิดแตกขึ้นมาก็เสี่ยงมากที่เศรษฐกิจสหรัฐจะถดถอย
ในการวิเคราะห์ของครุกแมน การที่ทรัมป์พยายามแทรกแซงการทำงานของเฟดนั้นกำลังบั่นทอนความเชื่อมั่นในการควบคุมเงินเฟ้อ ซึ่งหากทรัมป์แทรกแซงเฟดสำเร็จ คือสั่งให้ลดดอกเบี้ยได้ตามใจชอบ คนก็จะไม่เชื่อมั่นว่าเฟดจะสามารถควบคุมเงินเฟ้อในอนาคตได้ คนจะคาดการณ์ว่าเฟ้อในอนาคตจะสูง จึงมีความเสี่ยงสูงที่เงินเฟ้อสูงจะยืดเยื้อและนำไปสู่ Stagflation ในที่สุด
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์







