โอกาสลงทุนเมื่อยุโรปปรับยุทธศาสตร์ป้องกันประเทศ

สหภาพยุโรป (อียู) ปรับยุทธศาสตร์ป้องกันประเทศ อุตสาหกรรม นวัตกรรมและสภาพภูมิอากาศใหม่เพื่อตอบสนองภัยคุกคามทางภูมิศาสตร์การเมือง (geopolitical threats) และพลวัตอำนาจโลกที่เปลี่ยนแปลงไป
เนื่องจากความตึงเครียดกับรัสเซียและความไม่แน่นอนทางการเมืองในสหรัฐ
คณะกรรมาธิการยุโรป (European Commission) เสนอแผนสร้างสมอาวุธใหม่/ความพร้อมของยุโรป 2030 โดยจัดสรรเงิน 150,000 ล้านยูโรที่เหลือจากโครงการ NextGenerationEU เพื่อกระตุ้นการลงทุนด้านกลาโหม
โดยกำหนดให้ใช้วัสดุที่จัดหาในยุโรป 65% นอกจากสร้างความพร้อมของกองทัพยังกระตุ้นภาคส่วนสำคัญ เช่น อุตสาหกรรมเหล็กกล้า แบตเตอรี่ โดรนและการเคลื่อนที่อัตโนมัติ
ประเทศสมาชิก EU มากกว่าครึ่ง มีแผนจะออกข้อกำหนดฉุกเฉินเพิ่มการใช้จ่ายและการลงทุนด้านการป้องกันประเทศไม่เกินขีดจำกัดการใช้จ่ายของ EU โดยเป็นส่วนหนึ่งของการเคลื่อนไหวที่กว้างขวางขึ้นของประเทศต่างๆ ในยุโรป ตลอดจนแสวงหาพันธมิตรใหม่เมื่อสหรัฐทบทวนแผนสนับสนุนยูเครน
การเสริมสร้างกำลังในยุโรปมาพร้อมความท้าทายและความจำเป็นในการแสวงหาหุ้นส่วนด้านการป้องกันประเทศที่มีความยุ่งยาก เช่น ตุรกี ขณะที่ภูมิทัศน์ทางการเมืองยุโรปอาจได้รับผลกระทบจากประเทศสมาชิกที่ต่อต้านการรวมกลุ่ม EU
สถาบันวิจัยสันติภาพระหว่างประเทศสตอกโฮล์ม (SIPRI) ระบุว่าในปี 2024 EU ใช้งบประมาณป้องกันประเทศเพิ่มขึ้น 17% เป็น 693 ล้านดอลลาร์
ส่งผลให้การใช้จ่ายด้านกลาโหมทั่วโลกเพิ่มขึ้น 9.4% เป็น 2.7 ล้านล้านดอลลาร์ สูงสุดนับตั้งแต่การล่มสลายของลัทธิคอมมิวนิสต์ในยุโรป โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศสมาชิก NATO ที่ตอบสนองการรุกรานยูเครนของรัสเซีย
การใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก สงครามในยูเครนและความไม่แน่นอนของสหรัฐ ซึ่งเป็นพันธมิตรด้านความมั่นคงทำให้ข้อห้ามเกี่ยวกับอำนาจปกครองตนเองและการลงทุนด้านการป้องกันประเทศ EU พลิกผัน โดยในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมาประเด็นดังกล่าวได้ขยายออกไปจนถึงระดับชาติ
ประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครงของฝรั่งเศสแถลงเมื่อต้น พ.ค.2025 ว่าเต็มใจหารือเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่จะนำอาวุธนิวเคลียร์ของประเทศไปประจำการที่อื่นในยุโรป
ส่วนฟรีดริช เมิร์ซ นายกรัฐมนตรีคนใหม่ของเยอรมนีสนใจจะหารือเกี่ยวกับข้อเสนอดังกล่าวกับฝรั่งเศสและอังกฤษ นอกจากนี้ได้อนุมัติงบป้องกันประเทศมูลค่า 1 ล้านล้านยูโร ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญจากแนวคิดสันติวิธีและต่อต้านการใช้กำลังทหาร
สำหรับ โปแลนด์ หนึ่งในผู้นำด้านการใช้จ่ายด้านการป้องกันประเทศของ EU แสดงจุดมุ่งหมายในการเข้าถึงอาวุธนิวเคลียร์และกองทัพที่มีขนาดใหญ่ขึ้น
ส่วน เบลเยียม ซึ่งมักจะตามหลังประเทศในยุโรปด้านการป้องกันประเทศพยายามเพิ่มการใช้จ่ายและลงทุนยุทโธปกรณ์สำคัญ
การเสริมสร้างกำลังและลงทุนในอุตสาหกรรมป้องกันประเทศรวมถึงความท้าทาย เช่น การจัดซื้อร่วมกันหยุดชะงัก (stunted joint procurement) ขาดการปฏิบัติการร่วม (lack of interoperability) ความแตกต่างของวัฒนธรรมเชิงกลยุทธ์และการกระจายตัวของอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ
ในการเพิ่มขีดความสามารถด้านการป้องกันประเทศ ผู้นำ EU จำนวนหนึ่งแสวงหาความร่วมมือกับประเทศต่าง ๆ เช่น ตุรกี ซึ่งมีกองทัพใหญ่เป็นอันดับสอง (รองจากสหรัฐ) ในกลุ่มพันธมิตร NATO
นอกจากนี้ ตุรกีอยู่ในรายชื่อประเทศนอก EU ที่อาจได้รับประโยชน์จากกองทุนเสริมกำลังอาวุธ มูลค่า 150,000 ล้านยูโรของคณะกรรมาธิการยุโรป
ความเร่งด่วนในการเสริมกำลังทางทหารของ EU ดูเหมือนทำให้ผู้นำยุโรปเพิกเฉยต่อการปราบปรามฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองของประธานาธิบดีเออร์โดกันของตุรกีเมื่อไม่นานนี้
ท่าทีดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า EU ให้ความสำคัญกับการป้องกันประเทศมากกว่าอุดมคติหรือหลักการด้านนโยบายต่างประเทศ
การเพิกเฉยต่อข้อกังวลด้านสิทธิมนุษยชนและหลักการประชาธิปไตย อาจมีผลที่ตามมากับผู้มีสิทธิเลือกตั้งในยุโรป นักวิเคราะห์บางคนเริ่มสังเกตเห็นปฏิกิริยาตอบโต้ ซึ่งเชื่อมโยงกับการใช้จ่ายด้านการทหารที่อาจเกิดขึ้น กับการพัฒนาสวัสดิการสังคม (gun and butter)
ประชากรที่อายุเกิน 65 ปีในยุโรปในปัจจุบันมีจำนวนแซงหน้าประชากรที่อายุต่ำกว่า 15 ปี ส่งผลให้มีแรงกดดันรัฐสวัสดิการมากขึ้น โดยเฉพาะเงินบำนาญและการดูแลสุขภาพ ยุโรปอาจต้องลดค่าใช้จ่ายเพื่อเสริมเงินลงทุนด้านการป้องกันประเทศในที่สุด
ล่าสุดเมื่อ 17 ก.ค.2025 Ursula von der Layen ประธานกรรมาธิการสหภาพยุโรป เปิดเผยแผนงบประมาณใหม่ระยะยาวหลายปี (Multiannual Financial Framework) ปี 2028 - 2034 วงเงิน 2 ล้านล้านยูโร ซึ่งเพิ่มขึ้นอย่างมากเมื่อเทียบกับ 1.21 ล้านล้านยูโรที่ผู้นำ EU อนุมัติในปี 2020 (ไม่รวมงบฟื้นฟูหลัง Covid 19)
กรอบงบประมาณใหม่มีความยืดหยุ่นมากขึ้นเพื่อรับมือวิกฤตและความจำเป็นที่ไม่คาดคิด (unexpected need and crisis) โดยเฉพาะงบ Competitiveness Fund 410,000 ล้านยูโร
ครอบคลุมการลงทุนเทคโนโลยีสะอาด ดิจิทัล ไบโอเทค อุตสาหกรรมป้องกันประเทศ อวกาศและอาหาร เพื่อให้ EU สามารถแข่งขันกับจีนและสหรัฐฯต้องได้รับอนุมัติจากประเทศสมาชิกและรัฐสภายุโรป
INVX รายงานเมื่อปลายกรกฎาคม 2025 ว่าดัชนี STOXX600 ส่งสัญญาณกลับตัวเป็นขาขึ้นอีกครั้งหลังจากพักตัวไป 2 เดือน โดยทำ Triangle Pattern และ Break out บริเวณ 550 จุด ซึ่งเป็นสัญญาณการกลับตัวเป็นขาขึ้น
คาดว่า EPS ดัชนี STOXX 600 จะเริ่มเติบโตอย่างชัดเจนในปี 2026 โดยได้รับแรงสนับสนุนจากนโยบายการคลังของประเทศในยุโรป ส่งผลเชิงบวกต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจและผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนอย่างเต็มที่
ขณะที่ KASSET คาดการณ์เศรษฐกิจยุโรปในช่วงครึ่งหลังปี 2025 เริ่มฟื้นตัว โดยดัชนี PMI ภาคบริการและการผลิตกลับสู่โซนขยายตัวพร้อมกัน อัตราเงินเฟ้อชลอตัวโดยเฉพาะภาคบริการ ช่วยเปิดทางให้ ECB เดินหน้าผ่อนคลายดอกเบี้ยต่อเนื่อง
ขณะเดียวกันนโยบายการใช้จ่ายภาครัฐโดยเฉพาะเยอรมนีมีบทบาทสำคัญในการหนุนการลงทุนและความเชื่อมั่น
ส่วน BLS รายงานว่าความไม่แน่นอนทางภูมิศาสตร์การเมืองและการปรับยุทธศาสตร์ความมั่นคงของยุโรป จะทำให้ผู้ผลิตอาวุธในภูมิภาคกลายเป็นกำลังสำคัญในการเสริมสร้างศักยภาพป้องกันประเทศ
ราคาหุ้นของผู้ผลิตอาวุธ 6 รายใหญ่ปรับตัวขึ้นร้อยละ 37 – 115 ในช่วงต้นปี 2025 เฉลี่ยร้อยละ 72 โดย Rheinmetall ของเยอรมนีปรับตัวขึ้นมากที่สุด (+ร้อยละ115) ส่วน BAE Systems ของอังกฤษขึ้นน้อยที่สุด (+ร้อยละ 37)
สำหรับมุมมองด้านการลงทุนกองทุน Global X Defense Tech ETF (SHLD) ซึ่งเน้นลงทุนด้านเทคโนโลยีป้องกันประเทศทั่วโลกทั้งในและนอกสหรัฐฯ
ปัจจุบันร้อยละ 46 ของพอร์ตลงทุนอยู่นอกสหรัฐฯ ซึ่งช่วยกระจายความเสี่ยงและเปิดโอกาสรับประโยชน์จากการเร่งเพิ่มงบกลาโหมของยุโรปและประเทศพันธมิตรอื่น ๆ
ข้อมูลอ้างอิง
1.โครงการ NextGenerationEU แผนฟื้นฟูเศรษฐกิจของสหภาพยุโรป (EU) หลังการแพร่ระบาดของ COVID-19 โดยเฉพาะประเทศในโซนยุโรปตะวันออกและยุโรปใต้ที่ได้รับผลกระทบอย่างหนัก
บางครั้งเรียกว่า NextGenerationEU และ Next Gen EU หรือ European Union Recovery Instrument สหภาพยุโรปอนุมัติเงินจำนวน 750,000 ล้านยูโรในปี 2020 (คิดเป็นจำนวนเงินในปัจจุบันกว่า 806,900 ล้านยูโร) โดยหวังจะเปลี่ยนโครงสร้างเศรษฐกิจให้กลับมาแข็งแกร่งอีกครั้ง
2.Aligning EU Defence, Industry, Innovation, and Decarbonisation could save money and boost competitiveness 10. 04. 2025 Strategic Perspectives AUTHOR: Julian Popov Available at https://strategicperspectives.eu/aligning-eu-defence-industry-innovation-and-decarbonisation-could-save-money-and-boost-competitiveness/
3.เบลเยียม บัลแกเรีย เช็กเกีย เดนมาร์ก เยอรมนี เอสโตเนีย กรีซ โครเอเชีย ลัตเวีย ลิทัวเนีย ฮังการี โปแลนด์ โปรตุเกส สโลวีเนีย สโลวาเกีย และฟินแลนด์ ต่างต้องการเพิ่มความสามารถด้านการป้องกันประเทศ
4.16 countries to ask EU for fiscal leeway to spend big on defense POLITICO April 30, 2025 10:38 pm CET
By Giovanna Faggionato Available at: https://www.politico.eu/article/eu-fiscal-defense-16-countries-public-finances-germany-emergency/
5. EUROPE SEEKS TO RAPIDLY INCREASE DEFENSE INVESTMENT AMIDST STRATEGIC REALIGNMENT INTELBRIEF Friday, May 2, 2025 Available at: https://mailchi.mp/thesoufancenter/europe-seeks-to-rapidly-increase-defense-investment-amidst-strategic-realignment?e=c4a0dc064a
6.Von der Leyen unveils hugely increased 'strategic' €2 trillion EU budget Europe News By Jorge Liboreiro Published on 16/07/2025 - 16:45 GMT+2 Updated 17/07/2025 - 14:56 GMT+2 Available at: https://www.euronews.com/my-europe/2025/07/16/von-der-leyen-unveils-hugely-increased-strategic-2-trillion-eu-budget
STOXX คือบริษัทลูกของ Deutsche-Borse Group ผู้ให้บริการด้านข้อมูล market indexes ที่เป็นตัวแทนหุ้นยุโรป ใช้อ้างอิงทั่วโลก STOXX600 คือดัชนีหุ้น เรียงตาม market cap จากหุ้นขนาดใหญ่ที่สุดเรียงจนครบ 600 ตัว (ที่เห็น 602 ตัว เกิดจากหุ้นบางตัวมีมากกว่า 1 share class) >Stoxx600 มีหุ้นที่จดทะเบียนในอังกฤษถึงร้อยละ 25 หรือเป็น 1 ใน 4 ของพอร์ต ในมุมหนึ่งคือการกระจายความเสี่ยงออกจาก Eurozone (ร้อยละ 75) ได้ มีหุ้นขนาดกลางและเล็กรวมอยู่ด้วย







