Nissan หลุด Top 10 ยอดขายทั่วโลก ถูกคู่แข่งจีน ‘BYD-Geely’ แซงหน้า

Nissan หลุด Top 10 ยอดขายทั่วโลก ถูกคู่แข่งจีน ‘BYD-Geely’ แซงหน้า

Nissan หลุดจากรายชื่อ 10 อันดับแรกของยอดขายรถยนต์ทั่วโลกในช่วงครึ่งแรกของปี 2568 หลังยอดขายตลาด 'จีน-สหรัฐ-ญี่ปุ่น' ดิ่งหนัก ดัน BYD, Geely และ Suzuki ขึ้นแซง

KEY

POINTS

  •  Nissan  หลุด 10 อันดับแรกของยอดขายรถยนต์ทั่วโลกในช่วงครึ่งแรกของปี  68  ด้วยยอดขาย 1.61 ล้านคัน ซึ่งต่ำที่สุดในรอบ 16 ปี
  • คู่แข่งจากจีนอย่าง BYD และ Geely ทำยอดขายแซงหน้านิสสันได้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ โดย BYD ขยับขึ้นมาอยู่อันดับ 7 และ Geely ขยับขึ้นมาอยู่อันดับ 8
  •  นิสสัน เจอความท้าทายทุกตลาด จีน สหรัฐ และตลาดบ้านเกิดอย่างญี่ปุ่น

สำนักข่าวนิกเคอิเอเชียรายงานว่า “นิสสัน มอเตอร์”(Nissan Motor) หลุดจากรายชื่อผู้ผลิตรถยนต์ที่มียอดขายสูงสุด 10 อันดับแรกของโลกในช่วงครึ่งแรกของปี 2568  เป็นครั้งแรก

ในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ นิสสันเผชิญกับยอดขายที่ลดลงอย่างหนัก โดยมียอดขายทั่วโลกลดลง 6% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว เหลือเพียง 1.61 ล้านคัน ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่ต่ำที่สุดในรอบ 16 ปี ซึ่งเป็นช่วงหลังวิกฤติเศรษฐกิจแฮมเบอร์เกอร์ที่ยอดขายลดลงเหลือ 1.54 ล้านคัน

นอกจากนี้ ยังเป็นครั้งแรกในรอบ 20 ปี ตั้งแต่ปี 2547 ที่นิสสันหลุดจากอันดับ 10 ของผู้ผลิตรถยนต์ที่มียอดขายสูงสุดทั่วโลก โดยข้อมูลจากบริษัท MarketLines ระบุว่า ปัญหานี้ทำให้ตำแหน่งของนิสสันในตลาดโลกตกต่ำลง โดยถูกผู้ผลิตรถยนต์อย่างซูซูกิจากญี่ปุ่น รวมถึง BYD และ Geely จากจีนแซงหน้าไป

ยอดขาย ‘จีน-สหรัฐ-ญี่ปุ่น’ กอดคอร่วง

ในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปี 68 นิสสันรายงานผลประกอบการขาดทุนถึง 1.157 แสนล้านเยน ลดลง  506.7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ยังคงมีกำไร 2.85 หมื่นล้านเยน ซึ่งเป็นการขาดทุนติดต่อกัน 4 ไตรมาสติด เนื่องจากยอดขายที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง และส่งผลกระทบต่อต้นทุนของบริษัท เช่น ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานโรงงาน จนฉุดรั้งผลกำไร

  • ตลาดจีน

ยอดขายของนิสสันในประเทศจีน ซึ่งเป็นตลาดหลักของบริษัท กำลังอยู่ในภาวะซบเซาอย่างหนัก โดยลดลงถึง 18% เหลือเพียง 270,000 คัน ซึ่งลดลงกว่า 60% จากยอดขายสูงสุดที่เคยทำได้ 720,000 คัน ในปี 2561

แม้ว่านิสสันจะพยายามทำตลาดในจีนด้วยการเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ N7 EV ในเดือนเม.ย.ที่ผ่านมาด้วยราคาที่แข่งขันได้ แต่ก็ไม่สามารถผลักดันให้นิสสันฟื้นตัวขึ้นมาได้อย่างรวดเร็ว

Nissan หลุด Top 10 ยอดขายทั่วโลก ถูกคู่แข่งจีน ‘BYD-Geely’ แซงหน้า

  • ตลาดสหรัฐ

สำหรับตลาดสหรัฐ ยอดขายของนิสสันก็ยังคงซบเซา เนื่องจากทางบริษัทยังไม่มีรถไฮบริดที่หลากหลาย เพียงพอที่จะแข่งขันในตลาดได้

นอกจากนี้ นิสสันยังพลาดโอกาสในการคว้ายอดขายจำนวนมากก่อนที่สหรัฐจะบังคับใช้ภาษีนำเข้ารถยนต์ เนื่องจากบริษัทมีนโยบายจำกัดการใช้โปรโมชันเพื่อกระตุ้นยอดขาย ทำให้ไม่สามารถดึงดูดลูกค้าได้ในช่วงเวลาสำคัญ

  • ตลาดญี่ปุ่น

ยอดขายของนิสสันในญี่ปุ่นลดลงอย่างรุนแรงถึง 10% เหลือเพียง 220,000 คัน ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่ต่ำที่สุดในรอบ 32 ปีนับตั้งแต่เริ่มมีการเก็บข้อมูลเปรียบเทียบในปี 2536

เจเรมี ปาปิน ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินของนิสสัน ได้แสดงความกังวลอย่างยิ่งต่อการขาดทุนครั้งนี้ โดยชี้ว่าสาเหตุสำคัญมาจาก “ความเชื่อมั่น” ของผู้บริโภคที่มีต่อบริษัทลดลงซึ่งเป็นปัจจัยหลักที่ฉุดยอดขายในตลาดบ้านเกิดของนิสสันเอง

‘BYD-Geely-ซูซูกิ’ เขี่ยนิสสันตกชั้น

ในขณะที่นิสสันกำลังเผชิญกับยอดขายที่ซบเซา ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าจากจีนกลับเติบโตอย่างก้าวกระโดด 

  • BYD มียอดขายเพิ่มขึ้นถึง 33% แตะ 2.14 ล้านคัน ส่งผลให้ขยับขึ้นจากอันดับ 10 ในช่วงครึ่งแรกของปีที่แล้วมาอยู่ที่ อันดับ 7 ในปีนี้
  • Geely ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่เป็นอันดับสองของจีน ก็ขยับจากอันดับ 11 มาอยู่ที่ อันดับ 8

เรื่องนี้นับเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ที่ทั้ง 2 บริษัทสามารถทำยอดขายในช่วงครึ่งแรกของปีได้มากกว่านิสสัน ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในอุตสาหกรรมยานยนต์โลก

นอกจากนี้ “ซูซูกิ” (Suzuki) มียอดขายรถยนต์ทั่วโลกอยู่ที่ 1.63 ล้านคัน ซึ่งมากกว่านิสสันถึง 20,000 คัน ส่งผลให้แบรนด์ยังไม่ตกชั้นอยู่ในอันดับที่ 10   ซึ่งแซงหน้านิสสันครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2547 โดยหากย้อนไปเมื่อ 5 ปีก่อนนิสสันยังมียอดขายมากกว่าซูซูกิถึง 800,000 คัน 

อนาคต ‘นิสสัน’ ความท้าทายรอบด้าน

สำหรับช่วงครึ่งหลังของปี 2568  ตลาดสหรัฐ และจีนต่างก็เต็มไปด้วยความไม่แน่นอน 

สำหรับสหรัฐซึ่งเป็นตลาดใหญ่สำหรับรถญี่ปุ่น ได้ประกาศกำหนดอัตราภาษีนำเข้ารถยนต์จากญี่ปุ่น ยุโรป และเกาหลีใต้ ไว้ที่ 15% ซึ่งอาจส่งผลต่อราคาขาย และต้นทุนที่สูงขึ้น และหากต้นทุนภาษีถูกโยนไปให้ผู้บริโภค อาจทำให้ความต้องการลดลง และส่งผลกระทบต่อยอดขายในท้ายที่สุด

รวมทั้งตลาดจีนที่ “สงครามราคา” กำลังทวีความรุนแรงมากขึ้น เมื่อแบรนด์ต่างๆ แห่กันเข้ามาแย่งชิงส่วนแบ่งตลาดรถยนต์ไฟฟ้าด้วยกลยุทธ์ราคาประหยัด ท่ามกลางตลาดที่กำลังชะลอตัวจากที่เคยเติบโตสองหลัก จนทำให้แม้แต่ BYD ก็ยังประสบปัญหาในการรักษาการเติบโตอย่างรวดเร็ว

Nissan หลุด Top 10 ยอดขายทั่วโลก ถูกคู่แข่งจีน ‘BYD-Geely’ แซงหน้า

 ทั้งนี้ นิสสัน กำลังวางแผนที่จะกลับมาผงาดอีกครั้งด้วยการเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้ารุ่น Leaf ในญี่ปุ่นช่วงปลายปีนี้ ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนโมเดลเต็มรูปแบบครั้งแรกในรอบ 8 ปี และบริษัทตั้งเป้าว่าจะมีการเปิดตัวโมเดลใหม่ๆ ออกมาอย่างต่อเนื่อง 

 

อ้างอิง Nikkei Asia

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์