ทรัมป์ยืนยันข้อตกลงภาษีศุลกากรเกาหลีใต้ 15% จะยังคงมีผล

ทรัมป์ยืนยันข้อตกลงภาษีศุลกากรเกาหลีใต้ 15% จะยังคงมีผล

ประธานาธิบดีทรัมป์ ปฏิเสธที่จะเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขภาษีศุลกากรกับเกาหลีใต้ แม้ว่าประธานาธิบดีอีแจ-มยอง จะล็อบบี้ในการพบปะกันครั้งแรก พร้อมอยากพบผู้นำเกาหลีเหนือ

บลูมเบิร์ก รายงานประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ปฏิเสธที่จะเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขข้อตกลงภาษีศุลกากรของเกาหลีใต้ แม้ว่าประธานาธิบดี อีแจ-มยอง จะพยายามล็อบบี้ในการพบปะกันครั้งแรกที่ทำเนียบขาววันจันทร์ (25 ส.ค.68)

เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ทรัมป์ และอีแจ-มยอง แสดงความหวังถึงความร่วมมืออย่างใกล้ชิดในประเด็นเกาหลีเหนือ ความมั่นคงร่วมกัน และการต่อเรือ แต่ข้อตกลงที่กำหนดอัตราภาษีสินค้าเกาหลีใต้ 15% จะยังคงไม่เปลี่ยนแปลง ตามที่ประธานาธิบดีสหรัฐ กล่าว

“เรายังคงยึดมั่นในจุดยืนของเรา” ประธานาธิบดี กล่าวกับผู้สื่อข่าวในวันจันทร์หลังการประชุม “พวกเขาจะบรรลุข้อตกลงที่ตกลงกันไว้”

การประชุมดูเหมือนจะมีแนวโน้มที่จะล้มเหลวในช่วงต้นวันจันทร์ หลังจากที่ทรัมป์โพสต์บนโซเชียลมีเดียว่าความวุ่นวายทางการเมืองอาจทำให้การเจรจากับโซลเป็นไปไม่ได้ อย่างไรก็ตาม ความตึงเครียดแทบจะไม่ปรากฏให้เห็นระหว่างการประชุม และทรัมป์ยกย่องอีแจ-มยอง ว่าเป็น “ตัวแทนที่ดีมากของเกาหลีใต้”

ทรัมป์อยากพบผู้นำเกาหลีเหนือ

“เราสามารถทำความก้าวหน้าครั้งใหญ่กับเกาหลีเหนือได้” ทรัมป์กล่าวก่อนหน้านี้ในห้องทำงานรูปไข่ร่วมกับอีแจ-มยอง 

ผู้นำเกาหลีใต้รุกทางการทูตด้วยการโปรยเสน่ห์ใส่ทรัมป์ โดยยกย่องทั้งการเติบโตของตลาดหุ้น การตกแต่งห้องทำงานรูปไข่ด้วยทองคำ และความพยายามในการรักษาสันติภาพของทรัมป์ พร้อมทั้งขอให้เขามุ่งเน้นไปที่การยุติความตึงเครียดในคาบสมุทรเกาหลี  นอกจากนี้ อีแจ-มยอง ยังเสนอแนะว่าทรัมป์อาจสร้างตึกที่มีชื่อของเขาเองในเกาหลีเหนือหากเกิดสันติภาพ

 

ทรัมป์ กล่าวว่า เขายินดีที่จะพบกับผู้นำเกาหลีเหนือ คิม จองอึน อีกครั้ง และบอกว่าทั้งคู่ได้กลายเป็น “เพื่อนที่ดีต่อกัน” หลังจากการประชุมสุดยอดสองครั้งในวาระแรกของเขา

ทรัมป์ยังแสดงความยินดีกับอีแจ-มยอง ที่ได้รับเลือกตั้ง และกล่าวว่า “เราสนับสนุนคุณ 100%” แม้ว่าก่อนหน้านี้ในวันจันทร์จะมีความคิดเห็นที่ตั้งคำถามเกี่ยวกับเสถียรภาพทางการเมืองในเกาหลีใต้ และทำให้ความตึงเครียดกับพันธมิตรเก่าแก่หลายทศวรรษยิ่งทวีความรุนแรงขึ้น

ผู้นำทั้งสองเห็นพ้องกับข้อตกลงการต่อเรือที่กำลังเติบโต โดยทรัมป์ให้คำมั่นที่จะซื้อเรือจากเกาหลีใต้ และอีแจ-มยอง ก็ยอมรับความต้องการของทรัมป์ที่จะให้การต่อเรือของเกาหลีในสหรัฐ และเพื่อการจ้างแรงงานชาวอเมริกัน คาดว่า รัฐบาลของนายอีแจ-มยอง จะเปิดเผยแผนการลงทุนจากบริษัทเอกชนในสหรัฐ มูลค่าราว 150,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

อย่างไรก็ตาม การแลกเปลี่ยนความเห็นอย่างเป็นกันเองในห้องทำงานรูปไข่ เกิดขึ้นท่ามกลางความตึงเครียดด้านการค้าที่ยังคงยืดเยื้อ

 

ทั้งสองฝ่ายได้บรรลุข้อตกลงการค้าในนาทีสุดท้ายเมื่อปลายเดือนกรกฎาคม ที่ผ่านมา ซึ่งจำกัดอัตราภาษีนำเข้าสินค้าจากเกาหลีใต้ของสหรัฐไว้ที่ 15%  ทำให้โซลสามารถหลีกเลี่ยงอัตราภาษี 25% ที่ทรัมป์ขู่ไว้ แต่เจ้าหน้าที่รัฐบาลทรัมป์ได้ส่งสัญญาณไม่พอใจในเงื่อนไขดังกล่าว และต้องการกดดันเกาหลีใต้ให้เปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับเงินลงทุน 350,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ที่ให้คำมั่นว่าจะลงทุนในสหรัฐ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงนี้

 

คาดว่าการประชุมในวันจันทร์จะพูดถึงประเด็นสำคัญอื่นๆ รวมถึงการบรรลุข้อตกลงความร่วมมือด้านกลาโหม ซึ่งโซลพยายามนำมาส่วนหนึ่งมาเป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงภาษี

 

ก่อนหน้านี้ในวันจันทร์ ทรัมป์ได้วิพากษ์วิจารณ์เกาหลีใต้เกี่ยวกับความไม่มั่นคงทางการเมืองผ่านโซเชียลมีเดีย และได้อธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับความคิดเห็นเหล่านั้นระหว่างการลงนามคำสั่งฝ่ายบริหารที่กินเวลานานกว่าหนึ่งชั่วโมง ทำให้นายอีแจ-มยอง ต้องนั่งรอเกินเวลาประชุมของผู้นำที่กำหนดไว้

ทรัมป์แสดงความเห็นใน Truth Social ว่าสถานการณ์ในเกาหลีใต้ “เหมือนกับการกวาดล้างหรือปฏิวัติ” และต่อมาได้บอกกับผู้สื่อข่าวในห้องทำงานรูปไข่ว่าเขาได้ยินมาว่า “มีการบุกค้นโบสถ์ในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา เป็นการบุกค้นที่รุนแรงมากโดยรัฐบาลใหม่ของเกาหลีใต้ และพวกเขายังเข้าไปที่ฐานทัพของเรา และเอาข้อมูลไปด้วย” 

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์