เตรียมปิดฉาก ‘เอเวอร์แกรนด์’ จากดาว 51,000 ล้าน สู่เป็นหนี้ 300,000 ล้าน

‘เอเวอร์แกรนด์’ ที่เคยรุ่งเรือง กำลังปิดฉากด้วยการถูกเพิกถอนจากตลาดหุ้น หลังแบกรับหนี้กว่า 9.7 ล้านล้านบาท และผิดนัดชำระหนี้ วิกฤติครั้งนี้ไม่เพียงสะท้อนการสิ้นสุด ‘ยุคทองอสังหาฯ จีน’ แต่ยังทิ้งบาดแผลให้ผู้ซื้อบ้านที่ยังคงรอคอยการส่งมอบ
สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่า กลุ่มบริษัท “ไชน่าเอเวอร์แกรนด์” (China Evergrande Group) ซึ่งเคยเป็นผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ที่สุดของจีน กำลังเข้าสู่ “จุดล่มสลาย”
จากแต่ก่อนที่เคยเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นฮ่องกงเมื่อปี 2009 ในระดับการระดมทุนครั้งใหญ่ที่สุดของเอกชนจีนในเวลานั้น จนล่าสุด Evergrande กลับกำลัง “ถูกเพิกถอน” ออกจากตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง
สำหรับผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายนี้ เริ่มต้นด้วยการเข้าตลาดหุ้นอย่างแข็งแกร่ง ด้วยมูลค่าหุ้นอยู่ที่ 9,000 ล้านดอลลาร์ในช่วงปลายปี 2009 ก่อนจะพุ่งขึ้นกว่า 5 เท่า แตะระดับ 51,000 ล้านดอลลาร์ในอีก 8 ปีต่อมา ทว่ากลับร่วงลงอย่างหนักในช่วงไม่กี่ปีหลัง จนปัจจุบันเหลือเพียง 282 ล้านดอลลาร์เท่านั้น
เส้นทางจาก “ดาวรุ่งแห่งตลาดหุ้น” กลายเป็น “บริษัทที่ถูกเมิน” ในตลาดการเงิน คือ บทเรียนเตือนใจของการขยายตัวแบบกู้หนี้เกินตัวในเศรษฐกิจใหญ่อันดับสองของโลก
หุ้นบริษัท เคยทำราคาสูงสุดถึง 31.39 ดอลลาร์ฮ่องกงต่อหุ้น ก่อนจะร่วงลงเหลือเพียง 0.163 ดอลลาร์ฮ่องกง เมื่อมีการซื้อขายครั้งสุดท้ายเมื่อ 19 เดือนก่อน
ในการซื้อขายหุ้นของผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่มีหนี้สินมากที่สุดในโลกนี้ ซึ่งมีภาระหนี้กว่า 300,000 ล้านดอลลาร์ หรือราว 9.7 ล้านล้านบาท ถูกระงับมาตั้งแต่วันที่ 29 มกราคม 2024 หลังจากบริษัท “ผิดนัดชำระหนี้” และไม่สามารถบรรลุแผนปรับโครงสร้างหนี้ได้
เอเวอร์แกรนด์ (3333.HK) กำลังถูกเพิกถอนออกจากตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง เนื่องจากไม่สามารถกลับมาซื้อขายได้ภายในระยะเวลา 18 เดือน ตามเอกสารที่ยื่นเมื่อวันที่ 12 สิงหาคม ที่ผ่านมา
การเพิกถอนครั้งนี้ จะถือเป็นการปิดฉากวิกฤติอสังหาริมทรัพย์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนของจีน ซึ่งเริ่มต้นในปี 2021
เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา บริษัทไชน่าเซาท์ซิตี้ (1668.HK) กลายเป็นผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่มีรัฐหนุนหลังรายแรก ที่ถูกศาลสูงฮ่องกงสั่งชำระบัญชี หลังจากก่อนหน้านี้มีบริษัทเอกชนหลายแห่งต้องเผชิญชะตากรรมแบบเดียวกัน
“เอเวอร์แกรนด์ถือเป็นหนึ่งในตัวอย่างสำคัญของการล่มสลายของภาคอสังหาริมทรัพย์จีนเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา” แกรี อึ้ง นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสจากธนาคารเพื่อการลงทุน Natixis กล่าว
แม้ว่าการถูกเพิกถอนออกจากตลาดหุ้นจะเป็นเรื่องเชิงสัญลักษณ์เสียเป็นส่วนใหญ่ แต่เขาชี้ว่า “ก็ยังสะท้อนถึงการสิ้นสุดของยุคทองแห่งภาคอสังหาริมทรัพย์ของจีน”
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ทางการจีนพยายามอย่างหนักที่จะฟื้นฟูภาคอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งครั้งหนึ่งเคยมีสัดส่วนสูงถึง 1 ใน 4 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ขณะที่ผู้ซื้อบ้านยังคงรอคอยการส่งมอบบ้านที่ยังสร้างไม่เสร็จ และเจ้าหนี้ต่างหวังจะได้เงินคืน
“เป็นเรื่องยากที่จะกระตุ้นอุปสงค์การบริโภค และความเชื่อมั่นได้ หากผู้คนยังไม่มีเงินในกระเป๋า” ออสการ์ ชอย ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุนของบริษัท Oscar and Partners Capital ในฮ่องกง ซึ่งเคยติดตามเอเวอร์แกรนด์ในฐานะนักวิเคราะห์หุ้นกล่าว
ขณะเดียวกัน ความหวังของผู้ซื้อบ้านบางราย และนักลงทุนที่นำเงินไปลงในผลิตภัณฑ์บริหารความมั่งคั่งของเอเวอร์แกรนด์ ก็ “กำลังเลือนหายไป” เช่นกัน
“หลังจากไปดูบ้านมาหลายโครงการ ผมเลือกเอเวอร์แกรนด์ เพราะคิดว่าบริษัทพัฒนาอสังหาฯ ขนาดใหญ่ขนาดนี้คงไม่ล่มสลาย แต่ผมคิดผิด” ผู้ใช้งาน Douyin ที่มีชื่อบัญชี 8AD2D1D4 ซึ่งกำลังรอรับมอบบ้าน เขียนไว้ในโพสต์บนโซเชียลมีเดีย
อ้างอิง: reuters
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์







