'ภาษีทรัมป์' ไม่ได้มีแต่เรื่องแย่! รายได้นี้อาจช่วยสหรัฐ 'ลดขาดดุล' ได้สูงถึง 130 ล้านล้านบาท

ภาษีนำเข้าที่เพิ่มขึ้นในยุคทรัมป์ อาจช่วยลดการขาดดุลงบประมาณและหนี้สาธารณะของประเทศ ได้สูงถึง 130 ล้านล้านบาทในทศวรรษหน้า ตามการประเมินของ CBO
สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่า การที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ “ปรับขึ้นภาษีนำเข้าสินค้า” จากต่างประเทศ อาจช่วยลดการขาดดุลของประเทศได้สูงถึง 4 ล้านล้านดอลลาร์ หรือราว 130 ล้านล้านบาท ในช่วงทศวรรษข้างหน้า ตามการประเมินของสำนักงานงบประมาณรัฐสภา (CBO)
CBO ระบุว่า หากมาตรการขึ้นภาษีทั่วโลกของทรัมป์ยังคงดำเนินต่อไป รายได้จากภาษีที่เพิ่มขึ้นอาจทำให้ “การขาดดุลงบประมาณขั้นต้น” ลดลง 3.3 ล้านล้านดอลลาร์ และช่วยลด “ดอกเบี้ยที่รัฐบาลกลางต้องจ่าย” ได้อีก 0.7 ล้านล้านดอลลาร์ ภายใน 10 ปีข้างหน้า
อย่างไรก็ตาม อัตราภาษีนำเข้าขั้นสูงสุดที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน อาจไม่คงอยู่ยั่งยืน เนื่องจากยังมีการเจรจากับประเทศคู่ค้า และเกิดการท้าทายทางกฎหมายระหว่างประเทศที่ดำเนินอยู่
อย่างไรก็ตาม รายได้ภาษีเพิ่มเติม อาจช่วย “ชดเชยการขาดดุลที่เพิ่มขึ้น” จากกฎหมายลดภาษีครั้งใหญ่และเพิ่มการใช้จ่ายด้านกลาโหม ซึ่งพรรครีพับลิกันผลักดัน และผ่านความเห็นชอบเมื่อต้นปีนี้ โดย CBO ประเมินว่า กฎหมายลดภาษีครั้งใหญ่ของทรัมป์ จะทำให้การขาดดุลเพิ่มขึ้น 3.4 ล้านล้านดอลลาร์ ในช่วงสิบปีข้างหน้า
กระทรวงการคลังสหรัฐระบุว่า “หนี้สาธารณะของรัฐบาลกลาง” อยู่ที่ 37.18 ล้านล้านดอลลาร์ หรือราว 1,200 ล้านล้านบาท และยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องภายใต้ทั้งรัฐบาลพรรครีพับลิกันและพรรคเดโมแครต เนื่องจากสภาคองเกรส ยังคงอนุญาตให้รัฐบาลใช้จ่ายเงินเกินกว่ารายรับอยู่เรื่อยมา
ในขณะนี้ รัฐบาลกลางสหรัฐมีเส้นตายในการอนุมัติงบประมาณประจำปีภายในสิ้นเดือนกันยายน หากสมาชิกสภาคองเกรสไม่สามารถผ่าน “ร่างกฎหมายการใช้จ่าย” ได้ทันเวลา หน่วยงานของรัฐจำนวนมากจะไม่มีงบประมาณดำเนินการต่อ ส่งผลให้เกิดภาวะ “Government Shutdown” หรือการปิดทำการของรัฐบาลชั่วคราว
ทั้งนี้ ข้อมูลจาก Oxford Economics ระบุว่า อัตราภาษีนำเข้าของสหรัฐโดยเฉลี่ย ครอบคลุมหลายประเทศและหลายสินค้า อยู่ที่ 16.7% ในเดือนสิงหาคม เพิ่มขึ้นจาก 15.1% ในเดือนมิถุนายน
ขณะที่ข้อมูลจากศุลกากรและป้องกันพรมแดนสหรัฐ (CBP) ชี้ว่า ในปีงบประมาณนี้ สหรัฐได้จัดเก็บภาษีศุลกากรไปแล้วมากกว่า 26,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งสูงกว่าหลัก “หลายร้อยล้านดอลลาร์” ที่บันทึกไว้ในปีงบประมาณก่อนหน้าอย่างมาก
อ้างอิง: reuters







