ค่ายรถญี่ปุ่นหันผลัก ‘ภาระภาษี’ ไปยังผู้บริโภคสหรัฐ โตโยต้าขึ้นราคารถ

ค่ายรถญี่ปุ่นหันผลัก ‘ภาระภาษี’ ไปยังผู้บริโภคสหรัฐ โตโยต้าขึ้นราคารถ

ผู้ผลิตรถยนต์ญี่ปุ่นเริ่มขยับ ‘ผลักภาระภาษีนำเข้า’ ของสหรัฐสู่ผู้บริโภค หลังจากที่เคยเลือกแบกรับเองมาหลายเดือน โดยโตโยต้าและซูบารุ ทยอยขึ้นราคารถในสหรัฐ เพื่อรักษากำไร ท่ามกลางแรงกดดันจากภาษีนำเข้าที่พุ่งสูงถึง 27.5%

เว็บไซต์นิกเกอิ เอเชียรายงานว่า เหล่าผู้ผลิตรถยนต์ญี่ปุ่นเริ่ม “ผลักภาระต้นทุน” จากภาษีนำเข้าสหรัฐไปยังผู้บริโภคชาวอเมริกันแล้ว ซึ่งแตกต่างจากกลยุทธ์เดิมที่เลือก “รับภาระเอง” ตามข้อมูลล่าสุดที่เปิดเผย

ตามข้อมูลการค้าล่วงหน้าที่กระทรวงการคลังญี่ปุ่นเผยแพร่เมื่อวันพุธระบุว่า ราคาต่อหน่วยของรถยนต์ส่งออกไปสหรัฐ ซึ่งก่อนหน้านี้ลดลงอย่างต่อเนื่อง เริ่มทรงตัวในเดือนกรกฎาคม เมื่อเทียบกับเดือนมิถุนายน 

มูลค่าการส่งออกรถยนต์ไปยังสหรัฐในเดือนกรกฎาคม ลดลง 28.4% เมื่อเทียบกับปีก่อน เหลือ 422,000 ล้านเยน ขณะที่ปริมาณการส่งออกลดลง 3.2% เหลือ 123,531 คัน ซึ่งตัวเลขดังกล่าวทำให้ราคาเฉลี่ยต่อคันอยู่ที่ 3.41 ล้านเยน ลดลง 26% จากเดือนเดียวกันของปีก่อน

แต่ในเดือนมิถุนายน ราคาเฉลี่ยต่อคันอยู่ที่ 3.38 ล้านเยน การปรับขึ้นราว 30,000 เยนในเดือนกรกฎาคม ได้บ่งชี้ว่า การร่วงลงต่อเนื่องตั้งแต่เดือนมกราคมได้หยุดชะงักลงแล้ว

แนวโน้มในลักษณะเดียวกัน ยังปรากฏในดัชนีราคาสินค้าที่ซื้อขายระหว่างบริษัท (Corporate Goods Price Index) ซึ่งจัดทำโดย ธนาคารกลางญี่ปุ่น โดยใช้ปี 2020 เป็นฐานอ้างอิง

ในเดือนกรกฎาคม ราคาส่งออกเป็นเงินเยนของรถยนต์นั่งที่ส่งไปยังอเมริกาเหนือ เพิ่มขึ้น 2.2 จุดจากเดือนมิถุนายน ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นต่อเดือนครั้งแรกในรอบ 6 เดือน แสดงให้เห็นว่าราคาน่าจะถึงจุดต่ำสุดแล้ว

ทั้งนี้ รัฐบาลทรัมป์ ได้กำหนดภาษีนำเข้ารถยนต์เพิ่มเติมอีก 25% ตั้งแต่เดือนเมษายน เมื่อรวมกับอัตราภาษีเดิม 2.5% รถยนต์ที่ส่งออกจากญี่ปุ่นจึงต้องเผชิญภาษีนำเข้าสูงถึง 27.5%

“ในระยะแรก” ผู้ผลิตรถยนต์ญี่ปุ่นตอบสนองด้วยการปรับลดราคาส่งออก เพื่อพยุงไม่ให้ราคารถยนต์ในสหรัฐปรับสูงขึ้น ขณะเดียวกัน การลดลงของราคาเฉลี่ยยังได้รับอิทธิพลจากการเปลี่ยนแปลงในสัดส่วนสินค้า รถยนต์ขนาดใหญ่ที่มีราคาแพงส่งออกน้อยลง ขณะที่รถยนต์ขนาดเล็กและขนาดกลางมีสัดส่วนเพิ่มขึ้น

อย่างไรก็ตาม ก็มีข้อกังขาว่าวิธีนี้จะยั่งยืนได้หรือไม่ เพราะผู้ผลิตรถยนต์ไม่อาจรับภาระต้นทุนภาษีได้ตลอดโดยไม่กระทบต่อความสามารถในการทำกำไร

“ปัจจุบัน” ผู้ผลิตรถยนต์จำนวนมากขึ้นเริ่มผลักภาระภาษีบางส่วนไปยังราคารถที่ขายปลีก โดยโตโยต้า มอเตอร์ ได้ปรับขึ้นราคารถยนต์ในสหรัฐในเดือนกรกฎาคม ซึ่งราคาเฉลี่ยของรถยนต์ภายใต้แบรนด์โตโยต้าเพิ่มขึ้น 270 ดอลลาร์ 

“หากถึงเวลาที่เหมาะสมที่ลูกค้ายอมรับ การขึ้นราคาเพิ่มเติมได้ เราก็จะทำ” ผู้บริหารโตโยต้ากล่าว

ซูบารุ ซึ่งพึ่งพาตลาดสหรัฐ คิดเป็นราว 70% ของยอดขายทั่วโลก ได้ปรับ “ขึ้นราคารถบางรุ่น” ในสหรัฐตั้งแต่เดือนมิถุนายนแล้ว โดยซูบารุประเมินว่า ภาษีนำเข้าจะส่งผลกระทบต่อกำไรลดลงราว 210,000 ล้านเยน สำหรับปีงบประมาณที่จะสิ้นสุดในเดือนมีนาคม 2026

“เราจะพิจารณาการตั้งราคาอย่างเป็นธรรมที่สะท้อนถึงคุณค่าของรถยนต์ของเรา” อัตสึชิ โอซากิ ประธานซูบารุ กล่าวในการแถลงผลประกอบการเมื่อวันที่ 7 สิงหาคม

ทั้งนี้ สหรัฐและญี่ปุ่นได้บรรลุข้อตกลงในเดือนกรกฎาคม เพื่อลดอัตราภาษีนำเข้ารถยนต์รวมลงเหลือ 15% แต่เวลาที่แน่ชัดในการปรับใช้นั้นยังไม่แน่นอน

“จุดยืนของเรายังคงชัดเจน” เรียวเซ อะกาซาวะ หัวหน้าผู้เจรจาการค้าของญี่ปุ่นกล่าวในการแถลงข่าวเมื่อวันศุกร์ “เราจะยังคงเรียกร้องให้ลดภาษีสำหรับรถยนต์และชิ้นส่วนรถยนต์ต่อไป”

 

อ้างอิง: nikkei