ชาร์จอีวี 5 นาที ไม่ทันใจ? จีนดันโมเดล ‘สลับแบตใหม่ใน 3 นาที’

ชาร์จไว 5 นาที อาจไม่ใช่คำตอบสุดท้ายของอีวีอีกต่อไป เมื่อ ‘การสลับแบตฯ’ ที่ทำได้ใน 3 นาที กำลังกลายเป็นนวัตกรรมใหม่ ที่ถูกผลักดันอย่างจริงจังโดย CATL และ Nio เป้าหมายคือ สร้างเครือข่ายสถานีสลับแบตฯ กว่า 30,000 แห่งทั่วประเทศ เพื่อปูทางแทนที่ปั๊มชาร์จอีวี
เดิมที การชาร์จแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า แม้จะประหยัดกว่ารถใช้น้ำมัน แต่ผู้ใช้จำเป็นต้องจอดรถทิ้งไว้หลายชั่วโมง กว่าที่แบตเตอรี่จะเต็ม ทว่าเมื่อเทคโนโลยีก้าวหน้า เวลาชาร์จก็ลดลงเหลือเพียงภายใน 1 ชั่วโมง และล่าสุด แบตเตอรี่รุ่นใหม่ของ CATL สามารถ “ชาร์จเต็มภายใน 5 นาที” แล้ววิ่งได้ไกลถึง 520 กิโลเมตร
อย่างไรก็ตาม ความก้าวหน้านี้ยังไม่ใช่จุดสิ้นสุด เพราะล่าสุดค่ายรถไฟฟ้า Nio ได้นำเสนอทางเลือกที่เร็วยิ่งกว่า นั่นคือ “การสลับแบตเตอรี่” แทนการชาร์จ โดยใช้เวลาเพียง “3 นาที” เร็วกว่าการเสียบชาร์จเสียอีก ซึ่งนวัตกรรมนี้ อาจกลายเป็นฟันเฟืองสำคัญในระบบนิเวศของยานยนต์ไฟฟ้าแห่งอนาคต
ที่สถานีสลับแบตเตอรี่ของ Nio ใกล้แม่น้ำหวงผู่ในนครเซี่ยงไฮ้ รถยนต์จะขับไปจอดเหนือพื้นโลหะแบบพับได้ จากนั้นแขนหุ่นยนต์จะถอดแบตเตอรี่ที่หมดแล้วออก และใส่แบตเตอรี่ที่ชาร์จเต็มเข้าไปแทนที่ โดยกระบวนการนี้ใช้เวลาเพียง 3 นาที และเป็นแบบอัตโนมัติทั้งหมด
ผู้สนับสนุนนวัตกรรมนี้ชี้ว่า เหมาะอย่างยิ่งกับเมืองที่มีประชากรหนาแน่นของจีน เนื่องจากคนส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในอพาร์ตเมนต์ที่ “ไม่มีจุดชาร์จส่วนตัว” อีกทั้งการเปลี่ยนแบตเตอรี่ ยังช่วยลดต้นทุนของรถยนต์ไฟฟ้าได้หลายพันดอลลาร์ เพราะผู้ขับขี่ไม่จำเป็นต้องเป็นเจ้าของแบตเตอรี่เอง
“สถานีสลับแบตฯ มีข้อได้เปรียบในเชิงสามารถเลือกใช้ไฟฟ้าในช่วงที่ราคาถูก (เช่น ตอนกลางคืน หรือช่วงที่ความต้องการไฟฟ้าต่ำ) มาบริหารจัดการได้ ซึ่งต่างจากการชาร์จเร็ว ที่ต้องมีการอัปเกรดระบบส่งไฟฟ้าที่มีราคาแพง” ตั้ว ฝู นักวิเคราะห์ภาคอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้าประจำเซี่ยงไฮ้จากบริษัทที่ปรึกษา Rystad Energy ให้มุมมอง
30,000 สถานีสลับแบตฯ เป้าใหญ่แทนที่ปั๊มชาร์จ
ในบรรดาผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า สตาร์ตอัป “Nio” ถือเป็นผู้บุกเบิกและเป็นผู้นำในการนำเทคโนโลยีการสลับแบตเตอรี่มาใช้ โดยมีสถานีให้บริการ “กว่า 3,000 แห่ง” ทั่วประเทศจีน
อย่างไรก็ตาม ผู้เล่นรายใหญ่ที่สุดที่กำลังผลักดันให้เกิดการใช้งานอย่างแพร่หลาย คือ “CATL” ซึ่งเป็นผู้ผลิตแบตเตอรี่รายใหญ่ที่สุดของโลก โดย CATL กำลังลงทุนอย่างมหาศาลในโครงสร้างพื้นฐานการสลับแบตเตอรี่ พวกเขามีแผนจะสร้างสถานีสลับแบตเตอรี่ “1,000 แห่ง” ในปีนี้ สำหรับรถยนต์นั่งส่วนบุคคล และมุ่งขยายเครือข่ายเป็น “ราว 10,000 แห่ง” ภายในปี 2028 เพื่อรองรับรถยนต์ 1 ล้านคันต่อวัน
นอกจากนี้ CATL ยังลงทุนในระบบเปลี่ยนแบตเตอรี่สำหรับรถบรรทุกหนัก โดยจะสร้าง 300 สถานีในปีนี้ และวางแผนเครือข่ายร่วมกับบริษัทปั๊มน้ำมัน Sinopec ครอบคลุม 150,000 กิโลเมตร ตามเส้นทางขนส่งสินค้าที่สำคัญ
หยาง จวิ้น ผู้บริหารฝ่ายสลับแบตเตอรี่ของ CATL ประเมินว่า จีนจำเป็นต้องมีสถานีสลับแบตเตอรี่ “ราว 30,000 แห่ง” ทั่วประเทศ เมื่อเทียบกับปั๊มน้ำมันราว 100,000 แห่งในปัจจุบัน
ด้านโรบิน เจิง ผู้ก่อตั้งและประธานของ CATL คาดหวังว่า ครึ่งหนึ่งของรถบรรทุกใหม่ทั้งหมดที่ขายในจีน จะเป็นรถยนต์ไฟฟ้าภายในปี 2028 และบริษัทเผยว่าจะทำงานร่วมกับกลุ่มรถเช่า CAR และบริษัทเช่าซื้อ CMB Financial Leasing เพื่อสร้างฝูงรถเช่า 100,000 คันที่มีแบตเตอรี่แบบถอดเปลี่ยนได้ อีกทั้ง CATL ยังวางแผนที่จะสร้างเครือข่ายการสลับแบตเตอรี่ในยุโรป และภูมิภาคอื่นๆ นอกประเทศจีนด้วย
ชาร์จเร็วกับสลับแบตฯ ไม่ใช่คู่แข่ง แต่ช่วยเสริมกัน
เหล่าผู้เชี่ยวชาญในภาคส่วนอีวีเชื่อว่า เทคโนโลยีเปลี่ยนแบตเตอรี่และการชาร์จเร็ว “จะไม่แย่งชิงกันเอง” ทั้งสองเทคโนโลยีสามารถหนุนเสริมซึ่งกันและกันได้ รวมถึงรัฐบาลจีน ก็สนับสนุนทั้งสองเทคโนโลยีเช่นกัน โดยคณะกรรมการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติจีนได้ประกาศว่า จะสร้างสถานีชาร์จเร็ว 100,000 แห่งภายในปี 2027
ยิ่งไปกว่านั้น รัฐบาลเซี่ยงไฮ้ยังเสนอเงินอุดหนุนให้บริษัทต่างๆ ครอบคลุมการลงทุนสูงสุด 40% ในสถานีสลับแบตเตอรี่อีกด้วย
คริสโตเฟอร์ โดลแมน นักวิเคราะห์จาก Institute for Energy Economics and Financial Analysis ระบุว่า การสลับแบตเตอรี่ เป็นส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนผ่านอย่างรวดเร็วไปสู่ ”รถบรรทุกไฟฟ้า” ในจีน ซึ่งจะเข้ามาแทนที่รถบรรทุกดีเซลและ LNG
แม้ว่ารถบรรทุกไฟฟ้าอาจมีค่าใช้จ่ายเริ่มต้นสูงกว่ารถบรรทุกดีเซล แต่จะมีราคาถูกลงตลอดอายุการใช้งาน
ขณะที่หวี่เชียน ติง หัวหน้าฝ่ายวิเคราะห์อุตสาหกรรมยานยนต์จีนของธนาคาร HSBC มองว่า “สเกล” คือปัจจัยสำคัญจริง ๆ พร้อมเสริมว่า โครงสร้างพื้นฐานสำหรับการสลับแบตเตอรี่ จะทำให้ CATL เหมือนกับเป็น “เจ้าของปั๊มน้ำมัน” รูปแบบใหม่
นี่อาจชี้ให้เห็นว่า CATL กำลังวางตำแหน่งตัวเองให้เป็น “ผู้เล่นสำคัญ” ในโครงสร้างพื้นฐานยานยนต์ไฟฟ้า ไม่ใช่แค่ผู้ผลิตแบตเตอรี่ แต่ยังสร้างสถานีสลับแบตฯ ที่จะกลายเป็น “โครงข่ายหลัก” ของการใช้รถอีวีในอนาคต เหมือนบริษัทน้ำมันที่กุมเครือข่ายปั๊มน้ำมัน ซึ่งจะทำให้บริษัทมีบทบาทและอิทธิพลต่อผู้ใช้รถจำนวนมาก
หากมีสถานีสลับแบตฯ กระจายครอบคลุมมากพอ (เหมือนปั๊มน้ำมัน) ก็อาจทำให้โมเดลธุรกิจนี้แข็งแรง และใช้งานได้จริงในวงกว้าง
เร็วจี๋แต่ไม่ง่าย ความจริงอีกด้านของสลับแบตฯ
แม้จะมีผู้สนับสนุนที่แข็งแกร่งอย่าง Nio และ CATL แต่ในด้านหนึ่ง ก็มีบริษัทอีวีจีนอย่าง “Xpeng” ที่เลือกจะไม่ใช้เทคโนโลยีนี้ ซึ่งเหอ เสี่ยวเผิง ผู้ร่วมก่อตั้งและซีอีโอของ Xpeng เปิดเผยว่า บริษัทได้พิจารณาเทคโนโลยีนี้มานาน 5 หรือ 6 ปี ก่อนที่จะตัดสินใจไม่ใช้ในปี 2023 โดยให้เหตุผลว่า การพัฒนาเทคโนโลยีแบตเตอรี่มีความสำคัญมากกว่า
หนึ่งในความท้าทาย คือ ไม่ใช่ว่ารถยนต์ไฟฟ้าทุกคันจะสามารถสลับแบตเตอรี่ได้ สถานีสลับแบตฯ จะต้อง “เข้ากันได้” กับระบบแบตเตอรี่ของรถ ดังนั้นมีเพียงบางรุ่นที่ออกแบบมาเพื่อรองรับเท่านั้นจึงจะสามารถสลับได้
ด้วยเหตุนี้ หากจะทำให้สถานีสลับแบตฯได้รับความนิยมมากขึ้นนั้น จะต้องอาศัยการที่ผู้ผลิตรถยนต์ยอมรับ “มาตรฐานแบตเตอรี่แบบเดียวกัน” เพื่อให้สามารถสลับแบตเตอรี่ได้อย่างอิสระมากขึ้น ตามที่จิง หยาง ผู้อำนวยการฝ่ายจัดอันดับเครดิตของบริษัทฟิทช์ เรตติ้งกล่าวไว้
อย่างไรก็ตาม เธอระบุว่าผู้ผลิตรถยนต์ยังไม่เต็มใจที่จะทำเช่นนั้น เนื่องจากการพัฒนาและครองเทคโนโลยีแบตเตอรี่ของตนเอง ถือเป็นหนทางสำคัญในการ “รักษาอิทธิพล” ของพวกเขาในอุตสาหกรรมนี้
แม้ว่าการสลับแบตเตอรี่จะดูเหมือนเป็นทางออกของความกังวลเรื่องระยะทางวิ่ง แต่ในปัจจุบันก็ยังไม่เป็นเช่นนั้นเสมอไป เจ้าของรถอีวี Nio รายหนึ่งที่สถานีสลับแบตฯ ใกล้ศูนย์กีฬาโอลิมปิกปักกิ่งเล่ากับผู้สื่อข่าวบีบีซีว่า แม้ขั้นตอนการสลับแบตฯ จะรวดเร็วมากก็จริง แต่สถานีสลับแบตฯ จำเป็นต้องมีแบตเตอรี่ที่ชาร์จเต็มพร้อมใช้อย่างสม่ำเสมอ และต้องมีคิวไม่มากเกินไป เพื่อเลี่ยงการรอคอยนาน
เขายังเล่าว่าครั้งหนึ่งตอนเดินทางไปชานเมือง เขาเกือบพลาดการประชุมสำคัญในเมือง เพราะที่สถานีไม่มีแบตเตอรี่ที่ชาร์จเต็มเหลืออยู่เลย
อ้างอิง: ft, bbc, กรุงเทพธุรกิจ







