'เวียดนาม' เดิมพันใหญ่ 10% GDP จะเป็นประเทศร่ำรวย 2045 'เสือตัวใหม่ของเอเชีย'

'เวียดนาม' เดิมพันใหญ่ 10% GDP จะเป็นประเทศร่ำรวย 2045 'เสือตัวใหม่ของเอเชีย'

'เวียดนาม' ประกาศลงทุนครั้งใหญ่ 1.5 ล้านล้านบาท ลุยโครงสร้างพื้นฐาน-อสังหาฯ 250 แห่งทั่วประเทศ มุ่งเป็นเสือเศรษฐกิจตัวใหม่ของเอเชีย ขอ 20 ปี จะเป็นประเทศรายได้สูงภายใน 2045

KEY

POINTS

  • เวียดนามประกาศแผนลงทุนโครงสร้างพื้นฐานครั้งใหญ่ มูลค่า 10% ของ GDP หรือราว 1.5 ล้านล้านบาท ผ่านโครงการกว่า 250 แห่งทั่วประเทศ
  • ตั้งเป้าหมายระยะยาวในการก้าวขึ้นเป็น "เสือเศรษฐกิจตัวใหม่ของเอเชีย" และเป็นประเทศที่มีรายได้สูงภายในปี 2045
  • การลงทุนครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของการปฏิรูปเศรษฐกิจครั้งใหญ่ เพื่อลดการพึ่งพาการส่งออก และกระตุ้นอุปสงค์ภายในประเทศ
  • แผนการลงทุนครอบคลุมโครงการหลากหลาย เช่น สนามบิน ทางหลวง ศูนย์วิจัย และพัฒนาเทคโนโลยีขั้นสูง และเมืองอัจฉริยะ

"เวียดนาม" ประกาศแผนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานครั้งใหญ่ มูลค่ามากถึง 10% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) หรือราว 1.5 ล้านล้านบาท เพื่อเป้าหมายการเติบโตของจีดีพี 8% ในปีนี้ที่เต็มไปด้วยความท้าทาย และเพื่อเป้าหมายระยะยาวสู่การเป็นเสือเศรษฐกิจตัวใหม่ของเอเชีย และเป็นประเทศรายได้สูงภายใน 2045

รัฐบาลฮานอย จะเปิดตัวโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน และที่อยู่อาศัย 250 โครงการทั่วประเทศ มูลค่ารวม 1.28 ล้านล้านดอง (ราว 1.5 ล้านล้านบาท) โดยเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามระดับชาติที่จะผลักดันจีดีพี 8% ตามเป้าหมายของรัฐบาล และบรรลุเป้าหมายการเติบโต "เลขสองหลัก" ในปีต่อๆ ไป

ที่ผ่านมา เศรษฐกิจของเวียดนามพึ่งพา "การส่งออก" และ "การลงทุนโดยตรงจากต่างชาติ" เป็นหลัก ทำให้มีความเปราะบางต่อแรงกระแทกจากปัจจัยภายนอก เช่น มาตรการเก็บภาษีตอบโต้ของประธานาธิบดีสหรัฐ โดนัลด์ ทรัมป์ ที่เพิ่งประกาศใช้ ล่าสุด ทำให้เวียดนามต้องลดความเสี่ยงดังกล่าวด้วยการกระตุ้นอุปสงค์ภายในประเทศผ่านการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน

'เวียดนาม' เดิมพันใหญ่ 10% GDP จะเป็นประเทศร่ำรวย 2045 'เสือตัวใหม่ของเอเชีย'

ก่อนหน้านี้เมื่อปลายปี 2567 พล.อ.โต เลิม เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์คนใหม่ของเวียดนาม ได้ประกาศการมาถึงของ "ยุคสมัยใหม่แห่งการพัฒนา" ซึ่งเป็นสัญญาณเริ่มต้นของการปฏิรูปเศรษฐกิจครั้งใหญ่ที่สุดในรอบหลายทศวรรษของเวียดนาม โดยตั้งเป้าที่จะเป็น "ประเทศรายได้สูง" ภายในปี 2045 และเป็นหนึ่งในกลุ่ม "เสือเศรษฐกิจของเอเชีย " ตามรอยเกาหลีใต้ และไต้หวัน

ทั้งนี้ รายได้เฉลี่ยต่อหัวต่อปีของเวียดนามถีบตัวขึ้นจาก 1,200 ดอลลาร์ในปี 1990 (2533) มาถึงระดับราว 16,385 ดอลลาร์ในปัจจุบัน (เฉพาะเมืองใหญ่ เช่น ฮานอย) โดยเป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงสู่การเป็น "ศูนย์กลางการผลิตระดับโลก" ซึ่งช่วยให้ผู้คนหลายล้านคนหลุดพ้นจากความยากจน 

อย่างไรก็ตาม แผนการยกระดับประเทศครั้งใหญ่ของเวียดนามก็ยังเต็มไปด้วยความท้าทายอีกมาก รวมถึงความจำเป็นในการปฏิรูปครั้งใหญ่ ประชากรสูงอายุ ภัยคุกคามจากสภาพภูมิอากาศ และสถาบันที่ล้าสมัย ในขณะที่โมเดลการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ "เน้นการส่งออก และมีต้นทุนต่ำ" กำลังชะลอตัวลง กระตุ้นให้ต้องเกิดการเปลี่ยนผ่านไปสู่อุตสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูง พลังงานสีเขียว และการขยายกิจการภาคเอกชน

เดิมพันครั้งใหญ่ลงทุนอะไรบ้าง

นิกเคอิเอเชียรายงานว่า จากโครงการทั้งหมด 250 แห่ง ในจำนวนนี้ 161 โครงการกำลังจะเริ่มก่อสร้าง ส่วนอีก 89 โครงการกำลังใกล้จะแล้วเสร็จ แต่รายงานไม่ได้ระบุรายละเอียดการลงทุนของโครงการใหม่ที่จะเริ่มก่อสร้างในสัปดาห์หน้า และในบรรดาโครงการทั้งหมดจะมีรายละเอียดแต่ละประเภทดังนี้ 

  • โครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่ง เช่น สนามบิน ทางรถไฟ ถนน และอื่นๆ 59 แห่ง
  • โครงการเกี่ยวกับอุตสาหกรรม 57 แห่ง
  • โครงการโครงสร้างพื้นฐานทางเทคนิค 36 แห่ง
  • โครงการบ้านจัดสรร 22 แห่ง
  • โครงการสาธารณูปโภคและเมือง 44 แห่ง

'เวียดนาม' เดิมพันใหญ่ 10% GDP จะเป็นประเทศร่ำรวย 2045 'เสือตัวใหม่ของเอเชีย'

สำหรับงบประมาณลงทุนในโครงการดังกล่าวซึ่งเป็นเงินมหาศาลสูงถึง 10% ของจีดีพีประเทศนั้น รัฐบาลจะจัดสรรเงินงบประมาณให้ 37% ของเงินทุนทั้งหมด หรือประมาณ 470 ล้านล้านดอง (ราว 5.8 แสนล้านบาท) ขณะที่อีก 63% จะมาจากแหล่งอื่นๆ

หนึ่งในโครงการที่โดดเด่น ได้แก่ ศูนย์วิจัยและพัฒนา (R&D) ของบริษัทโทรคมนาคม Viettel ที่ดำเนินการโดยกองทัพ ซึ่งจะมุ่งเน้นการวิจัยด้านอุปกรณ์ไฮเทค โดยเฉพาะเซมิคอนดักเตอร์ ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และดาต้า โดยโครงการนี้มีมูลค่าราว 10 ล้านล้านดอง (ราว 1.2 หมื่นล้านบาท)

ส่วนโครงการอื่นๆ ได้แก่ ศูนย์จัดแสดงนิทรรศการเวียดนามแห่งใหม่ของกลุ่มบริษัท Vingroup ของมหาเศรษฐีเบอร์ 1 ฝ่าม เญิ๊ต เวือง ซึ่งจะใช้เป็นสถานที่จัดงานอีเวนต์ระดับประเทศ งานแสดง และนิทรรศการต่างๆ

นอกจากนี้ ยังมีการเร่งเดินหน้าโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่อีกหลายรายการ อาทิ 

  • สะพาน Rach Mieu 2 มูลค่า 6.8 ล้านล้านดอง ที่เชื่อมจังหวัดด่งท้าป และจังหวัดหวิงลอง ทางตอนใต้ เตรียมเปิดให้สัญจรเร็วขึ้นกว่ากำหนดเดิม 4 เดือน
  • โรงพยาบาลโรคมะเร็งขนาด 1,000 เตียง ในจังหวัดเหงะอาน (Nghe An) ทางตอนกลางของประเทศ 
  • โครงการพลังงานลม มูลค่า 1.57 ล้านล้านดอง 
  • โครงการศูนย์การค้า และสวนสนุกในเมืองดานัง มูลค่า 79.8 ล้านล้านดอง

บริษัททั้งในประเทศ และบริษัทต่างชาติจะมีส่วนร่วมในโครงการลงทุนเหล่านี้ เช่น บริษัทการค้ายักษ์ใหญ่จากญี่ปุ่น Sumitomo Corp.  มีสัญญาก่อสร้างมูลค่า 4.2 พันล้านดอลลาร์ ในโครงการ North Hanoi Smart City โดยร่วมมือกับกลุ่มบริษัท BRG ของเวียดนาม โครงการสมาร์ตซิตี้ซึ่งล่าช้ามานานนี้จะผสานองค์ประกอบด้านพลังงาน การขนส่ง และการอยู่อาศัยเข้าด้วยกัน

นอกจากนี้ เวียดนามยังคาดว่าจะเริ่มเปิดดำเนินการ "สนามบินลองแถ่ง" (Long Thanh) ในจังหวัดด่งนาย ทางตอนใต้ของประเทศ ในเดือนธ.ค. 2568 นี้ ซึ่งจะเป็นสนามบินที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ โดยออกแบบมาเพื่อลดความแออัดที่สนามบิน ตันเซินเญิ้ต ในนครโฮจิมินห์ โครงการนี้ยังถูกเร่งให้เสร็จเร็วขึ้นกว่ากำหนดเดิมถึง 1 ปี

ขณะเดียวกัน รัฐบาลยังมีแผนจะเปิดให้บริการทางหลวงเส้นใหม่ระยะทางยาวถึง 3,000 กิโลเมตร ภายในปลายปีนี้ด้วย

ทั้งนี้ เวียดนามภายใต้ผู้นำสูงสุดคนใหม่ กำลังดำเนินการปฏิรูปครั้งใหญ่ที่สุดในรอบเกือบสี่ทศวรรษ โดยรัฐบาลกำลังเร่งรัดการก่อสร้างโครงการโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ เช่น สนามบิน ทางรถไฟ และทางหลวง

หนึ่งในเสาหลักของการปฏิรูป ได้แก่ ข้อมติที่ 68 (Resolution 68) ซึ่งมุ่งส่งเสริม "ภาคเอกชนของเวียดนาม" หลังจากก่อนหน้านี้ถูกบดบังด้วยรัฐวิสาหกิจ ด้วยจะมีการมอบแรงจูงใจและการสนับสนุนเพิ่มเติมแก่บริษัทเอกชนเหล่านี้ เพื่อพัฒนาและปลดล็อกการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ

 

 

ที่มา: Nikkei Asia, AP

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์