มาริษสรุปผลประชุม MLC -ทวิภาคี 'แจงปัญหากัมพูชา' จีนหนุนเก็บกู้ทุ่นระเบิด

การประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศกรอบความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง (Mekong-Lancang Cooperation หรือ MLC) ครั้งที่ 10 ที่เมืองอันหนิง มณฑลยูนนาน สาธารณรัฐประชาชนจีน ที่ไทยเป็นประธานร่วมกับจีนปิดฉากลงอย่างสวยงาม เมื่อวันที่ 15 ส.ค. ไทยเตรียมเป็นเจ้าภาพการประชุมผู้นำในเดือน ธ.ค. นี้
KEY
POINTS
- นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รมว.ต่างประเทศ สรุปผลการประชุม MLC และการหารือทวิภาคี โดยได้ชี้แจงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาให้ประเทศสมาชิกรับทราบ
- ไทยเรียกร้องให้ประชาคมโลกสนับสนุนและกดดันให้กัมพูชาร่วมมือในการเก็บกู้ทุ่นระเบิดอย่างเป็นรูปธรรม หลังทหารไทยได้รับบาดเจ็บจากการเหยียบกับระเบิดถึง 5 ครั้ง
- จีน โดยนายหวัง อี้ แสดงจุดยืนสนับสนุนไทยอย่างชัดเจน และพร้อมให้ความช่วยเหลือทั้งด้านเทคโนโลยีและร่วมกดดันให้กัมพูชาร่วมมือเก็บกู้ทุ่นระเบิด
การประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศ กรอบความร่วมมือ แม่โขง-ล้านช้าง (Mekong-Lancang Cooperation) หรือ MLC ครั้งที่ 10 ที่เมืองอันหนิง มณฑลยูนนาน สาธารณรัฐประชาชนจีน ที่ไทยเป็นประธานร่วมกับจีนปิดฉากลงอย่างสวยงาม เมื่อวันที่ 15 ส.ค. ไทยเตรียมเป็นเจ้าภาพการประชุมผู้นำในเดือน ธ.ค. นี้
มาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศไทยในฐานะเจ้าภาพร่วมกับ หวังอี้ สมาชิกกรมการเมือง ผู้อํานวยการสำนักงานคณะกรรมการกลางด้านกิจการต่างประเทศพรรคคอมมิวนิสต์จีน และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน สรุปผลการประชุมได้ว่า MLC ซึ่งประกอบด้วย ประเทศในลุ่มแม่น้ำโขง ทั้งหมด ได้แก่ จีน เมียนมา ไทย ลาว กัมพูชา และเวียดนาม ปีนี้ครบรอบสิบปีของความร่วมมือ ถือเป็นหนึ่งในกลุ่มอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขงที่มีพลวัตมากที่สุด ไม่เพียงแค่ด้านเศรษฐกิจแต่ครอบคลุมทุกมิติ ความร่วมมือส่งผลต่อการพัฒนาอย่างยั่งยืนไปถึงประชาชนและอนุภูมิภาค
ความท้าทายของ MLC
ด้วยความท้าทายทั้งด้านภูมิรัฐศาสตร์และภูมิเศรษฐกิจ ทุกประเทศจึงให้คํามั่นสัญญาและแสดงความพร้อมร่วมมือกันเพื่อเอาชนะการเปลี่ยนแปลงและความไม่แน่นอนในบริบทโลก รมว.ต่างประเทศไทยเสนอให้ MLC ร่วมมือกันให้มากยิ่งขึ้นเพื่อต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
โดยนำเสนอประเด็นให้ที่ประชุมพิจารณาดังต่อไปนี้
1) ความร่วมมือด้านความมั่นคงมนุษย์ เกี่ยวข้องกับหลายมิติ ไม่ว่าจะเป็นอาชญากรรมข้ามพรมแดน ยาเสพติด หลอกลวงออนไลน์ การค้ามนุษย์ ยาเสพติด “ทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่บั่นทอนความเจริญของภูมิภาค” สร้างความเสียหายต่อผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน
ข้อเสนอด้านนี้ของไทยมาควบคู่กับ การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ สืบเนื่องจากโลกเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์เป็นหนึ่งในปัจจัยสําคัญที่จะทําให้ประเทศในภูมิภาคลุ่มน้้ำโขง โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศไทยสามารถก้าวไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืนได้ในท้ายที่สุด
2) การบริหารจัดการน้ำ เดิมทีการบริหารจัดการน้ำเพื่อแก้ไขปัญหาน้ำแล้งน้ำท่วม แต่ปัจจุบันโลกพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว เกิดสารปนเปื้อนลงแม่น้ำ เอ็มแอลซีต้องร่วมมือกันบริหารจัดการน้ำท่วม น้ำแล้ง และป้องกันไม่ให้สารปนเปื้อนลงสู่แม่น้ำโดยเฉพาะลุ่มน้ำโขง
3) ความร่วมมือเพื่อรองรับและแสวงหาโอกาสจากการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี โดยจีน เวียดนาม และไทยซึ่งมีความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีจะเป็นผู้เล่นหลัก การพัฒนาเทคโนโลยีจะเป็นต้นน้ำของห่วงโซ่อุปทานและห่วงโซ่มูลค่า
“เพราะฉะนั้นการที่เรามีการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ จะทําให้เราสามารถรองรับในการเปลี่ยนแปลงแล้วก็พัฒนาเทคโนโลยีซึ่งมีความสําคัญกับการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศชาติต่อไป”
4) ส่งเสริมให้มีความเชื่อมโยงมากขึ้น ระหว่างความร่วมมือในกรอบ MLC กับ ยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจอิรวดี-เจ้าพระยา-แม่โขง (Ayeyawady-Chao Phraya-Mekong Economic Cooperation Strategy หรือ ACMECS) คณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง (Mekong River Commission หรือ MRC) และอาเซียน
“เป็นการรวมทรัพยากร รวมองค์ความรู้กับแพลตฟอร์มที่มีอยู่แล้ว และกระชับความร่วมมือ สร้างองค์ความรู้ใหม่สอดคล้องกับความประสงค์ของประเทศในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง” มาริษกล่าวและว่า ในโอกาสนี้ตนได้เสนอต่อที่ประชุมไทยเป็นเจ้าภาพการประชุมผู้นำ MLC ครั้งที่ 5 ในเดือน ธ.ค. ซึ่งหลายประเทศตอบรับมาแล้ว
หารือทวิภาคีทุกประเทศ
ในการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศที่เมืองอันหนิง มาริษยังได้ประชุมทวิภาคีกับ ประเทศสมาชิก MLC ทุกประเทศ เริ่มตั้งแต่พบกับ หวัง อี้ หารือเรื่องการแลกเปลี่ยนการเยือนระดับสูง การบริหารจัดการน้ำ อากาศเสีย ฝุ่น PM 2.5 โดยเสนอให้การบริหารจัดการสารปนเปื้อนในแม่น้ำกกเป็นกรณีศึกษาของ MLC เพื่อหาความร่วมมือที่ชัดเจนนำไปสู่การแก้ปัญหาอย่างเป็นรูปธรรม
ในเรื่องสารพิษจากการทำเหมืองแร่ปนเปื้อนแหล่งน้ำ มาริษยังได้หารือตาน ส่วย รัฐมนตรีต่างประเทศเมียนมาด้วย แต่เนื่องจากเมียนมามีข้อจำกัด
"ประเทศไทยพร้อมช่วยเหลือประเทศเมียนมาทางด้านเทคโนโลยีและองค์ความรู้ ซึ่งตรงนี้ผมก็ได้พูดคุยกับท่านหวังอี้ด้วย ท่านก็พร้อมที่จะให้ความช่วยเหลือ" มาริษกล่าว
กับประเทศลาวได้หารือกันเรื่องการแลกเปลี่ยนการเยือนระดับสูง และการเปิดมิตรภาพไทย-ลาวแห่งที่ 5 ที่จังหวัดบึงกาฬ ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จเร็วๆ นี้ แสดงให้เห็นมิตรภาพอันแน่นแฟ้นระหว่างกัน
การหารือทวิภาคีกับเวียดนาม มาริษระบุว่า มีความสนิทสนมกับบุ่ย แทงห์ เซิน รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเวียดนามเป็นพิเศษ พูดคุยกันเรื่องความร่วมมือเพื่อพัฒนาความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ได้อย่างเป็นรูปธรรม โดยภาครัฐสนับสนุนให้ภาคเอกชนร่วมมือกันอย่างจริงจัง โดยเฉพาะในด้านเอไอ, ดาตาเซ็นเตอร์ และเซมิคอนดักเตอร์ ที่บริษัทเวียดนามอยู่ในห่วงโซ่คุณค่าไฮเทคโนโลยีอยู่แล้ว สองประเทศจึงมีโอกาสใช้ซัพพลายเชนร่วมกัน
แจงทุกประเทศไทยถูกกัมพูชาละเมิดอธิปไตย
มาริษย้ำว่า ได้ใช้เวทีทวิภาคีชี้แจง สถานการณ์ไทย-กัมพูชา ให้ทุกประเทศเข้าใจ ว่าปัญหาเกิดจากไทยถูกกัมพูชาละเมิดอำนาจอธิปไตยมาโดยตลอด สุดท้ายจำเป็นต้องปะทะกันทำให้เกิดความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ประชาชนในประเทศไทย
"ผมได้อธิบายให้ฟังเรื่องที่กัมพูชาเปิดฉากโจมตีเราโดยใช้ long range rocket โจมตีเป้าหมายพลเรือน ละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ เพราะเป็นอาวุธร้ายแรง ไม่ใช่อาวุธสำหรับป้องกันตัว" ขณะที่ไทยตอบโต้ในสัดส่วนที่จำกัดเพื่อป้องกันตนเอง ซึ่งไทยปฏิบัติตามกฎหมายระหว่างประเทศอย่างเคร่งครัด
"และในท้ายที่สุดแล้ว การใช้นโยบายการตอบโต้อย่างจํากัด และได้สัดส่วนของทหารก็ส่งผลให้กัมพูชายอมรับ ที่จะมาสู่ข้อเรียกร้องของประเทศไทยมาโดยตลอดนั่นคือการใช้เวทีการเจรจาทวิภาคี" สิ่งนี้เกิดขึ้นได้เพราะไทยใช้ทั้งยุทธศาสตร์การต่างประเทศและการทหาร ปฏิบัติการร่วมกันจนสามารถกดดันกัมพูชากลับสู่โต๊ะเจรจาได้สำเร็จ ซึ่งทั้งไทยและกัมพูชามีกลไกทวิภาคี JBC, RBC และ GBC ที่สองประเทศต้องยึดถือ
ทหารไทยเหยียบกับระเบิดครั้งที่ 5
รัฐมนตรีต่างประเทศยังชี้แจงกับทุกประเทศเรื่องที่ทหารไทยเหยียบกับระเบิดสังหารบุคคลเป็นครั้งที่ 5 ที่กัมพูชาลอบเข้ามาวาง ทหารบาดเจ็บสูญเสียอวัยวะซึ่งเป็นสิ่งที่ประเทศไทยรับไม่ได้
"ผมก็ได้เรียกร้องให้นานาประเทศสนับสนุนการที่เราจะผลักดันให้กัมพูชาต้องมาให้ความร่วมมือในเรื่องของการเก็บกู้ทุ่นระเบิดให้เป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น"
ทั้งนี้ รัฐบาลไทยตั้งแต่สมัยนายกรัฐมนตรีเศรษฐา ทวีสิน และนายกรัฐมนตรีแพทองธาร ชินวัตร เรียกร้องทุกครั้งที่ไปเยือนอย่างเป็นทางการให้กัมพูชาร่วมมือเก็บกู้ทุ่นระเบิดแต่ยังไม่เป็นผล การที่ทหารไทยเหยียบกับระเบิด 5 ครั้ง บั่นทอนความรู้สึกของคนไทย
รัฐบาลไทยขอให้ประชาคมโลกช่วยกันกดดันเพื่อให้กัมพูชา มาให้ความร่วมมืออย่างจริงจังกับประเทศไทยในการเก็บกู้ทุ่นระเบิด
เก็บกู้ทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรม
จากการพูดคุยกับรัฐมนตรีต่างประเทศ MLC ทุกประเทศเห็นพ้องว่า การเก็บกู้ทุ่นระเบิด ไม่ได้เป็นเพียงแค่ประเด็นการเมือง แต่เป็นเรื่องของมนุษยธรรม ประชาคมโลกจึงสนับสนุนจุดยืนของไทย จีนเองก็ให้การสนับสนุนอย่างมาก
กดดันกัมพูชาร่วมมือไทยเก็บกู้ทุ่นระเบิด
มาริษกล่าวต่อไปว่า หวัง อี้ เชิญ ไทย-กัมพูชา ประชุมจิบน้ำชากันเมื่อวันที่ 14 ส.ค. โดยตนได้ให้ข้อมูลเรื่องการประชุม GBC สมัยพิเศษที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ของมาเลเซีย และ "แสดงให้เห็นถึงความสําเร็จของประเทศไทยที่จะที่ได้ดึงเอากัมพูชากลับมานั่งโต๊ะเจรจาทวิภาคี ร่วมกับประเทศไทยเพื่อหาทางออกที่จะแก้ปัญหาสองฝ่าย"
ในเวทีนี้มาริษได้ยกประเด็นเรื่องทหารไทยเหยียบกับระเบิดถึง 5 ครั้งมาพูดด้วยเช่นกัน
"ซึ่งท่านหวังอี้ก็พูดชัดเจนนะครับว่าประเทศจีน พร้อมที่จะสนับสนุนและเห็นด้วยเป็นอย่างมากในจุดยืนของประเทศไทย และในเป้าหมายของประเทศไทยที่ต้องการเก็บกู้ทุ่นระเบิดอย่างเต็มที่เพื่อให้มีความปลอดภัยตามบริเวณชายแดน" ขณะเดียวกัน หวังอี้ได้แสดงความพร้อมให้ความช่วยเหลือด้านเทคโนโลยี องค์ความรู้ และเรื่องต่างๆ ทุกมิติ เพื่อสนับสนุนประเทศไทยเก็บกู้
"โดยเฉพาะยิ่งสนับสนุนให้กดดันให้กัมพูชาเข้ามามีส่วนร่วมให้ความร่วมมือกับฝ่ายไทยในการเก็บกู้ทุ่นระเบิดทั้งหมดโดยเร็ว"
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 15 ส.ค. กระทรวงการต่างประเทศได้จัดการบรรยายสรุปให้แก่คณะทูตและผู้แทนองค์กรระหว่างประเทศเกี่ยวกับกรอบอนุสัญญาออตตาวา มาริษกล่าวว่า ตนได้ส่งคลิปวีดิโอไปเปิดการประชุมเพื่อแสดงให้ประชาคมโลกเห็นถึงความพยายามลดความขัดแย้งของประเทศไทย ตามด้วยการนำคณะทูตานุทุตลงพื้นที่ในวันเสาร์ (16 ส.ค.) เพื่อให้ประชาคมโลกได้ first hand information ว่า ไทยพยายามแก้ไขปัญหาอย่างสันติวิธีแล้วประชาคมโลกจะได้ช่วยกันกดดันกัมพูชาแสดงความจริงใจแก้ไขปัญหาต่อไป







