ครูดีเด่นแห่งปีกับห้องเรียนที่ บิล เกตส์ ชอบ | บ้านเขาเมืองเรา

ครูดีเด่นแห่งปีกับห้องเรียนที่ บิล เกตส์ ชอบ | บ้านเขาเมืองเรา

บิล เกตส์เป็นอภิมหาเศรษฐีที่สนใจหลายด้าน หนึ่งในนั้นได้แก่การศึกษา ทุกปีเขามีกำหนดไปเยี่ยมห้องเรียนและพูดคุยกับครูผู้ได้รับการคัดเลือกเป็นครูดีเด่นแห่งปีของรัฐวอชิงตันอันเป็นรัฐบ้านเกิดของเขา

ปีนี้เขามีความตื่นเต้นเป็นพิเศษจากการไปเยี่ยมและพูดคุยแบบนั้น จึงได้นำมาเผยแพร่ไว้ในเว็บไซต์ชื่อ Gates Notes

ความตื่นเต้นเป็นพิเศษของบิล เกตส์เกิดจากหลายปัจจัย หนึ่งในนั้นได้แก่ส่วนหนึ่งของนักเรียนที่เขาไปพบในห้องเรียนทำให้เขานึกถึงตัวเองเมื่อสมัยวัยเด็ก บิล เกตส์จะอายุครบ 70 ปีในอีก 2 เดือนข้างหน้า จึงนับได้ว่าเขาเป็นผู้สูงวัยที่ไม่ต่างกับผู้สูงวัยโดยทั่วไปที่มักตกอยู่ในภาวะ “ผู้เฒ่าชอบเล่าความหลัง”

บิล เกตส์เล่าว่า ในห้องเรียนที่เขาไปเยี่ยมมีเด็กแบบเดียวกับเขาคือ นั่งนิ่ง ๆ ไม่ได้ ต้องเคลื่อนไหวไปมา ไม่ว่าจะเป็น การขยับตัว หรือบิดตัวในขณะที่นั่งเรียนและบางทีเอาด้านหนึ่งของดินสอ หรือขาแว่นตาใส่ปากกัดเล่นไปด้วย

พฤติกรรมของเขาครูรับไม่ได้ จึงทำให้ถูกดุหรือถูกลงโทษเสมอ ตรงข้ามกับห้องเรียนชั้นอนุบาลที่เขาไปเยี่ยม ซึ่งครูผู้สอนไม่เพียงแต่จะรับได้เท่านั้น หากยังปรับห้องเรียนและการเรียนการสอนให้เหมาะกับเด็กอีกด้วย 

ในห้องเรียนนั้น นอกจากจะมีเด็กปกติโดยทั่วไปและเด็กแบบนั่งนิ่ง ๆ ไม่ได้แล้ว ยังมีเด็กที่ปราดเปรื่องเป็นพิเศษและเด็กที่ต้องการความดูแลเป็นพิเศษรวมอยู่ด้วย ไม่ว่าจะเป็น เด็กที่พูดไม่ได้ เด็กที่มีปัญหาด้านการเรียนภาษา เด็กที่พูดได้หลายภาษา หรือเด็กที่มีการพัฒนาทางสมองไม่ปกติ

บิล เกตส์ เล่าว่า โรงเรียนชั้นประถมแห่งนั้นเพิ่งเปิดมาได้ 5 ปีและมีชั้นเรียนแบบเดียวกันจากระดับอนุบาลถึงชั้นประถมปีที่ 5 หลังเปิดได้ไม่นาน ครูใหญ่ของโรงเรียนก็ได้รับการเชิดชูให้เป็นครูใหญ่ชั้นประถมดีเด่นของรัฐวอชิงตัน โรงเรียนนั้นมีเด็กหลากหลายแบบเช่นเดียวกับโรงเรียนทั่วไป

วิธีจัดห้องเรียนและการเรียนการสอนเท่านั้นที่ไม่เหมือนใคร กล่าวคือ ในโรงเรียนทั่วไป เด็กที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษจะต้องออกจากห้องเรียนไปเรียนกับผู้เชี่ยวชาญด้านต่าง ๆ แต่ห้องเรียนที่บิล เกตส์ไปเยี่ยม ผู้เชี่ยวชาญด้านต่าง ๆ เข้ามาร่วมสอนในห้อง 

วิธีดังกล่าวมีผลดีหลายอย่างรวมทั้งเด็กอื่นก็ได้เรียนรู้สิ่งต่าง ๆ กว้างขึ้นด้วย การที่เด็กพิเศษไม่ต้องออกจากห้องเรียนทำให้พวกเขาไม่เสียเวลาระหว่างเปลี่ยนห้องเรียน

ห้องเรียนนั้นมีอุปกรณ์ประกอบการเรียนการสอนที่แตกต่างกับห้องเรียนโดยทั่วไป เช่น มีตุ๊กตาไร้เสียงให้เด็กบางคนเล่นในขณะเรียน มีเก้าอี้ที่ปลอดภัยสำหรับเด็กที่อยู่นิ่ง ๆ ไม่ได้ และดินสอที่มีปลอกสวมไว้ที่ปลายข้างหนึ่งให้เด็กกัดเล่นโดยไม่ต้องกังวลเรื่องอันตราย

การจัดห้องเรียนแบบนั้นได้ผลดีมาก เนื่องจากผลการทดสอบปรากฏว่า นักเรียนของโรงเรียนดังกล่าวทำคะแนนด้านการอ่านและด้านการคิดเลขได้สูงกว่าค่าเฉลี่ยของผลทดสอบทั่วไปทั้งในระดับท้องถิ่นและในระดับรัฐ ยิ่งกว่านั้น ผลดีที่อาจสำคัญสูงสุดแต่อาจมองไม่เห็นได้ง่ายได้แก่

เด็กที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษไม่รู้สึกมีปมด้อยเพราะถูกมองว่าประหลาดโดยเด็กอื่นซึ่งมิได้มองพวกเขาเช่นนั้นอยู่แล้ว เด็กเรียนรู้และเข้าอกเข้าใจในความแตกต่างของเพื่อนร่วมชั้น ซึ่งจะเป็นฐานอันดีสำหรับการดำเนินชีวิตต่อไป

ในการไปเยี่ยมโรงเรียนดังกล่าว บิล เกตส์พบอย่างเดียวที่ทำให้เขากังวลใจได้แก่ โรงเรียนเปิดสอนถึงชั้น ป. 5 หลังจากนั้นเด็กต้องไปเรียนต่อในโรงเรียนระดับชั้นประถมปลาย 3 ปีก่อนที่จะไปเรียนในชั้นมัธยม

โรงเรียนชั้นประถมปลายเป็นช่วงเปลี่ยนผ่านสำคัญมากเนื่องจากเด็กเริ่มเข้าวัยรุ่น หากสิ่งที่พวกเขาได้ในชั้นประถมต้นไม่ได้รับการตอกย้ำ ผลดีที่ได้อาจสูญหายไปในช่วงนั้น ส่วนเขาเองจะทำอย่างไร หรือไม่ บิล เกตส์ไม่ได้บอก

จากการเล่าของบิล เกตส์ ห้องเรียนดังกล่าวคงจะเป็นห้องเรียนเพียงในฝันของชาวโลกส่วนใหญ่เท่านั้น เนื่องจากมันต้องใช้ทรัพยากรหายาก โดยเฉพาะครูที่มีทั้งความรอบรู้และความทุ่มเทให้แก่การเรียนการสอนในห้องของตน.