'จีน-อินเดีย' ฟื้นเจรจาค้าชายแดนในรอบ 5 ปี 'ทรัมป์' ทำเอเชียต้องหันหน้าคุยกัน

สองยักษ์เศรษฐกิจเอเชีย 'จีน-อินเดีย' ฟื้นเจรจาการค้าชายแดนในรอบ 5 ปี หลังหยุดไปนาน เพราะเหตุปะทะเดือดตามแนวชายแดน ปัจจัย 'ทรัมป์' กดดันทำเอเชียต้องหันหน้าคุยกัน
บลูมเบิร์ก รายงานว่า "อินเดีย" และ "จีน" สองชาติมหาอำนาจเศรษฐกิจแห่งเอเชีย กำลังหารือกันเรื่องการกลับมา "เปิดการค้าชายแดน" สินค้าที่ผลิตในประเทศกันอีกครั้งหลังจากผ่านไปกว่า 5 ปี ซึ่งถือเป็นความคืบหน้าล่าสุดของการก้าวไปอย่างช้าๆ ทว่ามั่นคง ในการคลี่คลายความตึงเครียดที่มีมาอย่างยาวนานระหว่างสองประเทศนี้
แหล่งข่าวในกรุงนิวเดลี ระบุว่า ทั้งสองฝ่ายได้เสนอให้กลับมาเปิดการค้าชายแดนผ่านจุดที่กำหนดร่วมกัน โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการหารือทวิภาคีกันอยู่ แต่ยังไม่มีการเปิดเผยอย่างเป็นทางการ
ด้านกระทรวงต่างประเทศจีนแถลงในวันนี้ (14 ส.ค.68) ว่า ปักกิ่งยินดีที่จะเพิ่มการสื่อสาร และการประสานงานกับอินเดียในเรื่องนี้ และตอบคำถามบลูมเบิร์กเพียงว่า การค้าชายแดนระหว่างจีนกับอินเดียมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนที่อาศัยอยู่ตามแนวชายแดนของทั้งสองประเทศมาอย่างยาวนาน ขณะที่กระทรวงต่างประเทศของอินเดียไม่ได้ตอบคำถามในเรื่องนี้
ค้าชายแดนหยุดไป 5 ปี หลังปะทะเดือดที่หิมาลัย
จีน และอินเดียมีการค้าขายชายแดนกันมาเป็นเวลากว่า 30 ปีแล้ว โดยเป็นสินค้าที่ผลิตในประเทศ เช่น เครื่องเทศ พรม เฟอร์นิเจอร์ไม้ อาหารสัตว์ เครื่องปั้นดินเผา พืชสมุนไพร เครื่องใช้ไฟฟ้า และขนสัตว์ ผ่านจุดที่กำหนดไว้ 3 จุด ตามแนวชายแดนเทือกเขาหิมาลัยที่เป็นข้อพิพาทกัน ยาว 3,488 กิโลเมตร แต่มูลค่าการค้าค่อนข้างน้อย โดยข้อมูลจากทางการมีการประเมินไว้แค่เพียง 3.16 ล้านดอลลาร์ ในปีงบประมาณ 2560-2561
จุดค้าชายแดนเหล่านี้ "ถูกปิดตัวลง" ในช่วงการระบาดของโควิด-19 ซึ่งตรงกับช่วงเวลาที่ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศถดถอยลงอย่างรวดเร็ว หลังจากการปะทะกันที่ชายแดนในเทือกเขาหิมาลัย ทำให้มีทหารอินเดียเสียชีวิต 20 นาย และทหารจีนเสียชีวิตอย่างน้อย 4 นาย ซึ่งการปะทะเดือดในปี 2563 ครั้งนั้น นับเป็นความรุนแรงระหว่าง สองประเทศครั้งแรกในรอบ 45 ปี
กลับมาดีกันอีกครั้งในยุคทรัมป์ 2.0
แผนการกลับมาเปิดการค้าชายแดนกันอีกในครั้งในรอบ 5 ปี เป็นอีกหนึ่งสัญญาณที่บ่งชี้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศเพื่อนบ้านกำลังค่อยๆ ดีขึ้น หลังจากที่พยายามดำเนินการเพื่อยุติความตึงเครียดบริเวณชายแดนกันเมื่อปีที่แล้ว
บลูมเบิร์กรายงานก่อนหน้านี้ว่า จีนและอินเดียเตรียมกลับมาเปิดให้บริการ "เที่ยวบินตรง" อีกครั้งในเดือนก.ย. ที่จะถึงนี้ ขณะที่ปักกิ่งได้ผ่อนคลายข้อจำกัดในการขนส่งปุ๋ยบางรายการไปยังอินเดีย
และในเดือนส.ค. นี้ นายกรัฐมนตรี "นเรนทรา โมดี" คาดว่าจะเดินทางเยือนจีนเป็นครั้งแรกในรอบ 7 ปี เพื่อเข้าร่วมการประชุมสุดยอดของกลุ่มความร่วมมือเซี่ยงไฮ้ (SCO) ซึ่งเป็นกลุ่มความมั่นคงระดับภูมิภาคที่นำโดยปักกิ่ง และคาดว่าโมดีจะหารือทวิภาคีกับประธานาธิบดี "สี จิ้นผิง" นอกรอบการประชุมด้วย
จีนยังเตรียมส่งเจ้าหน้าที่ระดับสูงเยือนนิวเดลีในสัปดาห์หน้า โดย "หวัง อี้" รัฐมนตรีต่างประเทศของจีน 8 คาดว่าจะเป็นผู้เดินทางไปยังนิวเดลีในวันที่ 18 ส.ค.68 นี้ ซึ่งเป็นการเดินทางเยือนนิวเดลีครั้งแรกในรอบกว่า 3 ปี และคาดว่าจะได้พบกับ อาจิต โดวาล ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติ และ สุพรหมณยัม ชัยศังกระ รัฐมนตรีต่างประเทศของอินเดีย
ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศเริ่มกลับมาเป็นปกติอีกครั้ง ท่ามกลาง "ความสัมพันธ์ที่ย่ำแย่ลง" ระหว่างนิวเดลี และประธานาธิบดีสหรัฐ โดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งได้กำหนดอัตราภาษีนำเข้าสินค้าอินเดียไปยังสหรัฐที่ 50% ซึ่งเป็นอัตราสูงที่สุดที่เรียกเก็บกับประเทศคู่ค้า เช่นเดียวกับบราซิล และเป็นอัตราที่สูงกว่าเท่าตัวเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคเดียวกัน
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์







