หนี้ Evergrande สูงเกินคาด! แตะ 1.4 ล้านล้านบาท เตรียมถูกถอนจากตลาดหุ้น 25 ส.ค.นี้

หนี้ Evergrande สูงเกินคาด! แตะ 1.4 ล้านล้านบาท เตรียมถูกถอนจากตลาดหุ้น 25 ส.ค.นี้

‘เอเวอร์แกรนด์’ ยังจมวิกฤติหนี้ หลังยอดหนี้พุ่งทะลุ 1.4 ล้านล้านบาท พร้อมเผชิญข้อเรียกร้องชำระหนี้กว่า 187 รายการ ท่ามกลางโครงสร้างองค์กรซับซ้อน และกำลังนับถอยหลังถูกเพิกถอนจากตลาดหุ้นฮ่องกง

สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ในขณะนี้ หนี้สินของบริษัท “ไชน่าเอเวอร์แกรนด์กรุ๊ป” (China Evergrande Group) มีมูลค่าสูงกว่าที่ประเมินไว้ก่อนหน้านี้มาก โดยอยู่ที่ 45,000 ล้านดอลลาร์ หรือราว 1.4 ล้านล้านบาท เนื่องจาก “การปรับโครงสร้างครั้งใหญ่แบบครบวงจร” ของ บริษัทอสังหาริมทรัพย์จีนรายนี้ ถูกมองว่าเป็นไปได้ยาก ตามรายงานของผู้ชำระบัญชีที่ศาลแต่งตั้ง

ตอนนี้ บริษัทกำลังเผชิญกับข้อเรียกร้องให้ชำระหนี้จำนวน 187 รายการ ซึ่งรวมมูลค่าหนี้สูงกว่าหนี้สิน 27,500 ล้านดอลลาร์ที่เปิดเผยในงบการเงินเดือนธันวาคม 2022 อย่างมาก อีกทั้งตัวเลขใหม่นี้ “ยังไม่ถือเป็นที่สุด” เนื่องจากอาจมีการยื่นข้อเรียกร้องใหม่เพิ่มเติม และทุกข้อเรียกร้องจะต้องผ่านการตรวจสอบอย่างเป็นทางการ

นับตั้งแต่ที่เอ็ดเวิร์ด มิดเดิลตัน และทิฟฟานี หว่อง จากบริษัท Alvarez & Marsal ได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้ชำระบัญชีในเดือนมกราคม 2024 

ทั้งคู่ได้ดำเนินการตรวจสอบเอกสาร และเปิดเผยโครงสร้างองค์กรที่ซับซ้อน เพื่อช่วยให้เจ้าหนี้สามารถกู้คืนเงินได้ โดยพวกเขากล่าวว่า มีการเข้าควบคุมบริษัทที่เกี่ยวข้องกับเอเวอร์แกรนด์มากกว่า 100 แห่ง ซึ่งทั้งหมดมีมูลค่ารวมกัน 27,000 ล้านดอลลาร์ฮ่องกง

ตามคำกล่าวของผู้ชำระบัญชี ภารกิจครั้งนี้ถือเป็นงานมหึมา เนื่องจากเอเวอร์แกรนด์ประกอบด้วยนิติบุคคลมากถึง 3,000 แห่งในหลายเขตอำนาจศาล รวมถึงมีโครงการที่อยู่ระหว่างการพัฒนาราว 1,300 โครงการในกว่า 280 เมือง โดยไชน่าเอเวอร์แกรนด์เคยผิดนัดชำระหนี้ครั้งแรกในปี 2021 ส่งแรงสั่นสะเทือนไปทั่วตลาดอสังหาริมทรัพย์ของจีน ซึ่งจนถึงตอนนี้ก็ยังอยู่ในกระบวนการฟื้นตัว

นอกจากนี้ ยังมีอีก 3,000 โครงการที่อยู่ภายใต้การดำเนินงานของบริษัท เอเวอร์แกรนด์ พร็อพเพอร์ตี เซอร์วิสเซส กรุ๊ป ซึ่งจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง เจ้าหนี้ให้ความสนใจเป็นพิเศษต่อการจัดการธุรกิจส่วนนี้ เนื่องจาก “เป็นแหล่งมูลค่าที่มีศักยภาพสูงมาก” และกำลังได้รับ “ความสำคัญสูงสุด” ในการติดตามดูแล ตามคำกล่าวของผู้ชำระบัญชี

ผู้ชำระบัญชี กล่าวว่า การแปลงสินทรัพย์เป็นเงินสดจนถึงขณะนี้ ถือว่า “อยู่ในระดับปานกลาง” ที่ 255 ล้านดอลลาร์ 

อย่างไรก็ตาม พวกเขาเตือนว่า ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียไม่ควรคาดหวังว่า บริษัทจะสามารถใช้เงินจำนวนนี้ได้ทั้งหมด เนื่องจากมีโครงสร้างความเป็นเจ้าของที่ซับซ้อน

ไม่เพียงเท่านั้น ผู้ชำระบัญชียังต้องเผชิญกับความซับซ้อนภายในจีนแผ่นดินใหญ่ การที่นักลงทุนต่างประเทศจะเข้าถึงสินทรัพย์ที่อยู่ในจีนแผ่นดินใหญ่นั้น เป็นเรื่องท้าทาย เนื่องจากจีนมีเขตอำนาจศาล แยกต่างหากจากฮ่องกง

นอกจากนี้ ไชน่าเอเวอร์แกรนด์ ประกาศว่า จะถูก “เพิกถอนออกจากตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง” ในวันที่ 25 สิงหาคม 2568 ซึ่งเป็นเวลากว่าหนึ่งปีครึ่ง หลังจากที่ศาลในฮ่องกงมีคำสั่งให้ชำระบัญชีบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่มีหนี้สินมหาศาลรายนี้ 

ในกฎการจดทะเบียนของตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกงระบุว่า การจดทะเบียนของบริษัทอาจถูกยกเลิกได้ หากการซื้อขายหลักทรัพย์ของบริษัท ถูกระงับต่อเนื่องเป็นเวลา 18 เดือน

ทั้งนี้ ย้อนไปในเดือนมกราคม ปี 2024 ศาลได้มีคำสั่งให้บริษัท Evergrande ยุติกิจการเพื่อขายทรัพย์สินใช้หนี้ ในช่วงเวลานั้น Evergrande เป็นบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่มีหนี้สินมากที่สุดในโลก โดยมีหนี้รวมประมาณ 300,000 ล้านดอลลาร์ หรือราว 9.7 ล้านล้านบาท ที่ต้องจ่ายให้กับธนาคาร และผู้ถือพันธบัตร
 

 

 

อ้างอิง: bloomberg, Nikkei

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์