เหตุผล ‘กัมพูชา’ ประกาศทลายแก๊งสแกมเมอร์ ไม่อาจกำจัดจอมบงการ

เหตุผล ‘กัมพูชา’ ประกาศทลายแก๊งสแกมเมอร์ ไม่อาจกำจัดจอมบงการ

เปิดมุมมองนักวิเคราะห์ต่างชาติ ทำไมรัฐบาลกัมพูชา ประกาศแผนปฏิบัติการครั้งใหญ่ ปราบปรามอุตสาหกรรมสแกมเมอร์ แต่ไม่อาจทะลวงถึงวงใน จัดการจอมบงการใหญ่ในประเทศ

KEY

POINTS

  • รัฐบาลกัมพูชาประกาศแผนปฏิบัติการครั้งใหญ่ เพื่อปราบปรามสแกมเมอร์ที่ทำกันเป็นอุตสาหกรรมประเทศ และกระทำผิดแบบเปิดเผย จนฝังรากลึกในกัมพูชา 
  • เมื่อแคมเปญปราบปรามเป็นระยะๆ สิ้นสุดลง การหลอกลวงครั้งใหม่ก็กลับมาอีกครั้ง อุปกรณ์ที่ถูกยึดมาได้ ก็สามารถเปลี่ยนใหม่ เช่นเดียวกับคนทำงาน
  • ตราบใดที่ยังไม่สามารถจัดการกลุ่มคนชั้นนำ ที่คอยปกป้องขบวนการสแกมเมอร์ อาจทำให้สถานการณ์เปลี่ยนแปลงแค่ชั่วคราว เพราะบุคคลที่ถูกจับกุม เป็นแค่คนปฏิบัติงานระดับล่าง ไม่ใช่หัวหน้าบงการใหญ่

เว็บไซต์ชาแนล นิวส์ เอเชีย เผยแพร่บทวิเคราะห์ของอีวาน ฟรายเชสชินี อาจารย์จากจีนศึกษา มหาวิทยาลัยเมลเบิร์น และหลิง ลี่ นักศึกษาปริญญาเอก สาขาเทคโนโลยีช่วยอำนวยความสะดวกการค้าทาสสมัยใหม่ มหาวิทยาลัย Ca' Foscari University ประเทศอิตาลี ระบุ เมื่อเดือนที่แล้ว รัฐบาลกัมพูชา ประกาศแผนปฏิบัติการครั้งใหญ่ เพื่อปราบปรามสแกมเมอร์ที่ทำกันเป็นอุตสาหกรรมประเทศ และกระทำผิดกันแบบเปิดเผย จนฝังรากลึกในกัมพูชา

นายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต ออกคำสั่งเมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม ถือเป็นการยอมรับภัยคุกคามจากอุตสาหกรรมสแกมเมอร์ที่เพิ่มมากขึ้น โดยสั่งให้เจ้าหน้าที่ระดับจังหวัด ตำรวจ ศาล และคณะกรรมการพนันแห่งชาติ รับผิดชอบดำเนินการ

ขณะที่ตำรวจเริ่มบุกศูนย์สแกมทั่วประเทศ ช่องทางเทเลแกรมที่เหล่าอาชญากรไซเบอร์ใช้กันแพร่หลาย ก็เตือนกันเองว่า ทางการกำลังปราบปรามจริงจัง 

ขณะเดียวกัน บางโพสต์ทางโซเชียล อ้างตำรวจตั้งด่านตรวจทั่วประเทศ กักขังบุคคลที่ไม่มีหนังสือเดินทาง และเรียกร้องสินบนเพื่อปล่อยตัว นอกจากนี้ยังมีการเผยแพร่คลิปวิดีโอ แสดงให้เห็นการย้ายบุคคลผู้กระทำผิดครั้งใหญ่จากสถานที่ต่างๆ 

ไม่นาน เมื่อถึงปลายเดือนกรกฎาคม รัฐบาลกัมพูชาก็ประกาศความสำเร็จระบุว่า ได้ดำเนินการตรวจค้นเกือบ 140 แห่ง นำไปสู่การจับกุมผู้ต้องสงสัยมากกว่า 3,000 คน จากอย่างน้อย 19 ประเทศ ซึ่งมากกว่าครึ่งหนึ่งมาจาก จีน และเวียดนาม 

น่าสังเกต เจ้าหน้าที่ระบุในกลุ่มนี้มี "ผู้ต้องสงสัย" เพียงไม่กี่คนเท่านั้น โดนล่อลวงมากักขังให้ทำงานโดยไม่เต็มใจ อย่างไรก็ตาม เราทราบเรื่องนี้มาจากงานวิจัย ซึ่งตีพิมพ์ใน The Conversation ก่อนหน้าว่า มีคนหลายพันคนถูกค้ามนุษย์ หรือโดนหลอกลวงให้เข้ามาอยู่ในสถานที่เหล่านี้ และบังคับให้ทำงานในสภาพคล้ายกับการค้ามนุษย์ยุคใหม่

การปราบปรามครั้งนี้ ได้รับเสียงชื่นชมจากจีน และประเทศอื่นๆ เพราะรัฐบาลหลายประเทศกำลังเผชิญผลกระทบจากอุตสาหกรรมสแกมเมอร์  ไม่ว่าจะเป็นการค้ามนุษย์ไปยังกัมพูชา หรือมิจฉาชีพมุ่งเป้าไปที่เหยื่อในประเทศของตนเอง

ถึงแม้ว่า รัฐบาลกัมพูชาให้คำมั่นจะ “กำจัดขบวนการหลอกลวงหมดสิ้น” ไปในกัมพูชา แต่สังคมยังตั้งข้อสงสัยว่า ความพยายามดังกล่าวจะเพียงพอที่จะทลายอุตสาหกรรมนี้ลงราบคาบ

ความเป็นจริง กับสิ่งควรทำ

"ในอดีตการปราบปรามสแกมเมอร์ล้มเหลว เพราะกัมพูชาไม่ได้คำนึงถึงเสาหลักที่ช่วยสนับสนุนให้อุตสาหกรรมนี้เติบโต ประการแรก คือ เครือข่ายท้องถิ่นที่มีประสิทธิภาพ ช่วยปกป้องกลุ่มสแกมเมอร์ และอีกประการ คือ โครงสร้างทางกายภาพของขบวนการเหล่านี้ที่มีความซับซ้อน" บทวิเคราะห์ระบุ 

ตราบใดที่ยังไม่สามารถจัดการกับกลุ่มคนชั้นนำที่คอยปกป้องขบวนการสแกมเมอร์ และแหล่งก่อปฏิบัติการยังคงปลอดภัยดี พวกมิจฉาชีพก็สามารถกลับมาทำงานใหมได้อย่างรวดเร็ว เมื่อกระแสกดดันลดลง

กัมพูชาปราบปรามแก๊งสแกมเมอร์เป็นระยะๆ อาจทำให้สถานการณ์เปลี่ยนแปลงแค่ชั่วคราว เพราะบุคคลที่ถูกจับกุม เป็นแค่คนปฏิบัติงานระดับล่าง ไม่ใช่หัวหน้าบงการใหญ่

เมื่อแคมเปญปราบปรามสิ้นสุดลง การหลอกลวงครั้งใหม่ก็กลับมาอีกครั้ง ผู้ปฏิบัติงานอาจทำเงียบหายไป จนกว่าพายุจะผ่านพ้น หรืออาจย้ายไปยังสถานที่ที่ปลอดภัยกว่า เพราะอุปกรณ์ที่ถูกยึดมาได้ สามารถเปลี่ยนใหม่ เช่นเดียวกับคนทำงาน

ชายแดนตึงเครียด ยังคุกรุ่น

การปราบปรามเมื่อเดือนกรกฎาคม เกิดขึ้นในช่วงเวลาเดียวกับความขัดแย้งสั้นๆ ระหว่างไทยและกัมพูชา ทำให้ประชาชนกว่า 3 แสนคนต้องพลัดถิ่นฐาน จากบ้านเรือนที่อยู่อาศัย

นักวิเคราะห์ชี้ว่า ความตึงเครียดชายแดนที่ระอุมานาน และการที่ทหารกัมพูชาเสียชีวิตหนึ่งนาย จากเหตุปะทะในเดือน พ.ค.เป็นสาเหตุของการสู้รบ 

อย่างไรก็ตาม ประเทศไทยอ้างว่า ความขัดแย้งนี้เกิดจากการที่ไทยมีนโยบายปราบปรามขบวนการมิจฉาชีพออนไลน์ในกัมพูชาด้วย

เมื่อต้นปีนี้ ประเทศไทยตัดไฟฟ้า และอินเทอร์เน็ตไปยังจุดศูนย์กลางสแกมเมอร์ชายแดนที่เมืองปอยเปต จากนั้นต้นเดือนกรกฎาคม ประเทศไทยก็ได้ดำเนินการอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ด้วยการไล่ล่า ก๊ก อาน สมาชิกวุฒิสภากัมพูชา และเศรษฐีชาวกัมพูชาผู้ทรงอิทธิพล และใกล้ชิดสมเด็จฮุน เซน ซึ่งเป็นที่รู้จักว่า ก๊ก อาน เป็นเจ้าของอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่ในปอยเปต ซึ่งทางการไทยกล่าวหาว่า เชื่อมโยงกับมิจฉาชีพออนไลน์

ศาลอาญาไทยได้ออกหมายจับสมาชิกวุฒิสภากัมพูชา และตรวจค้นทรัพย์สินของเขาในประเทศไทย ทางการไทยยังเล็งเป้าไปที่คนใกล้ชิด และทรัพย์สินของพวกเขาในประเทศไทยด้วย

ทั้งนี้ เพื่อแก้เกี้ยว และตอบโต้ เจ้าหน้าที่กัมพูชากล่าวหาไทยเป็น “ศูนย์กลางอาชญากรรมข้ามชาติ” ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มาเป็นเวลานาน และ“โยนความผิด”ต่อปัญหานี้ไปที่กัมพูชา

แม้ประเทศไทยได้เพิ่มความพยายามแก้ไขปัญหาอุตสาหกรรมสแกมเมอร์ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา แต่ผู้นำไทยน่าจะใช้ปัญหานี้ เรียกเสียงสนับสนุนจากคนในประเทศ

ขณะเดียวกัน ได้ทำให้กลุ่มชนชั้นนำกัมพูชา ที่ฝ่ายไทยอ้างได้รับผลประโยชน์จากกลุ่มสแกมเมอร์ ต้องได้รับความอับอายด้วย 

อ้างอิง CNA