รัฐบาลทรัมป์ขู่ยึดสิทธิบัตรของมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด

บลูมเบิร์ก รายงานวันนี้ (9 ส.ค. 68) ว่ารัฐบาลทรัมป์ขู่ว่าจะยึดสิทธิบัตรมูลค่าหลายร้อยล้านดอลลาร์จากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด โดยกล่าวหาว่ามหาวิทยาลัยชั้นนำนี้ไม่ปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยเงินช่วยเหลือการวิจัยของรัฐบาลกลาง

ในจดหมายถึงอลัน การ์เบอร์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด เมื่อวันศุกร์ (8 ส.ค.) ที่ผ่านมา ฮาวเวิร์ด ลัทนิค รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ระบุว่ามหาวิทยาลัยกำลังละเมิดพันธกรณีต่อผู้เสียภาษีชาวอเมริกัน ซึ่งเปิดทางให้เกิดกระบวนการที่อาจทำให้รัฐบาลยึดสิทธิบัตรภายใต้พระราชบัญญัติเบย์-โดล

มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดมีเวลาจนถึงวันที่ 5 กันยายนในการพิสูจน์ว่า ได้ปฏิบัติตามข้อกำหนด ซึ่งรวมถึงการแสดงการสนับสนุนอุตสาหกรรมการผลิตในสหรัฐอเมริกา หรือมีความเสี่ยงที่จะสูญเสียสิทธิบัตร ตามจดหมายที่บลูมเบิร์กนิวส์ได้อ่าน รัฐบาลสามารถออกใบอนุญาตให้บุคคลภายนอกใช้สิทธิบัตรมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดได้

โฆษกของมหาวิทยาลัยกล่าวว่า “การกระทำที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนนี้เป็นอีกหนึ่งความพยายามของการโจมตีที่มุ่งเป้าไปที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดที่ปกป้องสิทธิและเสรีภาพ” “เรามุ่งมั่นอย่างเต็มที่ที่จะปฏิบัติตามพระราชบัญญัติเบย์-โดล (Bayh-Dole Act) และสร้างความมั่นใจว่าสาธารณชนจะสามารถเข้าถึงและได้รับประโยชน์จากนวัตกรรมมากมายที่เกิดขึ้นจากงานวิจัยที่ได้รับทุนสนับสนุนจากรัฐบาลกลางที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด”

ความเคลื่อนไหวครั้งนี้ถือเป็นการยกระดับความขัดแย้งครั้งล่าสุดระหว่างทำเนียบขาวกับมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด กรณีเงินทุนสนับสนุนจากรัฐบาลกลางที่ถูกระงับกว่า 2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ทั้งสองฝ่ายกำลังเจรจาหาข้อตกลงร่วมกัน นับเป็นครั้งแรกที่รัฐบาลใช้อำนาจของกระทรวงพาณิชย์และกฎหมายสิทธิบัตรในการกดดันมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดและสถาบันการศึกษาชั้นนำอื่นๆ

มหาวิทยาลัยได้ฟ้องร้องเกี่ยวกับการระงับเงินทุนสนับสนุน รวมถึงความพยายามของรัฐบาลที่จะห้ามไม่ให้มหาวิทยาลัยรับนักศึกษาต่างชาติ

สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า รัฐบาลทรัมป์กำลังเรียกร้องเงินชดเชยอย่างน้อย 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐจากมหาวิทยาลัยเพื่อคืนเงินสนับสนุนของรัฐบาลกลาง อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่ามหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดไม่เห็นด้วยกับตัวเลขดังกล่าว