ทรัมป์ประกาศจะพบกับปูตินที่อลาสกาศุกร์หน้า หวังสูงยุติสงคราม

ทรัมป์ประกาศจะพบกับปูตินที่อลาสกาศุกร์หน้า หวังสูงยุติสงคราม

ประธานาธิบดีทรัมป์ประกาศเขามีแผนที่จะพบกับประธานาธิบดีปูตินในวันศุกร์หน้าที่รัฐอลาสกา  ทรัมป์พยายามไกล่เกลี่ยข้อตกลงหยุดยิง โดยหวังว่าจะยุติสงครามในยูเครน

บลูมเบิร์ก รายงานว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศว่าเขาวางแผนที่จะพบกับประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูตินของรัสเซียในวันศุกร์หน้าที่รัฐอลาสกาของสหรัฐ  ในขณะที่เขาพยายามไกล่เกลี่ยข้อตกลงหยุดยิง โดยหวังว่าจะยุติสงครามรัสเซียรุกรานยูเครนที่ย่างเข้าสู่ปีที่ 4

“การพบปะที่ทุกคนรอคอยระหว่างตัวผมในฐานะประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกา และประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย จะจัดขึ้นในวันศุกร์หน้า 15 สิงหาคม 2025 ที่รัฐอลาสกา” ทรัมป์โพสต์ลงโซเชียลมีเดีย “รายละเอียดเพิ่มเติมจะแจ้งให้ทราบในภายหลัง”

ก่อนหน้านี้ในวันศุกร์ ทรัมป์ได้ประกาศแผนพบปะกับปูติน ระหว่างการประชุมสุดยอดกับผู้นำอาร์เมเนียและอาเซอร์ไบจานที่ทำเนียบขาว และระบุว่าประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกีแห่งยูเครน อาจไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง

“เราจะมีการประชุมกับรัสเซีย  เริ่มต้นด้วยรัสเซีย” ทรัมป์กล่าว

 

 

การประชุมสุดยอดแบบตัวต่อตัวกับปูตินถือเป็นการเดิมพันที่มีความเสี่ยงสูงสำหรับประธานาธิบดีสหรัฐฯ ซึ่งระหว่างการหาเสียงได้ให้คำมั่นว่าจะยุติสงครามโดยเร็ว แต่ความพยายามของเขาล้มเหลวมาตลอด ทรัมป์กล่าวเมื่อวันศุกร์ว่าเขาเชื่อว่า "เรากำลังใกล้" ที่จะบรรลุข้อตกลงสันติภาพ

  • พันธมิตรยูเครนกังวลทรัมป์จะสมยอมปูติน

พันธมิตรของยูเครนกังวลว่าทรัมป์อาจเต็มใจที่จะยอมผ่อนปรนเงื่อนไขกับปูตินมากเกินไป ซึ่งปูตินได้อ้างสิทธิ์เหนือคาบสมุทรไครเมียในทะเลดำของยูเครน โดยรัสเซียได้ผนวกเข้าอย่างผิดกฎหมายในปี 2014 รวมถึงภูมิภาคทางตะวันออกและทางใต้ของยูเครนอย่างโดเนตสค์ ลูฮันสค์ ซาปอริซเซีย และเคอร์ซอน ซึ่งกองกำลังของเขายังไม่ได้ยึดครองทั้งหมด

ผู้ที่ทราบข่าวการหารือระหว่างวอชิงตันและมอสโกกล่าวว่า คู่เจรจาได้หารือกันเกี่ยวกับข้อตกลงที่จะล็อกการยึดครองดินแดนที่รัสเซียยึดครองระหว่างการรุกรานทางทหาร

ทรัมป์ยอมรับเมื่อวันศุกร์ว่าเขามองว่าการแลกเปลี่ยนดินแดนน่าจะเป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลง

“ดังนั้น เราจึงกำลังพิจารณาเรื่องนี้อยู่ แต่จริงๆ แล้วเรากำลังมองหาการได้คืนและการแลกเปลี่ยนบางอย่าง ซึ่งมีความซับซ้อน จริงๆ แล้วไม่ใช่เรื่องง่ายเลย” ทรัมป์กล่าว “มันซับซ้อนมาก แต่เราจะได้อะไรกลับมาบ้าง เราจะได้อะไรมาบ้าง จะมีการสลับดินแดนกันบ้าง จะมีการแลกดินแดนกันเพื่อประโยชน์ของทั้งสองฝ่าย แต่เราจะคุยกันเรื่องนี้กันทีหลัง พรุ่งนี้ หรืออะไรก็ตาม”

 

เซเลนสกีกล่าวมานานแล้วว่าเขาไม่พร้อมที่จะยกดินแดนส่วนใด ของยูเครนให้รัสเซีย ขณะเดียวกันก็เรียกร้องให้รัสเซียถอนกำลังทหารและจ่ายค่าชดเชยความเสียหายที่เกิดขึ้นกับประเทศนับตั้งแต่การรุกรานในเดือนกุมภาพันธ์ 2022 ทรัมป์มองว่าผู้นำยูเครนเต็มใจที่จะทำงานเพื่อให้บรรลุข้อตกลง

 

“ประธานาธิบดีเซเลนสกีต้องได้รับทุกสิ่งที่ต้องการ เพราะเขาต้องเตรียมพร้อมที่จะลงนามในข้อตกลงบางอย่าง และผมคิดว่าเขากำลังทำงานอย่างหนักเพื่อให้สิ่งนั้นสำเร็จ” ทรัมป์กล่าว

 

ก่อนหน้านี้ สหรัฐเคยเสนอที่จะยอมรับไครเมียเป็นดินแดนส่วนหนึ่งของรัสเซีย เพื่อแลกกับการที่รัสเซียจะยอมยุติการควบคุมพื้นที่บางส่วนของยูเครนที่รัสเซียยึดครองอยู่ในปัจจุบัน

 โดยส่วนหนึ่งของข้อเสนอก่อนหน้านี้ การควบคุมพื้นที่ซาปอริซเซียและเคอร์ซอนจะถูกส่งคืนให้ยูเครน

ทรัมป์เผชิญข้อกล่าวหาจากนักวิจารณ์มาเป็นเวลานานว่า เนื่องจากเขามีความสัมพันธ์ที่ดีกับปูตินทำให้เขามองไม่เห็นเจตนาที่แท้จริงของผู้นำรัสเซีย รวมถึงการที่เขาวิพากษ์วิจารณ์ความช่วยเหลือของสหรัฐฯ ต่อยูเครนซ้ำแล้วซ้ำเล่าในช่วงรัฐบาลไบเดน การประชุมที่เฮลซิงกิในปี 2018 ซึ่งทรัมป์กล่าวว่าเขาเชื่อปูตินมากกว่าเจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองสหรัฐฯ ที่สรุปว่ารัสเซียแทรกแซงการเลือกตั้งประธานาธิบดีปี 2016 ทำให้เกิดเสียงประณามจากทั้งสองพรรคในกรุงวอชิงตัน

แต่ทรัมป์ได้แสดงท่าทีแข็งกร้าวต่อปูตินในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา โดยแสดงความไม่พอใจที่ผู้นำรัสเซียดูเหมือนจะไม่เต็มใจที่จะยุติการสู้รบ

หากมีการบรรลุข้อตกลงสันติภาพที่ยั่งยืนจะถือเป็นชัยชนะทางการเมืองครั้งสำคัญของทรัมป์ ซึ่งพยายามใช้แรงกดดันทางเศรษฐกิจเพื่อแก้ไขวิกฤตนโยบายต่างประเทศมากขึ้นเรื่อยๆ ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ประกาศขึ้นภาษีนำเข้าอินเดียเพิ่มอีก 25% รวมเป็น 50% เพื่อลงโทษอินเดียที่ซื้อน้ำมันดิบจากรัสเซีย และขู่ว่าจะคว่ำบาตรและลงโทษมอสโก หากปูตินไม่ตกลงหยุดยิง

ถึงกระนั้น เซเลนสกีและพันธมิตรยุโรปก็ยังกังวลว่าปูตินอาจโน้มน้าวทรัมป์ให้ยอมรับเงื่อนไขของรัสเซียมากเกินไป พวกเขายังมีข้อสงสัยมากมายเกี่ยวกับวิธีการบังคับใช้ข้อตกลง และหลักประกันความมั่นคงที่ยูเครนจะได้รับ

แรงผลักดันสู่การพบปะระหว่างทรัมป์และปูตินเร่งตัวขึ้นในสัปดาห์นี้ หลังจากที่ประธานาธิบดีรัสเซียได้พบกับสตีฟ วิทคอฟฟ์ ทูตพิเศษของสหรัฐฯ เป็นเวลาเกือบสามชั่วโมง ณ พระราชวังเครมลินเมื่อต้นสัปดาห์นี้ เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ยุโรป และยูเครน ได้ใช้เวลาหลายวันในการหารือเกี่ยวกับการตอบสนองของพวกเขาต่อการเจรจาดังกล่าว