'จีดีพีไต้หวัน' Q2/68 พุ่งเฉียด 8% รับอานิสงส์ ‘เอไอบูม’

'จีดีพีไต้หวัน' Q2/68 พุ่งเฉียด 8% รับอานิสงส์ ‘เอไอบูม’

"เศรษฐกิจไต้หวัน" ในไตรมาสที่ 2 เติบโตสูงถึง 7.96% ซึ่งเป็นอัตราสูงสุดในรอบ 4 ปี และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับประมาณ 5% กว่า

KEY

POINTS

  • เศรษฐกิจไต้หวันในไตรมาสที่ 2 เติบโตสูงถึง 7.96% ซึ่งเป็นอัตราสูงสุดในรอบ 4 ปี และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้
  • การเติบโตนี้เป็นผลโดยตรงจากกระแส "เอไอบูม" ที่ทำให้ความต้องการชิปเซมิคอนดักเตอร์และเซิร์ฟเวอร์ของไต้หวันพุ่งสูงขึ้น โดยเฉพาะการส่งออกไปยังสหรัฐ
  • แม้การเติบโตจะแข็งแกร่ง แต่ก็มีความเสี่ยงจากการพึ่งพาความต้องการจากต่างประเทศมากเกินไป ซึ่งอาจสร้างความไม่แน่นอนในอนาคต

ท่ามกลางความปั่นป่วนของเศรษฐกิจโลกตลอดครึ่งปีที่ผ่านมาจากการเข้ามาของนโยบายการค้าของโดนัลด์ ทรัมป์ หนึ่งเทรนด์ที่เห็นได้อย่างชัดเจนคือ “ความต้องการปัญญาประดิษฐ์” ยังคงปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดและเทคโนโลยีดังกล่าวก็เป็นหนึ่งในประเด็นสำคัญที่ประเทศมหาอำนาจใช้เพื่อประชันอำนาจต่อกัน

ไต้หวันคือผู้ที่ได้ประโยชน์จากสถานการณ์ครั้งนี้อย่างเห็นได้ชัด ล่าสุด (31 ก.ค.) สำนักงานสถิติประจำกรุงไทเป เปิดเผยว่า ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลภายในประเทศไตรมาสที่ 2 ขยายตัว 7.96% ซึ่งเป็นอัตราการขยายตัวที่มากที่สุดรอบ 4 ปี อานิสงส์การส่งออกชิปปัญญาประดิษฐ์ไปยังสหรัฐอเมริกาที่พึ่งสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

อัตราการเติบโตดังกล่าวสูงกว่าไตรมาสก่อนหน้าซึ่งอยู่ที่ 5.48% และมากกว่าคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ทุกสำนักซึ่งคาดการณ์เฉลี่ยไว้ที่ 5.7%

ในขณะที่ธนาคารกลางและสำนักงานสถิติมองไว้ที่เพียง 5.5% และ 5.23% ตามลำดับ

'จีดีพีไต้หวัน' Q2/68 พุ่งเฉียด 8% รับอานิสงส์ ‘เอไอบูม’

ทั้งนี้ไต้หวันในฐานะผู้ผลิตชิปเซมิคอนดักเตอร์อันดับหนึ่งของโลก ได้ประโยชน์จากกระแสความต้องการชิปและเซิร์ฟเวอร์สำหรับพัฒนาเอไอจนส่งผลให้การส่งออกในไตรมาส 2 ทำสถิติใหม่ที่ 1.54 แสนล้านดอลลาร์

'จีดีพีไต้หวัน' Q2/68 พุ่งเฉียด 8% รับอานิสงส์ ‘เอไอบูม’

เรย์มอนด์ เยือง หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์สำหรับจีนใหญ่ ธนาคาร Australia & New Zealand Banking Group Ltd. (ANZ) กล่าวว่า “จีดีพีของไต้หวันเป็นตัวชี้วัดที่ดีที่สุดสำหรับเศรษฐกิจดิจิทัลโลกซึ่งกำลังเผชิญการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้าง"

เขากล่าวเสริมว่า ความต้องการเอไอสำหรับการประมวลผลความแม่นยำสูงจะหนุนการส่งออก การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) และการลงทุนในตลาดหุ้นไต้หวันต่อไป

ขณะที่ลิน ซอง หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จีนแผ่นดินใหญ่ ธนาคาร ING Bank NV กล่าวว่า “ความไม่สมดุลของการเติบโตสร้างความไม่แน่นอนสูงกว่าปกติเพราะการเติบโตปัจจุบันพึ่งพาความต้องการจากภายนอกมากโดยเฉพาะการส่งออกไปสหรัฐ”

อย่างไรก็ตาม หากรายงานเรื่องข้อตกลงการค้าไต้หวัน-สหรัฐ เป็นจริง การเติบโตจะยังคงแข็งแกร่งในครึ่งปีหลัง

อ้างอิง: Bloomberg