‘Meta’ โชว์กำไรเหนือคาด Q2 หุ้นพุ่ง 11% แม้ Reality Labs ยังขาดทุน

‘Meta’ โชว์ผลประกอบการไตรมาส 2 แกร่งเกินคาด หนุนโดย AI ที่ช่วยดันยอดโฆษณาพุ่ง ซีอีโอย้ำการลงทุนใน AI ที่สร้างการเติบโตมหาศาล แม้แผนก Reality Labs ยังขาดทุน แต่ข่าวดีนี้ทำให้นักลงทุนเทใจหนุน ส่งผลให้หุ้น Meta พุ่งกว่า 10%
“เมตา” (Meta) ยักษ์ใหญ่โซเชียลมีเดียรายนี้รายงาน “ผลประกอบการไตรมาสสอง” ซึ่งสูงกว่าที่ Wall Street คาดการณ์ไว้ และยังคาดการณ์ผลลัพธ์ที่ดีกว่าคาดสำหรับไตรมาสปัจจุบันด้วย โดยผู้บริหารเผยว่ากำลังใช้ประโยชน์จาก “ธุรกิจโฆษณา” ที่ทำกำไรได้ดี และจะเพิ่มการใช้จ่ายในปีหน้า โดย Meta ชี้ว่า นี่คือเวลาที่จะคว้าโอกาสการลงทุนในด้านปัญญาประดิษฐ์
นักลงทุนต่างชื่นชมแผนนี้ ทำให้หุ้นพุ่งขึ้นมากกว่า 10% ในการซื้อขายนอกเวลาทำการ
ในไตรมาสที่สอง Meta กล่าวว่า คำแนะนำโฆษณาที่ขับเคลื่อนด้วย AI ทำให้เกิด Conversion เพิ่มขึ้นประมาณ 5% บน Instagram และ 3% บน Facebook โดย Conversion ของโฆษณา หมายถึง การที่ผู้ใช้ทำการซื้อหรือตัดสินใจบางอย่างหลังจากคลิกหรือดูโฆษณา
ยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีรายนี้ ยังเพิ่งเปิดตัวเครื่องมือสร้างโฆษณาแบบรูปภาพเป็นวิดีโอที่ขับเคลื่อนด้วย AI ภายใต้ชุดผลิตภัณฑ์ Advantage+ ซึ่งช่วยให้นักการตลาดสามารถสร้างวิดีโอโฆษณาจากภาพนิ่งได้
Meta รายงานรายได้ที่ 4.752 หมื่นล้านดอลลาร์ สำหรับไตรมาสสิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์เฉลี่ยไว้ที่ 4.48 หมื่นล้านดอลลาร์
ส่วนกำไรต่อหุ้น อยู่ที่ 7.14 ดอลลาร์สำหรับไตรมาสที่สอง สูงกว่าประมาณการที่ 5.92 ดอลลาร์เช่นกัน
สำหรับการคาดการณ์ เมตาคาดว่า รายได้ไตรมาส 3 จะสูงกว่าที่นักวิเคราะห์ประเมินไว้มาก เนื่องจากปัญญาประดิษฐ์ ยังคงเป็นแรงขับเคลื่อนธุรกิจโฆษณาหลัก ทำให้หุ้นของบริษัทพุ่งขึ้น 11% ในการซื้อขายนอกเวลาทำการ
ผลประกอบการที่โดดเด่นนี้ อาจช่วยบรรเทาความกังวลของนักลงทุนเกี่ยวกับการใช้จ่ายอย่างหนักของยักษ์ใหญ่โซเชียลมีเดียได้ อย่างน้อยก็ในตอนนี้
นอกจากนี้ Meta ได้เพิ่มการคาดการณ์ค่าใช้จ่ายด้านเงินทุนประจำปี ขึ้นอีก 2 พันล้านดอลลาร์เป็นช่วงระหว่าง 6.6-7.2 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยมาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก ซีอีโอของบริษัทกล่าวกับนักวิเคราะห์ในการประชุมทางโทรศัพท์ว่า ปัญญาประดิษฐ์กำลังทำให้เกิดการก้าวกระโดดครั้งใหญ่ในธุรกิจของบริษัท ซึ่งสร้างรายได้จากการขายโฆษณาบน Facebook และ Instagram
Meta ระบุว่า ค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นในการสร้างโครงสร้างพื้นฐานของศูนย์ข้อมูล และค่าตอบแทนพนักงาน ซึ่ง Meta ได้ดึงตัวนักวิจัยด้วยเงินเดือนมหาศาล จะผลักดันอัตราการเติบโตของค่าใช้จ่ายในปี 2026 ให้สูงกว่าปี 2025 โดยบริษัทกำลังวางแผนค่าใช้จ่ายด้านเงินทุนที่สูงขึ้นในปีหน้าด้วยเช่นกัน
ไม่เพียงเท่านั้น การประกาศพัฒนา “สุดยอดปัญญาประดิษฐ์” (Superintelligence) ของมาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก ซึ่งเป็นแนวคิดเชิงสมมติฐานที่ AI สามารถเหนือกว่าสติปัญญาของมนุษย์ได้ในทุกด้าน ทำให้หุ้นของบริษัทเพิ่มขึ้นเกือบหนึ่งในห้าของมูลค่า มาจนถึงตอนนี้ในปีนี้
อย่างไรก็ตาม ขณะเดียวกัน ฝ่ายฮาร์ดแวร์ของ Meta ก็ถูกจับตาอย่างใกล้ชิด หลังจากที่ขาดทุนอย่างต่อเนื่องมาหลายปี ในไตรมาสที่ 2 แผนก Reality Labs ทำรายได้อยู่ที่ 370 ล้านดอลลาร์ ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ 386 ล้านดอลลาร์ และมีผลขาดทุนจากการดำเนินงานถึง 4.5 พันล้านดอลลาร์ แม้บริษัทจะขายแว่นตาอัจฉริยะได้มากขึ้น แต่ยอดขายของชุดหูฟัง Quest กลับลดลง
“ในแง่หนึ่ง การแข่งขันครั้งนี้ก็คล้ายกับการแข่งขันในอดีตเกี่ยวกับพีซี เว็บเบราว์เซอร์ เสิร์ชเอนจิน และสมาร์ทโฟน” ไมก์ พรูลซ์ นักวิเคราะห์จาก Forrester เขียนไว้ในบันทึก “แต่ความแตกต่างที่สำคัญคือ การแข่งขันครั้งนี้กำลังเร่งตัวเร็วกว่ามาก เพราะ AI สิ่งที่ Meta และบริษัทอื่น ๆ กำลังไล่ตาม กำลังช่วยเร่งพัฒนาตัวมันเอง”







