'เวียดนาม' ครึ่งปีหลังจ่อทรุด สแตนชาร์ดหั่นจีดีพีปีนี้เหลือแค่ 6%

ธนาคาร 'สแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด' ปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจเวียดนามปีนี้เหลือ 6.1% 'คาดครึ่งปีหลัง 2568 หนัก' จีดีพีจ่อโตแค่ 4.9% จาก 7.5% ในปีที่แล้ว
ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (Standard Chartered) หรือสแตนชาร์ด ได้ปรับลดคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจของเวียดนามในปี 2568 ลงเหลือ 6.1% จากเดิมคาดการณ์ไว้ที่ 6.7% ตามรายงานการประเมินเศรษฐกิจมหภาคฉบับล่าสุด
สแตนชาร์ดคาดการณ์ว่า การเติบโตทางเศรษฐกิจของเวียดนามในช่วงครึ่งหลังของปี 2568 นี้ จะชะลอตัวลงเหลือ 4.9% เมื่อเทียบกับช่วงครึ่งปีหลังของปี 2567 ซึ่งเติบโตได้ถึง 7.5%
อย่างไรก็ดี แม้แนวโน้มการค้าในระยะสั้นจะชะลอตัวลง แต่ปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจมหภาคของเวียดนามยังคงแข็งแกร่ง การส่งออกเติบโตดีขึ้นในช่วงต้นปี 2568 และเวียดนามยังคงมีดุลการค้าเกินดุล ในขณะที่การนำเข้าก็ขยายตัวเช่นกัน นำโดยสินค้าในกลุ่มวัตถุดิบ อุปกรณ์การผลิต และอะไหล่
ในด้านต่างประเทศ เวียดนามมีดุลการค้าเกินดุลอย่างแข็งแกร่งที่ 2.8 พันล้านดอลลาร์ในเดือนมิ.ย. ซึ่งช่วยหนุนค่าเงินดองและทำให้ดุลการค้าต่างประเทศปรับตัวดีขึ้น
อย่างไรก็ตาม การเติบโตของยอดค้าปลีกชะลอตัวลงเหลือ 8.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งบ่งชี้ถึงการชะลอตัวของอุปสงค์ภายในประเทศ
สแตนชาร์ดยังได้ลดคาดการณ์เงินเฟ้อเวียดนามปีนี้จาก 3.8% เหลือ 3.5% ทำให้มีโอกาสน้อยที่จะเห็นการลดดอกเบี้ยนโยบายในปีนี้ ซึ่งสแตนชาร์ดคาดการณ์ว่าอัตราดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์ในเวียดนามจะไม่เปลี่ยนแปลงในช่วงที่เหลือของปีนี้ ขณะที่คาดว่าค่าเงินดอง-ดอลลาร์สหรัฐจะ "อ่อนค่าลง" จากคาดการณ์เดิมมาอยู่ที่ 26,300 ดอง ณ สิ้นไตรมาส 3 และสิ้นปี 2568 จากเดิมให้ไว้ที่ 26,000 ดอง และ 25,700 ดองตามลำดับ
สำหรับด้านเงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ยังคงมีแนวโน้มเชิงบวกอย่างแข็งแกร่ง นำโดยภาคการผลิต ตามมาด้วยภาคอสังหาริมทรัพย์ โดยในช่วงครึ่งแรกของปี 2568 เวียดนามมียอดการลงทุนจริง (disbursed FDI) อยู่ที่ 1.17 หมื่นล้านดอลลาร์ หรือขยายตัว 8.1% ขณะที่การให้คำมั่นว่าจะลงทุน (pledged FDI) ขยายตัว 32.6% อยู่ที่ 2.15 หมื่นล้านดอลลาร์
ก่อนหน้านี้ในสัปดาห์เดียวกัน ธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชีย (ADB) ก็เพิ่งปรับลดคาดการณ์จีดีพีเวียดนามลงทั้งปีนี้และปีหน้าเช่นกัน จากคาดการณ์เดิมที่ 6.6% ในปีนี้ ลงมาเหลือ 6.3% ส่วนในปีหน้าลดจาก 6.5% เหลือแค่ 6.0%
ทั้งนี้ เวียดนามสามารถตกลงอัตราภาษีศุลกากรกับสหรัฐได้ที่อัตรา 20% สำหรับสินค้านำเข้าจากเวียดนาม และ 40% สำหรับสินค้า Transshipment ที่สหรัฐต้องการปิดช่องการสวมสิทธิของสินค้าจีนที่ใช้เวียดนามเป็นทางผ่านไปสหรัฐ ซึ่งแม้จะตกลงได้เป็นประเทศแรกในอาเซียน แต่บลูมเบิร์กรายงานว่าจากการการประเมินล่าสุดของทีมที่ปรึกษาผู้นำเวียดนาม ภาษีใหม่ของสหรัฐอาจฉุดการส่งออกของเวียดนามไปสหรัฐมากถึง 1 ใน 3 หรือทำให้รายได้ลดลงมากถึง 3.7 หมื่นล้านดอลลาร์
อย่างไรก็ตาม แม้แนวโน้มสถาบันการเงินต่างชาติจะมองในเชิงลบมากขึ้นต่อแนวโน้มจีดีพีเวียดนาม แต่ในการประชุมล่าสุดของรัฐบาลฮานอยเมื่อกลางเดือนก.ค. นี้ นายกรัฐมนตรีฝ่าม มิงห์ จิ๋งห์ ได้กล่าวว่า รัฐบาลเวียดนามตั้งเป้าที่จะปรับเพิ่มเป้าหมายจีดีพีในปีนี้ขึ้นจาก 8.3% เป็น 8.5% ในปีนี้ แม้จะเผชิญกับความท้าทายต่างๆ ก็ตาม โดย
ระบุว่าเป้าหมายดังกล่าว ซึ่งเทียบกับการเติบโต 7.09% ในปีที่แล้ว "จะสร้างรากฐานที่มั่นคงสำหรับการเติบโตด้วยเลขสองหลักในช่วงปี 2569-2573"







