กต.แจงประชุม UNSC คืนนี้คนละเรื่องกับศาลโลก ไทยพร้อมทั้งสองเวที

กระทรวงการต่างประเทศแจง การประชุม UNSC คืนนี้เป็นคนละเรื่องกับศาลโลก เป็นการประชุมตามปกติเมื่อเกิดเหตุปะทะสองประเทศ ไม่มีการลงมติ
เวลา 16.15 น. วันนี้ (25 ก.ค.68) นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงข่าวสถานการณ์ไทย-กัมพูชา ล่าสุด และการดำเนินการทางการทูตของฝ่ายไทยว่า กัมพูชา เป็นฝ่ายเปิดฉากโจมตีไทยก่อน สถานการณ์ในพื้นที่ยังทรงตัว กองทัพเร่งเก็บกู้วัตถุระเบิดที่ตกค้างโดยเฉพาะที่จุดเกิดเหตุสำคัญ เช่นปั๊มน้ำมัน อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ เพื่อความปลอดภัยสูงสุดของประชาชน
เมื่อวานนี้กระทรวงการต่างประเทศ ออกแถลงการณ์ประณามการกระทำของฝ่ายกัมพูชา เป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ กฎบัตรสหประชาชาติ กฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ อีกทั้งยังเป็นการละเมิดศีลธรรมขั้นพื้นฐานของความเป็นมนุษย์ ควรได้รับการประณามอย่างเต็มที่จากประชาคมระหว่างประเทศ
รายงานล่าสุดจากกระทรวงสาธารณสุข เมื่อราว 12.10 น. วันที่ 25 ก.ค.68 มีผู้เสียชีวิต 14 ราย เป็นพลเรือน 13 ราย ทหาร 1 นาย พลเรือนรวมเด็ก 8 ขวบ และ 15 ปี บาดเจ็บ 45 ราย เป็นทหาร 15 นาย พลเรือน 30 ราย เหตุปะทะยังกระจายอยู่ในสี่จังหวัดชายแดน ได้แก่ ศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ และอุบลราชธานี ขณะนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เร่งอพยพประชาชนในพื้นที่เสี่ยงไปยังจุดปลอดภัย
สำหรับการชี้แจงต่อประชาคมระหว่างประเทศ กระทรวงการต่างประเทศส่งหนังสือประท้วงไปยังฝ่ายกัมพูชาแล้ว, ลดระดับความสัมพันธ์ทางการทูต, ทำหนังสือถึงเลขาธิการสหประชาชาติ, เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก ได้เข้าพบเอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรปากีสถาน ณ นครนิวยอร์กในฐานะประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็นเอสซี) ประจำเดือนก.ค. 2568 เพื่อยื่นหนังสือชี้แจงเหตุการณ์การใช้กำลังทหารที่เริ่มโดยฝ่ายกัมพูชา รวมถึงการละเมิดพันธกรณีระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้อง โดยขอให้เวียนหนังสือดังกล่าวของไทยเป็นเอกสารของยูเอ็นเอสซี เพื่อให้สมาชิกยูเอ็นเอสซีได้รับทราบอย่างเป็นทางการ
ตีสองคืนนี้ ตามเวลาประเทศไทย ยูเอ็นเอสซีจะประชุมแบบปิด (private meeting) เพื่อหารือ สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งเป็นการประชุมตามปกติเมื่อมีการปะทะกันระหว่างสองประเทศ ไม่ใช่การประชุมเพื่อลงมติใดๆ เป็นเพียงการหารืออย่างไม่เป็นทางการ สมาชิก 15 ประเทศ รวมถึงไทย และกัมพูชา ในฐานะคู่กรณี ร่วมประชุมชี้แจง ผู้เข้าร่วมประชุมฝ่ายไทยคือ เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก ส่วนนายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศกำลังเดินทางกลับ ถึงประเทศไทยคืนนี้ จะแถลงข่าวอัปเดตการประชุมในวันพรุ่งนี้ (26 ก.ค.68)
ส่วนเรื่องยูเนสโก และข่าวปลอมอื่นๆ จากกรณีกระทรวงวัฒนธรรม และวิจิตรศิลป์ของกัมพูชาออกแถลงการณ์กล่าวหาว่ากองทัพไทยได้รุกราน และสร้างความเสียหายให้กับปราสาทพระวิหารซึ่งเป็นแหล่งมรดกโลก เป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ โฆษกขอเรียนข้อเท็จจริงว่า การปะทะกันระหว่างไทยกับกัมพูชา เมื่อวันที่ 24 ก.ค.68
"กัมพูชาเป็นฝ่ายเปิดฉากยิงก่อนบริเวณห้วยตามาเรีย และภูมะเขือ ห่างจากปราสาทเขาพระวิหารถึงสองกิโลเมตร จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะมีกระสุนหรือสะเก็ดระเบิดไปถึงปราสาทเขาพระวิหาร ซึ่งฝ่ายไทยจะชี้แจง และทำหนังสือชี้แจงอย่างเป็นทางการไปด้วย"
ในช่วงท้ายของการแถลง โฆษกกระทรวงการต่างประเทศย้ำว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นปัญหาระหว่างรัฐบาล และกองทัพของทั้งสองประเทศ ไม่ใช่ปัญหาระหว่างประชาชนของทั้งสองประเทศ
กัมพูชาลากถึงศาลโลกหรือไม่
ผู้สื่อข่าวสอบถามว่า เรื่องนี้จะไปถึงศาลโลกหรือไม่ ไทยได้เตรียมความพร้อมอย่างไร นายนิกรเดช กล่าวว่า ขอให้แยกสองเรื่องนี้ออกจากกันก่อน UNSC คือ ไปชี้แจงข้อเท็จจริงแสดงจุดยืนของประเทศไทย กัมพูชาก็อยากไปชี้แจงเหมือนกัน และฟ้อง UNSC ในเรื่องต่างๆ
"ความจริงจะเป็นอย่างไรต้องติดตามดูอีกที แต่ผมมั่นใจว่าของเราเป็นความจริง ส่วนเรื่อง ICJ (ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ) เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ไม่เกี่ยวกัน ไทยพร้อมทั้งสองเวที UNSC เรามีสิทธิชี้แจงเท่าๆ กับกัมพูชา เราเป็นผู้ถูกโจมตีก่อน เราป้องกันตนเองเพื่อปกป้องอธิปไตย และคนไทย ไม่มีอะไรน่ากังวล ส่วนของศาลโลก เราไม่รับอำนาจศาลแต่ไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้พูดคุยกับที่ปรึกษาที่เป็นนักกฎหมายระหว่างประเทศ กรมสนธิสัญญาเตรียมตัวอย่างละเอียดถี่ถ้วน และมั่นใจเต็มที่" โฆษกกระทรวงการต่างประเทศกล่าว
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์







