Intel เลย์ออฟพนักงาน 15% ยุบโปรเจกต์ในยุโรป หวังพลิกฟื้นอดีตยักษ์เบอร์ 1

Intel เลย์ออฟพนักงาน 15%  ยุบโปรเจกต์ในยุโรป หวังพลิกฟื้นอดีตยักษ์เบอร์ 1

'อินเทล' ประกาศเลิกจ้างล็อตใหม่ 15% ยุบโปรเจกต์ลงทุนอีกหลายพันล้านดอลลาร์ หวังพลิกฟื้นสถานการณ์อดีตบริษัทชิปเบอร์ 1 ของโลก

บริษัทอินเทล คอร์ปอเรชัน (Intel Corporation) ประกาศลดจำนวนพนักงานลง 15% ภายในปีนี้ และจะยกเลิกโครงการลงทุนมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ในยุโรป ซึ่ง "ลิป บู ตัน" ซีอีโอคนใหม่ของอินเทลได้เสนอแผนคุมต้นทุนให้มากขึ้นและมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยประกาศว่าจะไม่มี "เช็คเปล่า" อีกต่อไป และทุกการลงทุนหลังจากนี้จะต้องคำนึงถึงผลทางเศรษฐกิจเป็นสำคัญ

การเลิกจ้างส่วนใหญ๋ได้ดำเนินการไปแล้วตั้งแต่ต้นไตรมาสนี้ โดยส่วนใหญ่เป็นหนักงานฝ่ายบริหารในระดับกลาง ซึ่งจะทำให้มีพนักงานทั่วโลกลดลงเหลือ 75,000 คน ณ สิ้นปีนี้ จากเดิมที่มีพนักงานทั้งหมดประมาณ 109,800 คน ณ สิ้นปี 2024 โดยหลังจากที่ตันเข้ามารับหน้าที่ซีอีโอคนใหม่ต่อจากแพท เกลซิงเกอร์ เมื่อเดือนมี.ค. ที่ผ่านมา ก็ได้ดำเนินมาตรการหลายด้านเพื่อพลิกฟื้นบริษัท ทั้งการตัดขายธุรกิจ เลิกจ้างพนักงาน และเปลี่ยนทิศทางบริหารจัดการทรัพยากร

ทั้งนี้ อินเทลรายงานผลประกอบการรายไตรมาสเมื่อวันที่ 24 ก.ค. โดยขาดทุนในไตรมาสที่สองเพิ่มขึ้นเป็น 2.9 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นจาก 1.6 พันล้านดอลลาร์ในช่วงเดียวกันของปีก่อน ผลประกอบการนี้แสดงให้เห็นถึงการขาดทุนรายไตรมาสติดต่อกันเป็น "ไตรมาสที่ 6" ของบริษัท ซึ่งถือเป็นการขาดทุนที่ยาวนานที่สุดในรอบ 35 ปี นับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทมา
 

อินเทลเคยได้ชื่อว่าเป็นบริษัทผู้ผลิตชิป (CPU) อันดับ 1 ของโลก และเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีของสหรัฐมานาน แต่ในช่วงหลังต้องเผชิญการแข่งขันอย่างหนักในตลาดจากบริษัทชิปรายใหญ่อย่าง AMD และ TSMC และยังถูกมองว่าตกยุคในโลกของสงครามเทคโนโลยีเอไอที่แพ้บริษัทดาวรุ่งดวงใหม่อย่าง Nvidia 

เดวิด ซินส์เนอร์ ซีเอฟโอของบริษัทกล่าวว่า อินเทลเห็นความต้องการชิปที่ใช้ในคอมพิวเตอร์พีซีเพิ่มขึ้น จากลูกค้าที่ต้องการซื้อก่อนที่ภาษีนำเข้าของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จะเริ่มมีผลบังคับใช้

อินเทลคาดการณ์รายได้ในไตรมาสปัจจุบันไว้ที่ 1.26 - 1.36 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์โดย FactSet คาดการณ์ไว้