ภาษีทรัมป์ ‘กัดกินกำไร GM’ สูญเงินกว่า 32,000 ล้านบาท หุ้นทรุด 8%

ผลกระทบจากกำแพงภาษีทรัมป์ ฉุดกำไร GM ร่วงกว่า 1 ใน 3 ‘สูญ 32,000 ล้านบาท’ ในไตรมาสเดียว แม้ยอดขายรถกระบะ-เอสยูวีในสหรัฐยังพยุงภาพรวม แต่บริษัทเตรียมลดการลงทุนและรัดเข็มขัดหนักขึ้น
สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่า กำไรในไตรมาสที่สองของ “เจนเนอรัล มอเตอร์ส” (General Motors) ค่ายรถชั้นนำสัญชาติอเมริกัน ลดลงมากกว่าหนึ่งในสาม หลังจากภาษีนำเข้าของประธานาธิบดีทรัมป์ ทำให้บริษัทต้อง “เสียค่าใช้จ่ายไปกว่า 1 พันล้านดอลลาร์” หรือราว 32,000 ล้านบาท จนส่งผลให้หุ้นของบริษัทร่วง 8% หลังผลประกอบการออกมา
GM ระบุว่า กำไรในไตรมาสนี้อยู่ที่ 1,900 ล้านดอลลาร์ ลดลงจาก 2,900 ล้านดอลลาร์ในไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้ว ขณะที่ยอดขายลดลง 2% เหลือ 47,000 ล้านดอลลาร์
แต่ถึงอย่างนั้น ผู้ผลิตรถยนต์รายนี้ก็ยังคงทำผลงานได้ดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้สำหรับงวดดังกล่าว โดยได้แรงหนุนจากยอดขายรถกระบะและ SUV ที่ใช้น้ำมันเป็นหลัก ซึ่งเป็นกลุ่มผลิตภัณฑ์หลักของบริษัท
ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ที่สุดในสหรัฐรายนี้ระบุว่า ผลกระทบจากกำแพงภาษี มีแนวโน้มเลวร้ายลงในไตรมาสที่สาม และยังคงประมาณการเดิมที่ระบุว่า ปัจจัยทางด้านการค้าอาจส่งผลกระทบต่อกำไรสุทธิระหว่าง 4 พันล้านถึง 5 พันล้านดอลลาร์ในปีนี้ โดย GM กล่าวว่า บริษัทอาจดำเนินมาตรการเพื่อลดผลกระทบดังกล่าวได้อย่างน้อย 30%
ทั้งนี้ รายได้ของ GM ในไตรมาสสิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน ลดลงเกือบ 2% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า อยู่ที่ประมาณ 4.7 หมื่นล้านดอลลาร์
กำไรต่อหุ้นที่ปรับปรุงแล้วในไตรมาสนี้ ลดลงเหลือ 2.53 ดอลลาร์ เทียบกับ 3.06 ดอลลาร์เมื่อปีที่แล้ว
กำไรที่ปรับปรุงแล้วก่อนหักดอกเบี้ยและภาษี ลดลง 32% เหลือ 3 พันล้านดอลลาร์
GM ถือเป็นหนึ่งในบริษัทที่ได้ปรับลดการคาดการณ์ประจำปี เนื่องจากผลกระทบจากกำแพงภาษีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ โดยลดประมาณการกำไรหลักที่ปรับปรุงแล้วประจำปีลงมาอยู่ที่ระหว่าง 1 หมื่นล้านถึง 1.25 หมื่นล้านดอลลาร์เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม นอกเหนือจากประเด็นเรื่องภาษีแล้ว ธุรกิจหลักของ GM ในไตรมาสนี้ ยังคงแข็งแกร่ง ยอดขายในตลาดสหรัฐ ซึ่งเป็นแหล่งกำไรหลักของบริษัท เพิ่มขึ้น 7% ขณะที่บริษัทยังคงรักษาราคาที่แข็งแกร่งสำหรับรถกระบะและ SUV ของตนได้ นอกจากนี้ GM ยังกลับมาทำกำไรได้เล็กน้อยในจีน หลังจากที่ขาดทุนไปเมื่อปีที่แล้ว
นักวิเคราะห์กล่าวว่า GM อาจจำเป็นต้องลดการลงทุนในโครงการอนาคต หรือหาวิธีอื่นในการลดค่าใช้จ่าย เพื่อชดเชยผลกระทบจากกำแพงภาษี โดยผู้ผลิตรถยนต์รายนี้ยังคงรักษาราคาให้สอดคล้องกัน และดูดซับต้นทุนกำแพงภาษีที่เพิ่มขึ้น แทนที่จะผลักภาระไปให้ลูกค้า
“แม้ว่าอุตสาหกรรมอีวีจะเติบโตช้าลง แต่เราเชื่อว่า ในอนาคตระยะยาว คือ การผลิตรถยนต์ไฟฟ้าที่ทำกำไรได้ และนี่คือเป้าหมายหลักของเรา” แมร์รี บาร์รา ซีอีโอของ GM กล่าว
สำหรับอนาคตรถยนต์ไฟฟ้า แนวโน้มนี้ยิ่งไม่มั่นคงหลังจากสิ้นสุดการสนับสนุนจากรัฐบาลสหรัฐ ซึ่งกฎหมายภาษีและงบประมาณที่ได้รับการอนุมัติจากสภาคองเกรสจะ “ยกเลิกเครดิตภาษี 7,500 ดอลลาร์” สำหรับการซื้อหรือเช่ารถยนต์ไฟฟ้าใหม่ และเครดิตอีวีมือสอง 4,000 ดอลลาร์ในปลายเดือนกันยายน
นอกจากนี้ ทรัมป์ยังได้ลงนามในกฎหมายภาษีและงบประมาณที่ “ยกเลิกค่าปรับ” สำหรับการไม่ปฏิบัติตามกฎระเบียบการประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิง ซึ่งเป็นการเคลื่อนไหวที่เป็นผลบวกต่อกลุ่มรถยนต์ใช้น้ำมัน
อ้างอิง: reuters







