อะไรทำให้ 'ทรัมป์' กลับลำ ลดภาษีและขายชิป Nvidia ให้จีน ?

"ทรัมป์" ใช้นโยบายแข็งกร้าวต่อจีน ขึ้นภาษีสามหลักและห้ามส่งออกชิป H20 ของ Nvidia แต่ "สี จิ้นผิง" ตอบโต้ด้วยการจำกัดส่งออกแร่หายากและแม่เหล็ก
KEY
POINTS
- ทรัมป์เปลี่ยนท่าทีจากแข็งกร้าวสู่อ่อนข้อกับจีน หลังโดนตอบโต้แร่หายาก
- เมื่อต้นปี ทรัมป์ใช้นโยบายแข็งกร้าวต่อจีน ขึ้นภาษีสามหลักและห้ามส่งออกชิป H20 ของ Nvidia
- แต่สี จิ้นผิงตอบโต้ด้วยการจำกัดส่งออกแร่หายากและแม่เหล็กที่สำคัญต่ออุตสาหกรรมรถยนต์ อุปกรณ์ทหาร และอิเล็กทรอนิกส์อเมริกา
- วิกฤตใหญ่ตามมา ซีอีโอบริษัทใหญ่อย่าง Ford และ Suzuki โทรบอกทรัมป์ว่าโรงงานจะปิดเพราะขาดแร่สำคัญ
- ผลลัพธ์ ทรัมป์กลับลำ ยกเลิกการห้ามขาย H20
- ซีอีโอ Nvidia ล็อบบี้หนักโต้แย้งว่าการปิดกั้นเทคโนโลยีจะกระตุ้นให้จีนพัฒนาเทคโนโลยีเองแทน
เมื่อต้นปีที่ผ่านมา ความสัมพันธ์ สหรัฐ-จีน ตึงเครียดสุดขีด ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ใช้นโยบาย "แข็งกร้าว" ขึ้นภาษีจีน สูงทะลุ 100% พร้อมห้ามส่งออกชิปปัญญาประดิษฐ์ขั้นสูง โดยเฉพาะ ชิป H20 ของ Nvidia ซึ่งเป็นชิปรุ่นที่เกรดต่ำที่สุดไปจีน แต่เพียงไม่กี่เดือนต่อมา ทรัมป์กลับกลับลำ ยกเลิกการห้ามขายชิป H20 และเปลี่ยนจาก "การข่มขู่" มาเป็น "อ่อนข้อ" ต่อจีนแทน
แหล่งข่าวในรัฐบาลเผยในบทวิเคราะห์ “As Trump Courts a More Assertive Beijing, China Hawks Are Losing Out” ของเดอะนิวยอร์กไทม์ส ว่า ตอนที่ทรัมป์ขึ้นภาษีจีนในเดือนเม.ย. "เจ้าหน้าที่ระดับสูงบางคนคิดว่าปักกิ่งจะยอมแพ้อย่างรวดเร็ว เนื่องจากเศรษฐกิจจีนที่อ่อนแอในช่วงนั้น"
แต่ผลลัพธ์กลับเป็นไปในทิศทางตรงกันข้าม คือ สี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีนสวนกลับทรัมป์ด้วยการจำกัดการส่งออกแร่หายากและแม่เหล็ก ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญต่อโรงงานรถยนต์ อุปกรณ์ทหาร อุปกรณ์การแพทย์ และอิเล็กทรอนิกส์ของอเมริกาอย่างมาก
"โรงงานปิดตัวอื้อ" เสียงโทรศัพท์ที่ทำให้ทรัมป์ตกใจ
ผลจากการตอบโต้ของจีนทำให้เกิดวิกฤตใหญ่ เมื่อโฟลว์ของวัตถุดิบเหล่านั้นหยุดลง ทรัมป์และเจ้าหน้าที่อื่นๆ เริ่มได้รับสายจากซีอีโอต่างๆ บอกว่าโรงงานของพวกเขาจะปิดลงเร็วๆ นี้ ไม่ว่าจะเป็น Ford, Suzuki และบริษัทอื่นๆ เริ่มปิดโรงงานเพราะขาดแคลนวัตถุดิบ
แหล่งข่าวของเดอะนิวยอร์กไทม์สระบุอีกว่า "ทรัมป์และที่ปรึกษาระดับสูงรู้สึกประหลาดใจกับภัยคุกคามจากการตอบโต้ของปักกิ่ง" จนต้องกลับมานั่งโต๊ะเจรจาในฤดูใบไม้ผลิที่ผ่านมา
"มันเหมือนการเต้นรำ หนึ่งฝ่ายขยับ อีกฝ่ายก็ตอบสนอง"
ด้าน เครก อัลเลน อดีตนักการทูตแหล่งข่าวเดอะนิวยอร์กไทม์ส อธิบายสถานการณ์ปัจจุบันว่า "ทั้งสองประเทศกำลังเตรียมการสำหรับการประชุมสุดผู้นำอีกครั้ง คาดว่าทั้งจีนและสหรัฐจะแลกเปลี่ยนสิ่งที่ตัวเองต้องการและไม่ต้องการซึ่งกันและกัน"
"มันเหมือนการเต้นรำ หนึ่งฝ่ายเดินหมาก อีกฝ่ายก็เดินหมากตอบ" อัลเลนกล่าว
สำหรับประเด็นเรื่องชิป เดิมทีรัฐมนตรีคลัง สกอตต์ เบสเซนต์ บอกกับสภาคองเกรสในเดือนมิ.ย.ว่า "ไม่มีการแลกเปลี่ยนนโยบายเรื่องชิป H20 กับแร่หายาก"
แต่เมื่อวันที่ 15 ก.ค. เบสเซนต์กลับพลิกคำพูดว่า "การตัดสินใจเรื่อง H20 เป็นส่วนหนึ่งของภาพรวมของการเจรจากับจีน พวกเขามีสิ่งที่เราต้องการ เรามีสิ่งที่พวกเขาต้องการ และตอนนี้เราอยู่ในจุดที่ดีมาก"
เจนเซน หวง ล็อบบี้หนัก
ขณะเดียวกัน ซีอีโอ Nvidia เจนเซน หวงก็ล็อบบี้อย่างหนักในในวอชิงตันดีซี โดยเดอะนิวยอร์กไทม์ส รายงานว่า เขากดดันนักการเมืองให้กลับมาเปิดตลาดการขายชิปในจีน โดยหวงโต้แย้งว่า "การปิดกั้นเทคโนโลยีอเมริกาจากจีนส่งผลย้อนแย้งด้วยการสร้างความเร่งด่วนให้จีนพัฒนาเทคโนโลยีของตัวเอง"
จอห์น ริซโซ โฆษก Nvidia กล่าวว่า "รัฐบาลเข้าใจแล้วว่าการบังคับให้ทั้งโลกต้องใช้อุปกรณ์ของคู่แข่งจะทำร้ายความมั่นคงทางเศรษฐกิจและความมั่นคงแห่งชาติของอเมริกาแน่นอน"
นอกจากนี้ หลังจากเกิดเรื่องทั้งหมดรัฐบาลทรัมป์มีการเปลี่ยนแปลงภายใน "เจ้าหน้าที่ที่สนับสนุนการควบคุมเทคโนโลยีต่อจีนถูกกีดกันออกไป เพื่อสนับสนุนเจ้าหน้าที่ที่สนับสนุนความต้องการล่าสุดของทรัมป์
"สมาชิกสายเหยี่ยวของสภาความมั่นคงแห่งชาติถูกไล่ออกในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา หลังถูกกล่าวหาว่าขาดความจงรักภักดี" แหล่งข่าวของเดอะนิวยอร์กไทม์ส ระบุ
ผู้เชี่ยวชาญเตือน "จีนจับจุดอ่อนอเมริกาได้แล้ว"
คริสโตเฟอร์ ปาดิลลา อดีตเจ้าหน้าที่ควบคุมการส่งออกในรัฐบาลจอร์จ ดับเบิลยู บุช เตือนว่า "การที่สหรัฐ มานั่งเจรจาเรื่องที่ควรจะเป็นข้อจำกัดด้านความมั่นคง เป็นความสำเร็จครั้งสำคัญของจีน"
"พวกเขาไล่ตามเรื่องนี้มานานหลายทศวรรษ และตอนนี้พวกเขาสำเร็จแล้ว ผมคิดว่าจีนจะเรียกร้องสัมปทานเพิ่มเติมเกี่ยวกับการควบคุมการส่งออกเพื่อแลกกับสิ่งที่เราต้องการครั้งต่อไป"
จิมมี่ กูดริช ที่ปรึกษาอาวุโสด้านการวิเคราะห์เทคโนโลยี RAND Corporation สรุปว่า "ความท้าทายของรัฐบาลทรัมป์คือ พวกเขาจะออกจากสถานการณ์ลำบากนี้ได้อย่างไร ตอนนี้อำนาจอยู่ในมือของปักกิ่ง ซึ่งสามารถกำหนดเวลา สถานที่ และลักษณะของนโยบายเทคโนโลยีและการค้าของสหรัฐ ต่อจีนได้แล้ว"
จีนผ่อนคลายการส่งออกแร่หายาก ปริมาณพุ่ง 158% หลังข้อตกลงสงบศึกการค้า
ล่าสุด สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานในบทวิเคราะห์ "China Rare-Earth Magnet Exports Jump 158% After Trade Truce" วันนี้ (21 ก.ค.) ว่า จีนส่งออกแม่เหล็กแร่หายากในเดือน มิ.ย.พุ่งสูงถึง 3,188 ตัน เพิ่มขึ้นกว่าสองเท่าจาก 1,238 ตันในเดือนพ.ค. ขณะที่การส่งออกไปสหรัฐ เพียงประเทศเดียวเพิ่มจาก 46 ตันเป็น 353 ตัน หลังจากที่จีนผ่อนคลายมาตรการควบคุมการส่งออกแร่หายาก 7 ชนิดจาก 17 ชนิด ที่เคยจำกัดไว้ตั้งแต่ต้นเดือนเม.ย. ซึ่งส่งผลกระทบต่อการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า สมาร์ตโฟน และเครื่องบินขับไล่ทั่วโลก
แม้ปริมาณการส่งออกจะฟื้นตัวแล้ว แต่ยังคงอยู่ในระดับต่ำกว่าช่วงก่อนจีนเริ่มใช้มาตรการควบคุม โดยปริมาณเดือน มิ.ย. อยู่ที่ประมาณสองในสามของค่าเฉลี่ยรายเดือนปีที่แล้ว
ขณะที่จีนผลิตแม่เหล็กแร่หายากถึง 90% ของโลก วิกฤตแม่เหล็กในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมาจึงเร่งให้รัฐบาลตะวันตกพยายามสร้างห่วงโซ่อุปทานที่ไม่ผ่านจีน โดยเพนตากอนเพิ่งตกลงซื้อหุ้นใน MP Materials บริษัทเหมืองแร่หายากเพียงแห่งเดียวในอเมริกา เพื่อสร้างโรงงานผลิตแม่เหล็กขนาดใหญ่แห่งใหม่ ซึ่งเป็นส่ิงที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนกับการที่เพนตากอนซึ่งเป็นหน่วยงานของสหรัฐเข้าไปถือหุ้นของบริษัทเอกชน นั้นหมายความว่าสหรัฐแสดงให้เห็นอย่างเป็นรูปธรรมว่าอุตสาหกรรแร่หายากเป็นประโยชน์แห่งชาติของสหรัฐ







