สหรัฐขึ้นภาษี ‘แกรไฟต์จีน’ รวมสูงถึง 160% เสี่ยงลบล้างผลกำไร ‘ผู้ผลิตแบตเตอรี่’

สหรัฐขึ้นภาษี ‘แกรไฟต์จีน’ รวมสูงถึง 160% เสี่ยงลบล้างผลกำไร ‘ผู้ผลิตแบตเตอรี่’

สหรัฐกำหนดภาษีต่อ ‘แกรไฟต์จากจีน’ ที่จำเป็นต่อแบตเตอรี่ สูงถึง 160% เมื่อรวมกับภาษีเดิม สะเทือนอุตสาหกรรมแบตเตอรี่ทั่วโลก กระทบ Tesla–Panasonic หวั่นซ้ำเติมอุตสาหกรรมพลังงานหมุนเวียน

 

สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า กระทรวงพาณิชย์สหรัฐได้กำหนดภาษีตอบโต้การทุ่มตลาดที่อัตรา 93.5% สำหรับ “แกรไฟต์จากจีน” ซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญของแบตเตอรี่ หลังจากได้ข้อสรุปว่า วัตถุดิบดังกล่าวได้รับการอุดหนุนอย่างไม่เป็นธรรม

เมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา สมาคมการค้าที่เป็นตัวแทนผู้ผลิตแกรไฟต์ของสหรัฐ ได้ยื่นคำร้องต่อหน่วยงานรัฐบาลกลางสองแห่ง เพื่อขอให้มีการสอบสวนว่า บริษัทจีนละเมิด “กฎหมายการทุ่มตลาด” หรือไม่ ภาษีใหม่นี้จะเพิ่มอัตราภาษีที่มีอยู่เดิม ทำให้ภาษีที่เรียกเก็บจริงอยู่ที่ 160% ตามข้อมูลของ American Active Anode Material Producers ซึ่งเป็นกลุ่มการค้าที่ยื่นเรื่องร้องเรียนดังกล่าว

การเรียกเก็บภาษีตอบโต้การทุ่มตลาดสำหรับแกรไฟต์นี้ คาดว่าจะเพิ่มความตึงเครียดในห่วงโซ่อุปทานยานยนต์ไฟฟ้า (อีวี) ทั่วโลก ซึ่งกำลังเผชิญกับการควบคุมการส่งออกแร่ธาตุสำคัญ และเทคโนโลยีแบตเตอรี่บางชนิดของจีนอยู่แล้ว ส่งผลให้หุ้นของซัพพลายเออร์แบตเตอรี่ปรับตัวลดลง ในขณะที่ผู้ผลิตแกรไฟต์ในอเมริกาเหนือ กลับมีราคาพุ่งสูงขึ้น

“การตัดสินใจของกระทรวงพาณิชย์พิสูจน์ให้เห็นว่า จีนกำลังขายวัสดุที่ใช้ในขั้วแบตเตอรี่ในราคาที่ต่ำกว่ามูลค่าที่ควรจะเป็นในตลาดในประเทศ” อีรีค โอลสัน โฆษกของกลุ่มการค้าผู้ผลิตแอโนดกล่าวในแถลงการณ์

ทั้งนี้ ภาษีดังกล่าวจะส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อผู้ผลิตแบตเตอรี่ โดยแซม แอดแฮม หัวหน้าฝ่ายวัสดุแบตเตอรี่ของ CRU Group กล่าวว่า ภาษี 160% คิดเป็นต้นทุนที่เพิ่มขึ้น 7 ดอลลาร์ต่อกิโลวัตต์-ชั่วโมงสำหรับเซลล์แบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าทั่วไป หรือคิดเป็น 1 ใน 5 ของเครดิตภาษีการผลิตแบตเตอรี่ที่มาจากกฎหมาย Inflation Reduction Act 

แอดแฮมกล่าวว่า “โดยพื้นฐานแล้ว นี่จะลบล้างผลกำไรของผู้ผลิตแบตเตอรี่ไป 1 หรือ 2 ไตรมาสทั้งหมด”

ด้าน Tesla และ Panasonic ซัพพลายเออร์แบตเตอรี่รายสำคัญจากญี่ปุ่น เป็นหนึ่งในบริษัทที่พยายามคัดค้านการเก็บภาษีใหม่นี้ โดยให้เหตุผลว่า พวกเขาพึ่งพาการนำเข้าแกรไฟต์จากจีน เนื่องจากอุตสาหกรรมภายในประเทศ ยังไม่พัฒนาเพียงพอที่จะตอบสนองมาตรฐานคุณภาพ และปริมาณที่ผู้ผลิตรถยนต์ต้องการ ผลของภาษีทำให้หุ้นของ Tesla ลดลงมากถึง 0.7% เมื่อวันพฤหัสบดี

สำหรับ “แกรไฟต์” ถือเป็นวัตถุดิบหลักที่ใช้ในการผลิตขั้วแอโนดของแบตเตอรี่ โดยเมื่อปีที่แล้ว มีการนำเข้าผลิตภัณฑ์แกรไฟต์เข้าสู่สหรัฐเกือบ 180,000 ตัน ซึ่งประมาณ 2 ใน 3 ของการนำเข้าเหล่านี้มาจากประเทศจีน 

ปัจจุบัน จีนเป็นผู้ครองอำนาจในด้านกำลังการผลิตแกรไฟต์ โดยสำนักงานพลังงานระหว่างประเทศ (IEA) คาดการณ์ว่า แกรไฟต์จะยังคงเป็นวัสดุแอโนดที่ใช้กันทั่วไปมากที่สุดสำหรับแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนทุกประเภทในระยะกลาง โดยซิลิคอนจะเริ่มเข้ามามีส่วนแบ่งในตลาดตั้งแต่ปี 2030 เป็นต้นไป

นักวิเคราะห์จาก Roth Capital Partners ระบุว่า การกำหนดอัตราภาษีตอบโต้การทุ่มตลาด อาจส่งผลกระทบต่อโครงสร้างต้นทุนของซัพพลายเออร์แบตเตอรี่ เช่น Fluence Energy และ Enphase Energy โดยหุ้น Fluence ปิดตลาดลดลง 0.4% และ Enphase ลดลง 0.7%

นอกจากนี้ ภาษีเพิ่มเติมสำหรับแบตเตอรี่ จะยิ่งเพิ่มแรงกดดันต่ออุตสาหกรรมพลังงานหมุนเวียน แม้ว่าการจัดเก็บพลังงานจะยังคงได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่สำคัญในร่างงบประมาณของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แต่กฎระเบียบของกระทรวงการคลังที่จำกัดการใช้เซลล์แบตเตอรี่จากจีน ทำให้การปฏิบัติตามกฎระเบียบเป็นเรื่องยากสำหรับผู้พัฒนาหลายราย และความเสี่ยงด้านห่วงโซ่อุปทาน อาจชะลอการเติบโตของการจัดเก็บพลังงานในโครงข่ายไฟฟ้าของสหรัฐ

อ้างอิง: bloomberg