Future of Life หุ่นยนต์อวตาร'อนาคตมนุษย์' EXPO 2025, Osaka, Kansai, Japan

Future of Life หุ่นยนต์อวตาร'อนาคตมนุษย์'  EXPO 2025, Osaka, Kansai, Japan

ในบรรดาพาวิลเลี่ยนต่างๆ ของงาน EXPO 2025, Osaka, Kansai, Japan “Future of Life” เป็นอีกหนึ่งพาวิลเลี่ยนซิกเนเจอร์ที่ใช้เทคโนโลยีล้ำยุค เป็นการรวมจินตนาการของบริษัทต่างๆ ฉายภาพผลิตภัณฑ์ สังคม และวัฒนธรรมญี่ปุ่นในอีก 50 ปีข้างหน้า

KEY

POINTS

  • พาวิลเลี่ยน “Future of Life” ในงาน EXPO 2025 ที่โอซากา นำเสนอแนวคิดหุ่นยนต์อวตาร (Avatar) เพื่อฉายภาพอนาคตของสังคมญี่ปุ่นในอีก 50 ปีข้างหน้า
  • อิชิกุโร ฮิโรชิ ผู้สร้างสรรค์พาวิลเลี่ยน ชี้ว่าหุ่นยนต์เป็นทางออกสำหรับปัญหาการขาดแคลนแรงงานและสังคมผู้สูงวัยของญี่ปุ่น
  • กระตุ้นผู้ชมได้ไตร่ตรองถึงอนาคตของตนเอง และการตัดสินใจยอมรับเทคโนโลยีเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต

ในบรรดาพาวิลเลี่ยนต่างๆ ของงาน EXPO 2025, Osaka, Kansai, Japan   “Future of Life”  เป็นอีกหนึ่งพาวิลเลี่ยนซิกเนเจอร์ที่ใช้เทคโนโลยีล้ำยุค เป็นการรวมจินตนาการของบริษัทต่างๆ ฉายภาพผลิตภัณฑ์ สังคม และวัฒนธรรมญี่ปุ่นในอีก 50 ปีข้างหน้า 

ผู้ชมจะได้พบกับหุ่นยนต์มากมายที่นี่ และได้เดินทางไปสู่อนาคตผ่านประสบการณ์แบบ Immersive รับรู้เรื่องราวของคุณยายคนหนึ่งที่เลี้ยงดูหลานสาวมาด้วยความรักสุดหัวใจ  วันหนึ่งเมื่อถึงเวลาที่คุณยายต้องจากลาโลกนี้ไป เธอจะตัดสินใจอย่างไร จะจากไปโดยวิถีธรรมชาติหรือทิ้งหุ่นยนต์อวตารไว้อยู่เป็นเพื่อนหลานสาวสุดที่รัก เรื่องนี้ถ้าเกิดขึ้นกับใครคงตัดสินใจลำบาก Future of Life หุ่นยนต์อวตาร'อนาคตมนุษย์'  EXPO 2025, Osaka, Kansai, Japan (ภาพจาก expo2025.or.jp)

คณะผู้สื่อข่าวอาเซียนที่ได้รับเชิญจากกระทรวงการต่างประเทศญี่ปุ่นให้ไปชมงาน EXPO 2025, Osaka, Kansia, Japan มีโอกาสพบปะพูดคุยกับ อิชิกุโร ฮิโรชิ นักหุ่นยนต์ชื่อดังของญี่ปุ่น ศาสตราจารย์จากมหาวิทยาลัยโอซากา ผู้สร้างสรรค์ “Future of Life” ได้รับรู้แนวคิดเบื้องหลังที่น่าสนใจถึงการอยู่ร่วมกันระหว่างมนุษย์กับแอนดรอยด์หรือหุ่นยนต์คล้ายมนุษย์ เมื่อหุ่นยนต์เป็นอวตารของเรา สิ่งนี้กำลังเกิดขึ้นแล้ว 

Future of Life หุ่นยนต์อวตาร'อนาคตมนุษย์'  EXPO 2025, Osaka, Kansai, Japan อิชิกุโร ฮิโรชิ (ขวา)  ภาพโดย Sakiko Shimono

Q: เปิดแนวคิดหุ่นยนต์

A: ครับ นั่นคืองานของผม ผมมีบทบาทในการพัฒนาหุ่นยนต์มาช่วยเหลือมนุษย์โดยเฉพาะในญี่ปุ่น เรามีปัญหาขาดแคลนแรงงาน เป็นปัญหาร้ายแรงมาก ภายใน50 ปีประชากรของเราจะลดลงเหลือติดลบ 30% เป็นอย่างน้อย แต่มีคนบอกว่าประชากรจะลดเหลือครึ่งหนึ่งของระดับปัจจุบัน เราจำเป็นต้องเปิดรับคนต่างชาติมากขึ้น แต่ไม่ง่ายเลยสำหรับญี่ปุ่น เรามีวัฒนธรรมแตกต่าง ภาษาแตกต่าง ดังนั้นทางออกของเราคือหุ่นยนต์

Q: แล้วเราจะยอมรับหุ่นยนต์ได้อย่างไร

A: ในฐานะมนุษย์ คุณยายกำลังคิดว่าตัวเลือกไหนดีกว่า ระหว่างการเสียชีวิตตามธรมชาติกับเป็นหุ่นยนต์ที่ไม่ใช่แค่หุ่นยนต์แต่เธอสามารถถ่ายทอดประสบการณ์และความรู้ให้หุ่นยนต์ หุ่นยนต์จะอยู่ต่อไปในฐานะคุณยาย

Q: ตัวคุณเองอยากให้ญาติเสียชีวิตตามธรรมชาติหรือเป็นหุ่นยนต์อวตาร

  A: ในฐานะนักวิจัยผมแค่สนใจหุ่นยนต์ ไม่ได้คิดถึงกรณีของตนเองอย่างจริงจัง แต่ในฐานะเทคโนโลยีบางทีอาจมีคนต้องการเทคโนโลยีแบบนี้ก็ได้ ในอนาคตอันใกล้เทคโนโลยีนี้จะสำคัญมาก   นี่เป็นประเด็นที่ชวนโต้แย้งในทางจริยธรรม  การจากไปโดยวิถีธรรมชาติหรืออยากให้มีชีวิตอยู่ต่อไปโดยใช้หุ่นยนต์ จำเป็นต้องหารือกันอย่างละเอียดลึกซึ้ง แต่นี่คือทางเลือก 

 อย่างที่คุณรู้ว่าหุ่นยนต์เอไอพัฒนารวดเร็วจนเหมือนมนุษย์มาก ดังนั้นถ้าเราต้องการ เราก็ก็อปปี้คนขึ้นมาได้ เผลอๆ เอไอดีกว่ามนุษย์เสียอีก อย่างน้อยๆ ก็มนุษย์โดยเฉลี่ยทั่วไป 

Q: เราจะยอมรับหุ่นยนต์มาเป็นเพื่อนร่วมสังคมหรือไม่ 

A: ทุกวันนี้เราใช้เอไอตลอดเวลา มีอะไรก็ถาม ChatGPT ถามกูเกิล ต่อไปเอไอจะเป็นอิสระมากขึ้น สื่อสารง่ายขึ้น การใช้งานแค่ต้องเรียนรู้วิธีใช้ แล้วพูดกับมัน

ความสำคัญของงานเอ็กซ์โปคือ “การคิดถึงอนาคตของตัวเราเอง” ในงานมีการแสดงเทคโนโลยีมากมาย  แต่ละวันมนุษย์ต้องการเทคโนโลยีใหม่ๆ ดังนั้นเราจำเป็นต้องตัดสินใจด้วยตัวเราเองว่าจะเลือกอนาคตแบบไหนด้วยการยอมรับเทคโนโลยี นี่คือบทบาทของมนุษย์ เป็นสิ่งสำคัญที่สุดในงานเอ็กซ์โปนี้ 

โดยปกติเวลามางานเอ็กซ์โปเราก็แค่ตื่นตาตื่นใจไปกับเทคโนโลยีใหม่ แต่ตอนนี้เราอยู่กับเทคโนโลยีใหม่ในชีวิตประจำวันแล้ว สิ่งสำคัญคือต้องคิดถึงอนาคต งานเอ็กซ์โปเปิดโอกาสให้คนทั่วโลกมาชมนิทรรศการน่าสนใจมากมาย 

ดังนั้นคอนเซ็ปพาวิลเลี่ยนของผมก็คือคุณมีโอกาสคิดถึงอนาคตว่าจะยอมรับเทคโนโลยีหรือไม่ เหมือนอย่างเด็กผู้หญิงที่ต้องการหุ่นยนต์คุณยาย สุดท้ายแล้วมันก็คือทางเลือกของเรา เทคโนโลยีคือทางเลือก แต่อีกนัยหนึ่งมันคือการเสริมสร้างขีดความสามารถของเรา เพราะเทคโนโลยีเราจึงอยู่รอดได้บนโลกใบนี้ ถ้าไม่มีเทคโนโลยีเราก็อยู่ไม่รอด ดังนั้นเราจึงต้องการให้เทคโนโลยีพัฒนาต่อไปอีก  

Q: ตอนนี้เราอยู่ในยุคเอไอ หลายคนกังวลว่าเอไอจะมาแทนที่มนุษย์ 

A: ไม่มีใครรู้ว่านิยามของมนุษย์ว่าคืออะไรแต่อย่างน้อยก็บอกได้ว่า มนุษย์ไม่ใช่สัตว์ เพราะเราใช้เทคโนโลยี เรามีวิวัฒนาการนั่นก็คือเทคโนโลยี ถ้าไม่มีเทคโนโลยีเราก็ไม่ใช่มนุษย์ วัคซีน ยาฆ่าเชื้อ เสื้อผ้า บ้านเรือน ทุกอย่างใช่ทั้งนั้น

 โลกเป็นดาวเคราะห์ดวงเล็กๆ ถ้าเกิดอะไรขึ้นแล้วทุกคนหายไปจากโลก แต่ถ้าเรามีเทคโนโลยีที่ทรงพลังมากๆ เราก็อยู่รอดได้ในห้วงอวกาศ ด้วยเหตุนี้เราจึงต้องการหุ่นยนต์และเอไอมากขึ้น 

เพื่อนๆ ครับภายใน 10 ปี คุณก็อาจจะได้ใช้หุ่นยนต์สนทนาของตนเอง ไม่ใช่แอนดรอยด์นะ เผลอๆ มันอาจเป็นแค่หุ่นยนต์ตัวเล็กๆ น่ารัก แต่สื่อสารได้ง่าย

Q: คุณกลัวเทคโนโลยีหรือเอไอหรือไม่

A: ไม่เลย ไม่เคยเลยเพราะเราสามารถเสริมสร้างขีดความสามารถของเราได้ด้วยการใช้เทคโนโลยีเอไอ พวกคุณเข้าถึงกูเกิล ChatGPT กันอยู่แล้ว ถ้าไม่มีเทคโนโลยีเราก็ทำงานไม่ได้ ถูกมั้ย?

สำหรับสังคมสูงวัยของญี่ปุ่น หุ่นยนต์จะนำมาใช้ดูแลคนแก่ อยู่เป็นเพื่อนคนแก่ที่ใช้ชีวิตตามลำพังมีหุ่นยนต์เอไอเป็นเพื่อนคลายเหงา ญี่ปุ่นเป็นสังคมที่มีเทคโนโลยีล้ำสมัยก็ใช้หุ่นยนต์และเอไอเป็นหนทางแก้ปัญหา

หุ่นยนต์เอไอกำลังเพิ่มชีวิตชีวาให้มนุษย์ ในประวัติศาสตร์แห่งพัฒนาการเทคโนโลยีเข้ามาแทนที่มนุษย์ในการทำงานง่ายๆ เสมอ จากนั้นมนุษย์ก็ไปคิดค้นเทคโนโลยีอื่นและทำงานที่ดีกว่า

 เราจำเป็นต้องเรียนรู้การใช้เทคโนโลยี การใช้คอมพิวเตอร์ การขับรถ ถูกมั้ย?เราจำเป็นต้องเรียนรู้เพิ่ม แต่เมื่อเราใช้หุ่นยนต์เอไอ เราสามารถเพิ่มผลิตภาพได้อย่างรวดเร็ว 

Q: อะไรทำให้คุณสนใจหุ่นยนต์

A: พวกคุณสนใจในมนุษย์ใช่มั้ยล่ะ! ถึงได้มาที่นี่ มาคุยกับผม ก็เหมือนกับผมล่ะที่สนใจในมนุษย์ ผมเรียนวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์และหุ่นยนต์ เดิมทีผมอยากเป็นช่างวาดภาพสีน้ำมัน แต่ผมสนใจในมนุษย์จึงพยายามสะท้อนความเป็นมนุษย์ด้วยหุ่นยนต์

คำถามสำคัญคือมนุษย์คืออะไร ดูคณะต่างๆ ที่สอนในมหาวิทยาลัยพวกเขาพยายามทำความเข้าใจในความเป็นมนุษย์ เข้าใจสังคมมนุษย์ ในยุคเอไอก็แค่ยอมรับ มันเป็นเพื่อนกับเราได้ แล้วเราจะมีเพื่อนที่ฉลาดมากๆ มีชีวิตอยู่ด้วยกันช่วยเหลือซึ่งกันและกัน

 Q: ทุกวันนี้โซเชียลมีเดียมีแต่เฟคนิวส์ ภาพปลอม เสียงปลอม คุณไม่คิดหรือว่าด้านมืดของสังคมมีสาเหตุมาจากเทคโนโลยีเอไอ

A: ไม่ คนอย่างเราๆ ต่างหากที่สร้างปัญหามากมาย คุณมีความต้องการงี่เง่ามากมาย ผมไม่เคยรู้จักเอไอที่เลวร้ายหรือหุ่นยนต์เลวร้ายเลย แต่ผมรู้จักคนชั่วๆ หลายคน คนที่ไปฆ่าคนอื่น

Q: คุณไว้ใจเอไอมากกว่าคนอย่างนั้นหรือ

A: ไม่ เราไม่ได้โง่ขนาดนั้น เราพัฒนาเอไอดีๆ หุ่นยนต์ดีๆ ได้ เรากำลังพัฒนาเทคโนโลยีสำหรับตัวเราเองคุณเชื่อในแนวคิดเรื่องภาวะเอกฐานไหม? ภาวะเอกฐานเกิดขึ้นแล้วเป็นแนวคิดที่คลุมเครือมากไม่มีนิยามเกี่ยวกับภาวะเอกฐาน แต่มันก็เกิดขึ้นแล้ว

Q: แล้วถ้าเกิดควบคุมไม่ได้ล่ะ

A: ผมไม่คิดว่าจะเป็นอย่างนั้นนะ ไม่เลย เราอยู่รอดได้ ญี่ปุ่นขาดแคลนแรงงานก็สามารถเพิ่มผลิตภาพได้ การนำแรงงานต่างชาติเข้ามาไม่ใช่เรื่องง่าย พัฒนาเอไอง่ายกว่า สถานการณ์ในญี่ปุ่นแตกต่างจากในประเทศเอเชียอื่นๆ หรือในยุโรป สังคมเราไม่เหมือนใคร บางครั้งการเอาตัวรอดในญี่ปุ่นก็ยาก ภาษาแตกต่างอย่างสิ้นเชิง วัฒนธรรมก็แตกต่าง

Q: อะไรคือความทรงจำส่วนตัวที่บันดาลใจให้คุณสร้างพาวิลเลี่ยนนี้

A: ไม่มีอะไรเลย เรื่องราวในพาวิลเลี่ยนถูกออกแบบมาโดยนักเขียนมืออาชีพ เดินเรื่องได้ดีทีเดียว เป็นมืออาชีพจริงๆ

ผมแค่บอกคอนเซ็ปว่าอนาคตแบบไหนที่เราอยากได้ แล้วนักเขียนมืออาชีพก็เขียนเรื่องออกมา คอนเซ็ปคืออนาคตพันปีข้างหน้า สวยงามมาก เราอยากเป็นมนุษย์แบบนั้น มันคือความฝันของเรา

Q: คุณพอจะบอกได้หรือไม่ว่าเป็นอย่างไร

A: ผมบอกไม่ได้ ผมอยู่ไม่ถึงหรอก แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือหัวใจ ตอนนั้นเราสามารถเลือกร่างกายแบบไหนก็ได้ สามารถอัพโหลดสมองลงในร่างกายแบบไหนก็ได้ สามารถเลือกร่างกายที่ดีที่สุดหรือเลือกให้เหมาะสมกับสถานการณ์และวัตถุประสงค์ เรามีเสรีภาพขนาดนั้นเลย

Q: ความพึงพอใจมากที่สุดต่อพาวิลเลี่ยน Future of Life

A: ทุกคนที่มาได้มีโอกาสคิดถึงอนาคต ความคิดเห็นแบบนี้สำคัญมากสำหรับเรา กระตุ้นให้พวกเขาคิด ในเวลาเดียวกันแอนดรอยด์ก็งดงามมาก ผมทำพาวิลเลี่ยนนี้เพื่อเปิดโอกาสให้คิดถึงอนาคต นี่คือพันธกิจสำคัญที่สุดของเอ็กซ์โปครั้งนี้ Future of Life หุ่นยนต์อวตาร'อนาคตมนุษย์'  EXPO 2025, Osaka, Kansai, Japan (หุ่นยนต์อวตาร อิชิกุโร ฮิโรชิ ภาพโดย Danish Raja Reza) Future of Life หุ่นยนต์อวตาร'อนาคตมนุษย์'  EXPO 2025, Osaka, Kansai, Japan

(ตัวอย่างหุ่นยนต์ในพาวิลเลี่ยน Future of Life)

Future of Life หุ่นยนต์อวตาร'อนาคตมนุษย์'  EXPO 2025, Osaka, Kansai, Japan (ภาพโดย Larasati Dyah Utami)