สถานทูตฝรั่งเศสจัดงานวันชาติ 14 ก.ค. รำลึกทลายคุกบัสตีย์

สถานเอกอัครราชทูตฝรั่งเศสประจำประเทศไทยได้จัดงานเลี้ยงรับรองเนื่องในโอกาสวันชาติของสาธารณรัฐฝรั่งเศส (Fête nationale française) 14 ก.ค.
การจัดงานวันชาติสาธารณรัฐฝรั่งเศส เมื่อวันที่ 14 ก.ค.2568 บุคคลจากหลากหลายภาคส่วน อาทิ คณะทูตานุทูต บุคคลสำคัญของไทย ข้าราชการระดับสูง ผู้แทนหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน ผู้แทนชุมชนชาวฝรั่งเศสในประเทศไทย และพันธมิตรของประเทศฝรั่งเศส เข้าร่วมงานและแสดงความยินดี รวมทั้งสิ้นกว่า 1,000 คน
วันที่ 14 กรกฎาคม ของทุกปีเป็นวันรำลึกการทลายคุกบัสตีย์ (Bastille) ในกรุงปารีส เมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม ค.ศ. 1789 ซึ่งบางประเทศเรียกเหตุการณ์นี้ว่า วันบัสตีย์ (Bastille Day) ทั้งนี้ สำหรับชาวฝรั่งเศส วันที่ 14 กรกฎาคม ถือเป็นโอกาสในการมารวมตัวกันเพื่อจัดงานฉลอง
ในโอกาสนี้ นายฌ็อง-โกลด ปวงเบิฟ (Jean-Claude Poimboeuf) เอกอัครราชทูตฝรั่งเศสประจำประเทศไทย พร้อมด้วยดร.ลาลีวรรณ กาญจนจารี ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการต่างประเทศ เป็นประธานกล่าวต้อนรับและแสดงความขอบคุณต่อผู้เข้าร่วมงานพร้อมเน้นย้ำถึงความสัมพันธ์ที่มีรากฐานทางประวัติศาสตร์อันยาวนานกว่า 340 ปี นับตั้งแต่เมื่อเชอวาลีเย อแล็กซ็องดร์ เดอ โชมงต์ (Chevalier Alexandre de Chaumont) ได้นำคณะทูต เดินทางเข้าเฝ้าสมเด็จพระนารายณ์มหาราชในปี พ.ศ. 2228 ตามพระบรมราชโองการของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 แห่งฝรั่งเศส
เอกอัครราชทูตฝรั่งเศสเน้นย้ำว่า ฝรั่งเศสให้ความสำคัญกับการเสริมสร้างความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์กับประเทศไทยในหลากหลายมิติ อาทิ ความมั่นคงในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก ความร่วมมือด้านกลาโหม พลังงานหมุนเวียน ความมั่นคงทางทะเล การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม เทคโนโลยีดิจิทัล ปัญญาประดิษฐ์ สุขภาพโลก และความร่วมมือทางวิชาการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาที่ประชาคมโลกเผชิญความท้าทายหลากหลาย ทั้งจากวิกฤตด้านภูมิอากาศ ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ หรือความเสื่อมถอยของระบบพหุภาคี เป็นต้น พร้อมทั้งกล่าวถึงความมุ่งมั่นร่วมกันระหว่างฝรั่งเศสและประเทศไทยในการยกระดับความสัมพันธ์สู่ระดับ “หุ้นส่วนเชิงยุทธศาสตร์” (Strategic Partnership) ผ่านกรอบความร่วมมือสำคัญทั้งในระดับทวีภาคี และพหุภาคี ซึ่งดำเนินไปตามกรอบความร่วมมือระหว่างไทยและสหภาพยุโรป ตลอดจนกรอบความร่วมมือระหว่างฝรั่งเศสกับสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (ASEAN)
การหารือระดับสูงล่าสุดระหว่างประธานาธิบดีฝรั่งเศสและนายกรัฐมนตรีไทยเมื่อวันที่ 27 มิถุนายนที่ผ่านมาได้สะท้อนเจตจำนงร่วมกันของทั้งสองประเทศในการวางรากฐานความร่วมมือระยะยาวที่มีเป้าหมายชัดเจนในการยกระดับความสัมพันธ์สู่ความเป็นหุ้นส่วนเชิงยุทธศาสตร์ โดยจะมีการขับเคลื่อนอย่างเป็นรูปธรรมในช่วงปีหน้า หรือปี 2569 ซึ่งเป็นวาระครบรอบ 170 ปี การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตอย่างเป็นทางการระหว่างสองประเทศ
นอกจากนี้ เอกอัครราชทูตฯ ยังได้กล่าวยกย่องบทบาทของชุมชนชาวฝรั่งเศสในประเทศไทยในหลากหลายสาขา ทั้งด้านเกษตร อุตสาหกรรมอาหาร การบินและอวกาศ และเชิดชูเกียรติสถาบันศิลปะการประกอบอาหารฝรั่งเศสในประเทศไทย อันได้แก่ โรงเรียนเลอ กอร์ดอง เบลอ ดุสิต โรงเรียนดูคาส–นายเลิศ กรุงเทพ สตูดิโอ และสถาบันวาแตล ประเทศไทย ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการเผยแพร่วัฒนธรรมฝรั่งเศสผ่านศาสตร์ด้านการประกอบอาหาร ทั้งยังมีการเฉลิมฉลองความสำเร็จของร้านอาหารไทยในกรุงเทพฯ ที่ได้รับรางวัลสามดาวมิชลิน เป็นครั้งแรกในปี







