ทรัมป์เคืองปูติน แต่มิตรภาพอาจยังไม่จบ

นับตั้งแต่ขึ้นมามีอำนาจทางการเมืองเมื่อทศวรรษก่อน โดนัลด์ ทรัมป์ ได้แต่พร่ำชม ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูตินของรัสเซีย เป็น “ผู้นำแข็งแกร่ง” เขาน่าจะเป็นบุคคลสำคัญที่ “พูดจาดีๆ” เกี่ยวกับทรัมป์อยู่เสมอ
KEY
POINTS
- ทรัมป์แสดงความผิดหวังในตัวปูตินที่ยังคงโจมตียูเครนอย่างต่อเนื่อง
- ทรัมป์ตอบโต้รัสเซียด้วยการประกาศส่งอาวุธชุดใหม่ไปยังยูเครน และขู่ว่าจะเก็บภาษี 100% กับประเทศที่ซื้อน้ำมันจากรัสเซีย
- ผู้เชี่ยวชาญมองท่าทีที่แข็งกร้าวของทรัมป์มาจากความไม่พอใจที่ความพยายามในการเจรจากับปูตินล้มเหลว เสียภาพ "นักเจรจา"
- แม้จะมีความขัดแย้งล่าสุด แต่ความสัมพันธ์ของทั้งสองอาจยังไม่จบสิ้น เนื่องจากในอดีตทรัมป์เคยแสดงความต้องการที่จะไว้วางใจและเจรจากับปูติน
นับตั้งแต่ขึ้นมามีอำนาจทางการเมืองเมื่อทศวรรษก่อน โดนัลด์ ทรัมป์ ได้แต่พร่ำชม ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูตินของรัสเซีย เป็น “ผู้นำแข็งแกร่ง” เขาน่าจะเป็นบุคคลสำคัญที่ “พูดจาดีๆ” เกี่ยวกับทรัมป์อยู่เสมอ
แต่ความสัมพันธ์ฉันพี่น้องระหว่างทรัมป์กับปูตินมาถึงจุดต่ำสุดในวันจันทร์ (14 ก.ค.) เมื่อทรัมป์ประกาศส่งอาวุธชุดใหม่ผ่านยุโรปไปให้ยูเครนและขู่เก็บภาษีกับประเทศที่ซื้อน้ำมันรัสเซีย กระนั้น ความสัมพันธ์สองผู้นำอาจจะยังไม่จบสิ้น
สำนักข่าวเอเอฟพีรายงาน ทรัมป์ ผู้เคยลั่นวาจาจะยุติสงครามยูเครนตั้งแต่วันแรกที่หวนคืนสู่ทำเนียบขาว กล่าวว่า เขา “ผิดหวัง” ในตัวปูติน ที่ยังคงโจมตียูเครนอย่างต่อเนื่อง ราวกับว่าการคุยโทรศัพท์กัน “ไม่มีความหมายอะไรเลย”
“ผมกลับบ้านบอกเฟิร์สเลดี้ ‘คุณรู้มั้ย วันนี้ผมคุยกับวลาดิมีร์ เราคุยกันดีมากเลย เธอบอก โอ้ จริงเหรอคะ? เมืองไหนถูกถล่มอีกล่ะ’” ทรัมป์เล่าก่อนเสริม
“ผมไม่อยากบอกว่าเขาเป็นนักฆ่า แต่เขาเป็นคนเหี้ยม เรื่องนี้ได้รับการพิสูจน์มาหลายปี เขาหลอกลวงคนมากมาย” ทรัมป์กล่าว พร้อมปฏิเสธอย่างรวดเร็วว่า ไม่ได้เป็นหนึ่งในคนที่ถูกหลอก พร้อมยืนกรานอีกครั้งว่า การรุกรานยูเครนในปี 2022 เป็นความผิดพลาดของอดีตประธานาธิบดีโจ ไบเดน ที่เล่นบทโหดกับรัสเซียมาโดยตลอด
ทรัมป์ถืออาวุธโปรดโดยให้เวลารัสเซีย 50 วัน ไม่เช่นนั้นจะเก็บภาษี 100% กับประเทศที่ซื้อสินคารัสเซีย แต่ไม่สนับสนุนร่างกฎหมายในสภาคองเกรสที่ให้เก็บภาษีถึง 500%
การค้าของรัสเซียกับสหรัฐมีน้อยนิดอยู่แล้ว เฮเธอร์ คอนลีย์ อดีตผู้กำหนดนโยบายรัสเซียของกระทรวงการต่างประเทศ ปัจจุบันอยู่ในสถาบันวิสาหกิจอเมริกัน องค์กรฝ่ายอนุรักษนิยม กล่าวกับเอเอฟพี ทรัมป์เคย “ให้คำมั่นว่าเขาจะนำปูตินมาสู่โต๊ะเจรจา แล้วก็ทำไม่สำเร็จ”
คำขู่ขึ้นภาษี “แสดงให้เห็นถึงความไม่พอใจที่เขาล้มเหลว ดิฉันไม่เห็นว่ามันคือการเปลี่ยนแปลงนโยบายครั้งใหญ่” คอนลีย์กล่าว
- สุดยอดนักเจรจาดีลจริงหรือ
ทรัมป์สร้างความตกตะลึงให้พันธมิตรยุโรปเมื่อวันที่ 28 ก.พ. เมื่อเขาทำให้ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกีของยูเครนต้องอับอายต่อหน้าสาธารณะ ระหว่างพบกันที่ทำเนียบขาวทรัมป์กล่าวว่า เซเลนสกีไม่เคยขอบคุณที่รัฐบาลไบเดนส่งอาวุธให้มูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ จากนั้นทรัมป์ระงับความช่วยเหลือทางทหารและข่าวกรองชุดใหม่ทันที
สำหรับทรัมป์ นักธุรกิจผู้คิดแต่เรื่องดีล ปูตินได้ทำความผิดใหญ่หลวง นั่นคือการบ่อนทำลายภาพที่ทรัมป์สร้างขึ้นมาว่า เขาคือ “มือทำดีล”
“หกเดือนมาแล้วที่ประธานาธิบดีทรัมป์พยายามนำปูตินมาสู่โต๊ะเจรจา การโจมตีมีแต่เพิ่มขึ้นไม่ลดลง การคำนวณผิดพลาดใหญ่สุดครั้งหนึ่งของปูตินคือคิดจะเล่นกับทรัมป์” ส.ว.ลินด์ซีย์ แกรห์ม พันธมิตรทรัมป์ผู้ผลักดันให้คว่ำบาตรรัสเซียรอบใหม่ กล่าวในรายการเฟซเดอะเนชัน ทางซีบีเอสนิวส์
แต่ทรัมป์แสดงออกอยู่เสมอว่า ยังอยากจะวางใจปูตินแม้มีเสียงเตือนหนักแน่นจากคนในรัฐบาลสหรัฐ
ที่โด่งดังที่สุดคือในการแถลงข่าวที่กรุงเฮลซิงกิ เมื่อปี 2018 ทรัมป์เข้าข้างปูตินแทนที่จะเชื่อหน่วยข่าวกรองสหรัฐ ปูตินปฏิเสธว่าไม่ได้แทรกแซงผลการเลือกตั้งปี 2016 เพื่อช่วยทรัมป์
สำหรับปูติน ผู้นำรัฐบาลมอสโกที่ดำรงตำแหน่งยาวนานที่สุดนับตั้งแต่สตาลิน นักสังเกตการณ์มองว่ามีโอกาสน้อยมากที่เขาจะยอมประนีประนอมเรื่องยูเครน หรือทำงานร่วมกับชาติตะวันตก
ปูตินเสียใจที่อิทธิพลรัสเซียเสื่อมลงหลังสหภาพโซเวียตล่มสลาย มองว่านี่คือภัยพิบัติทางประวัติศาสตร์ และไม่เคยยอมรับแนวคิดที่ว่า ยูเครนมีอัตลักษณ์ทางประวัติศาสตร์ของตนเอง
ส่วนสถานการณ์ในสนามรบคอนลีย์กล่าวว่าเมื่อรัสเซียกำลังรุกคืบทีละน้อยแต่ต่อเนื่อง พร้อมๆ กับนำทหารเกาหลีเหนือมาช่วย ปูตินพร้อมนำรัสเซียทั้งประเทศเข้าสู่สงคราม
“เครมลินทุ่มทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อการนี้ ประธานาธิบดีปูตินเชื่อว่า นี่จะค่อยๆ กัดเซาะสถานะของยูเครนและชาติตะวันตกอย่างช้าๆ แล้วเขาจะมีชัยในความขัดแย้งนี้ด้วยจิตวิญญาณของมันเอง” คอนลีย์สรุป
ด้าน มาร์ก มอนต์โกเมอรี อดีตพลเรือตรีสหรัฐและผู้ช่วยฝ่ายนโยบายวุฒิสภา ปัจจุบันเป็นนักวิจัยอาวุโส มูลนิธิเพื่อการป้องกันประชาธิปไตย ซึ่งเป็นกลุ่มวิจัยสายเหยี่ยวกล่าวว่า ปูตินเชื่อในสิ่งที่เรียกว่า TACO ซึ่งแปลว่า ทรัมป์ขี้ขลาดเสมอ
“ปูตินพยายามก้าวข้ามขีดจำกัดของตัวเองอยู่เสมอ โดยคิดว่าตัวเองสามารถทำอะไรได้มากกว่านั้นในแต่ละครั้ง แต่เขาคิดผิด ผมไม่คิดว่าจะมีอะไรหยุดยั้งได้จนกว่าปูตินรู้สึกถึงความเจ็บปวดจากอาวุธหรือเศรษฐกิจจนทำให้เขาไปต่อไม่ได้” มอนต์โกเมอรีกล่าวทิ้งท้าย







